เต็มไปด้วยสาระและข้อเท็จจริงคือ หนังสือพิมพ์แนวหน้า ทุกบรรทัดตรงไปตรงมา...
nn ก็อยากจะเขียนถึง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (WELFARE CARD) ขณะนี้ ทางหน่วยงานภาครัฐ ก็ได้แจกบัตรแก่ผู้มีสิทธิ์ ไปแล้วทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา...
nn กระนั้นก็ตาม อีก 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และพระนครศรีอยุธยา ต้องรอก่อน เพราะจะมีกำหนดการรับบัตรดังกล่าวในวันที่ 17 ตุลาคมเป็นต้นไป...
nn นโยบายนี้ มีที่มาจากการที่รัฐบาลของ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายเก็บข้อมูลเพื่อจัดทำสวัสดิการช่วยเหลือผู้ยากไร้ หรือมาตรการช่วยเหลือคนจนที่มีรายได้ไม่เกินปีละ 1 แสนบาท จึงให้กระทรวงการคลังดำเนิน “โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ” โดยเริ่มลงทะเบียนตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา...
nn โดยคราวนั้น มีประชาชนได้ลงทะเบียนผ่านช่องทางสาขาของธนาคารภาครัฐ (ออมสิน-ธ.ก.ส.-กรุงไทย) มีทั้งหมด 8.3 ล้านราย แบ่งเป็นเกษตรกร 2.9 ล้านบาท และไม่ใช่เกษตรกร 5.4 ล้านราย และทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้ไปแล้วรวม 19,290 ล้านบาท...
nn ส่วนในปีนี้ ทางกระทรวงการคลัง ได้เปิดให้ผู้มีคุณสมบัติ คือ เป็นคนสัญชาติไทย มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ว่างงานหรือมีรายได้ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2559 ทั้งสิ้นไม่เกิน 100,000 บาท ให้มาลงทะเบียนตั้งแต่ วันที่ 3 เมษายน-15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา...
nnทั้งนี้ หลังจากที่พ้นระยะเวลาลงทะเบียนไปแล้ว รองโฆษกกระทรวงการคลัง “พรชัย ฐีระเวช” แจ้งว่า มีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้นกว่า 14 ล้าน 1 แสนคน และทางกระทรวงก็ได้ดำเนินการว่าจ้าง น้องๆ นักศึกษาประมาณ 60,000 คนทั่วประเทศ สำรวจที่อยู่อาศัยของผู้ลงทะเบียน และประสานหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ เพื่อช่วยตรวจสอบความถูกต้อง จนเหลือผู้ที่มีคุณสมบัติที่ภาครัฐจะต้องช่วยเหลือประมาณ 11 ล้านคน (คือหมายความว่ามีคนจนเทียมแผงเข้าด้วยจึงต้องตัดออก)...
nn โดยสิทธิประโยชน์จาก “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” นั้น จะได้รับวงเงินซื้อสินค้า 200 บาท (สำหรับผู้มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาทแต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี) หรือ 300 บาท (สำหรับผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี) ต่อเดือน จากร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือร้านค้าอื่นๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด...
nn ได้รับวงเงินค่าเดินทางประเภทต่างๆ เช่น รถ ขสมก.และรถไฟฟ้า รถ บขส. รถไฟ ประเภทละ 500 บาทต่อเดือน และวงเงินส่วนลดค่าก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน โดยจะสามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป...
nn เสธ.ไก่อู-พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า “นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลต้องการแบ่งเบาภาระผู้มีรายได้น้อยและช่วยเหลือให้สามารถยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตนเอง ซึ่งการลงทะเบียน (คนจน) ครั้งนี้ก็จะนำไปสู่การดูแลด้านสวัสดิการเพิ่มเติมได้อย่างตรงจุดมากขึ้น”...
nn ส่วน อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ก็ระบุว่า “บัตรดังกล่าวถือเป็นกระเป๋าเงิน โดยรัฐให้สิทธิประโยชน์หลายอย่างในบัตรดังกล่าว และกำลังจะเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ในด้านอื่นๆ ด้วย”...
nn “มือปราบ” ได้สำรวจบรรยากาศการแจก “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ตามต่างจังหวัดแล้ว ก็พบว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประชาชนที่ได้สิทธิ์ดังกล่าว ก็พากันขอบคุณ “รัฐบาลลุงตู่” เพราะถือเป็นโครงการที่ “โดนใจพี่น้องประชาชนคนยากคนจนโดยตรงจริงๆ และถึงมือประชาชนในระดับรากหญ้า” และอวยพรให้ “ลุงตู่” ให้เป็นนายกรัฐมนตรีนานๆ ด้วย...
nn ก็ถือว่า นโยบายนี้เป็นการช่วยเหลือประชาชนอย่างตรงจุด โดยมีกระบวนการลงทะเบียน รวบรวมข้อมูล และตรวจสอบข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อภาครัฐจะได้นำงบประมาณไปช่วยเหลือประชาชนได้อย่างคุ้มค่า...
nn อีกทั้ง ยังเป็นการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชาชนในการชำระเงินจากเงินสด ไปสู่ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือเป็นการปูพื้นฐานให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) อีกด้วย...
nn ดังนั้น นโยบายนี้ถือเป็นการเปรียบเทียบให้ประชาชนเห็นชัดเจนว่า นโยบายที่มุ่งหวังประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง กับนโยบายของพรรคการเมืองประเภทหวังคะแนนเสียงเฉพาะหน้า แต่สร้างปัญหาและภาระให้ลูกหลานในอนาคตนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรด้วย...nn สวัสดีครับ
มือปราบ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี