สองคดีสุดอื้อฉาวที่ยืดเยื้อมานานหลายปีท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อเคลือบแคลงถึงความไม่โปร่งใสก็คือการจัดซื้อเรือเหาะตรวจการณ์เพื่อใช้ในพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้มูลค่า 350 ล้านบาท ที่ขณะนี้ใช้งานไม่ได้อย่างสิ้นเชิงทั้งๆ ที่เพิ่งซื้อมานานไม่ถึง 10 ปี กับการจัดซื้อเครื่องตรวจจับระเบิดลวงโลกจีที 200 ซึ่งใช้งานไม่ได้จริงซ้ำราคาแพงอย่างไม่น่าเชื่อกลายเป็นตราบาปสำหรับกองทัพ
ในกรณีการจัดซื้อเรือเหาะตรวจการณ์นั้นขณะนี้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้รับเรื่องร้องเรียนเพื่อทำการตรวจสอบ ซึ่งได้แต่หวังว่า สตช.จะทำหน้าที่อย่างโปร่งใสตรงไปตรงมาโดยไม่เห็นแก่หน้าใครโดยประเด็นการจัดซื้อเรือเหาะตรวจการณ์ที่ถูกประชดประชันว่าเป็น “เรือเหี่ยว” นั้น ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ขั้นตอนการจัดซื้อถูกต้องตามระเบียบราชการหรือไม่ แต่อยู่ที่ความคุ้มค่าในการใช้งานและเงื่อนงำการจัดซื้อมีความโปร่งใสมากน้อยแค่ไหน
เพราะจากข่าวที่ปรากฏว่า บริษัทต่างชาติที่ขายเรือเรือเหาะตรวจการณ์ให้กองทัพดูจะมีประวัติไม่น่าเชื่อถือ และมีข้อน่าสังเกตว่าเรือเหาะมีราคาที่สูงผิดปกติเมื่อเทียบกับคุณภาพและประสิทธิภาพการใช้งานเพราะตั้งแต่ซื้อเรือเหาะมีการใช้งานเพียงไม่กี่ครั้งเนื่องจากมีปัญหาเครื่องใช้งานไม่ค่อยได้ต้องซ่อมแซมอยู่ตลอดเวลาจนในที่สุดต้องจอดซ่อมซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายบานปลายทั้งการซ่อมแซมและดูแลรักษาจนในที่สุดต้องจอดทิ้งไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไปมานานจนล่าสุดกองทัพบกประกาศปลดประจำการเรือเหาะตรวจการณ์สุดอื้อฉาวนี้แล้ว
ส่วนในกรณีเครื่องตรวจวัตถุระเบิดลวงโลกทีจี 200 ที่ก่อนหน้านี้ศาลอังกฤษตัดสินจำคุกและยึดทรัพย์นายแกรี โบลตัน เจ้าของบริษัทโกลบอลเทคนิคัล ในข้อหาขายเครื่องตรวจระเบิดจีที 200 ที่ไม่สามารถใช้งานได้จริงให้กับหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งไทย โดยเครื่องตรวจระเบิดจีที 200 มีต้นทุนการผลิตเพียงเครื่องละไม่กี่เหรียญแต่ที่ผ่านมา ขายให้กับหลาย
หน่วยงานของไทย อาทิ เหล่าทัพต่างๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในราคาถึงเครื่องละ 5 แสน ถึง 1.6 ล้านบาท
ล่าสุดกรณีอื้อฉาวจัดซื้อเครื่องตรวจระเบิดจีที 200 อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยมีนายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนโดยมีการกล่าวหา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบก กับพวกในการจัดซื้อจีที 200 โดยมิชอบซึ่งนายวิชัยเคยให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าการไต่สวนคดีนี้ค่อนข้างลำบากเพราะเป็นเรื่องลึกลับ
เนื่องจากคดีอื้อฉาวทั้งสองกรณีเกี่ยวข้องกับกองทัพ ดังนั้นได้แต่หวังจะไม่มีการใช้อำนาจอิทธิพลใดๆ แทรกแซงกดดันหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบสองกรณีอื้อฉาวดังกล่าวโดยจะต้องทำความจริงให้ปรากฏชัดเจนแล้วเปิดเผยต่อสาธารณชนโดยเร็วไม่มีการดึงเกมซื้อเวลาเหมือนที่ผ่านมา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี