การเดินสายประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรในต่างจังหวัดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)มีนัยทางการเมือง โดยล่าสุดที่จ.สุพรรณบุรีและจ.พระนครศรีอยุธยา เกิดความเคลื่อนไหวและมีสัญญาณทางการเมืองที่เริ่มมีแนวโน้มว่านายกฯหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าคงไม่แคล้วนายกฯคนนอกที่ชื่อ “บิ๊กตู่”
โดยการเดินทางไปที่จ.สุพรรณบุรีเกิดปรากฏการณ์ที่มีนัยสำคัญทางการเมืองนั่นคือการพบปะระหว่าง “บิ๊กตู่” กับบรรดาแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาที่นำโดย นายประภัตร โพธสุธน อดีตรมต.และอดีตสส.จอมเก๋าที่เคยเป็นขุนพลคู่ใจของ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีและเจ้าของพรรคชาติไทยพัฒนา และ นายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชายผู้เป็นทายาททางการเมืองของนายบรรหาร โดยตอนหนึ่งในการพบปะ นายประภัตร แบะท่าเชียร์ “บิ๊กตู่” ให้อยู่ยาว 8-10 ปี ซึ่งนั่นหมายถึงสัญญาณยอมสยบภายใต้บารมีของ “บิ๊กตู่” เพื่อพรรคชาติไทยพัฒนาจะได้ไม่ตกขบวนการในการร่วมรัฐบาลหลังการเลือกตั้งซึ่งมีแนวโน้มต้องเป็นนายกฯคนนอก
ทั้งนี้เพราะภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถูกออกแบบมานอกจากเพื่อปูทางให้มีนายกฯคนนอกแล้ว ระบบเลือกตั้งแบบใหม่ที่ทุกคะแนนมีความหมายยังออกแบบมาเพื่อลดการผูกขาดจำนวนสส.ของพรรคขนาดใหญ่แล้วกระจายไปยังพรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งส่งผลให้การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ปิดประตูที่พรรคขนาดใหญ่โดยเฉพาะพรรคเพื่อแม้วจะโกยสส.มากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวเหมือนในอดีต
ขณะที่พรรคขนาดกลางและขนาดเล็กทั้งหลายคาดว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลผสมเพื่อเติมเต็มเสียงที่ยังขาดของพรรคใหญ่ไม่ว่าขั้วใดขั้วหนึ่งซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกนอกเหนือจากพรรคภูมิใจไทยภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล
อีกทั้งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่การลงมติเลือกนายกฯจะต้องใช้เสียงไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาอันประกอบด้วยสส. 500 เสียง และสมาชิกวุฒิสภา(สว.) 250 เสียง หรือไม่น้อยกว่า 376 เสียง ทำให้โอกาสที่ฝ่ายพรรคการเมืองจะจัดตั้งรัฐบาลผสมได้สำเร็จเป็นไปได้ยากเพราะ สว. 250 เสียง สรรหาโดยคสช.ทำให้ในที่สุดหนีไม่พ้นต้องมีนายกฯคนนอก เว้นเสียแต่ว่าจะเกิดปรากฏการณ์บิ๊กเซอร์ไพรส์นั่นคือพรรคการเมืองทั้งหลายรวมตัวกันสกัดนายกฯคนนอก
ทางด้านศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งสำรวจความเห็นของชาวอีสานใน 20 จังหวัด ครั้งล่าสุดสะท้อนประเด็นที่น่าสนใจในประเด็นใครเหมาะสมจะเป็นนายกฯคนต่อไปมากที่สุดพบว่า อันดับหนึ่งร้อยละ 39.3 คนอีสานส่วนใหญ่เห็นว่าคือผู้นำพรรคเพื่อไทย รองลงมาร้อยละ 22.4 คือคนนอกวงการเมืองที่ทุกฝ่ายยอมรับ ตามด้วย พล.อ.ประยุทธ์ แค่ร้อยละ 14.1 หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 7.7 ผู้นำพรรคขนาดกลาง ร้อยละ 5.1
พรรคเพื่อแม้วนั้นถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นพรรคบริษัทจำกัดและเป็นพรรคของตระกูลชิน โดยตระกูลชินและเพื่อตระกูลชินที่อำนาจการตัดสินใจขึ้นอยู่กับคนเพียงคนเดียว โดยสส.มีบทบาทเป็นเพียงพนักงานบริษัทที่รอรับคำสั่งแทนที่จะทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนอย่างแท้จริง และด้วยความเป็นพรรคธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมของพรรคเพื่อแม้วมีการใช้ผลประโยชน์ทุกรูปแบบซื้อสส. ซื้อกลุ่มการเมือง ซื้อเสียงเอาชนะการเลือกตั้งเพื่อเป็นรัฐบาลไม่ต่างจากการซื้อประชาธิปไตย ซื้ออำนาจรัฐ ซื้อประเทศ แล้วใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภาในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมโกงชาติปล้นแผ่นดินถอนทุนบวกกำไรมโหฬารและพยายามผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศ
พรรคเพื่อแม้วซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบอบแม้วที่ประกอบด้วย พรรคการเมือง มวลชนเสื้อแดงและกองกำลังใต้ดินติดอาวุธมีแนวคิดที่เป็นภัยต่อสถาบันหลักของชาติ เคยใช้วิธีการนอกวิถีทางประชาธิปไตยก่อจลาจลบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนและชาติมหาอำนาจคู่เจรจาที่พัทยา เมื่อปี 2552 เคยก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553
จากความเลวร้ายของระบอบแม้วทั้งมวลจึงเป็นรากเหง้าต้นตอของวิกฤติความแตกแยกในชาติที่สร้างความบอบช้ำอย่าหนักให้กับประเทศและเป็นชนวนให้มวลมหาประชาชนต้องออกมาแสดงพลังขับไล่และนำไปสู่การรัฐประหารถึง 2 ครั้ง ตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
การเข้ามาของคสช.ก็เพื่อปฏิรูปให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างยั่งยืนไม่กลับไปสู่วังวนของวงจรอุบาทว์อันเลวร้ายอีก ซึ่งเป็นที่มาว่าทำไมบิ๊กตู่ต้องอยู่ยาว ขณะที่ระบอบแม้วยังคงดิ้นรนทำทุกวิถีทางเพื่อกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้งทำให้มีสัญญาณเตือนสติประชาชนผู้เป็นเสียงสวรรค์จาก “บิ๊กตู่” ว่า อย่าเลือกผิดในการเลือกตั้งที่จะมาถึง เพราะหากเลือกผิดนั่นหมายถึงวังวนของวงจรอุบาวท์อันเลวร้ายจะกลับมาเป็นฝันร้ายหลอกหลอนประชาชนและอาจทำให้กองทัพต้องเข้ามากอบกู้สถานการณ์อีกครั้ง
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี