นับเป็นเรื่องที่ประชาชนยินดีที่สุด เมื่อทราบข่าวบ่ายวานนี้ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์
อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กลับมาทำหน้าที่เดิม และให้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แทนนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะมีผลวันที่ 1 ตุลาคมนี้
แน่นอน ข่าวดีนี้มาพร้อมๆ กับความสับสนว่า แล้วก่อนหน้านั้น ย้ายเขาทำไม คิดอะไรกันอยู่ หรือไม่ได้คิดอะไรเลย
การย้ายกลับไปกลับมาเช่นนี้ สะท้อนว่า คณะรัฐมนตรีไม่มีเอกภาพหรือเปล่า อำนาจของนายกฯ ถูกท้าทายจากใครอยู่หรือเปล่า และย่อมมีผลต่อข้าราชการ ซึ่งดูทิศทางลมลำบากเหลือเกิน
กล้าหาญ ตรงไปตรงมา ก็ถูกย้าย
ย้ายไปสักพัก ก็ย้ายกลับ
ตกลงคนที่พร้อมทำงานอย่างเต็มกำลังสามารถ อย่างกล้าหาญ นี่ดีหรือไม่ดีสำหรับรัฐบาลนี้กันแน่
อีกข้อที่ “ลุงตู่” พึงระวังก็คือ ตำแหน่งใดก็ตาม ที่มีขั้นตอนการทูลเกล้าทูลกระหม่อมเพื่อให้องค์พระประมุขโปรดเกล้าฯ การกลับมติไปมาอย่างนี้ไม่ดีแน่ ยิ่งหากล่วงไปถึงขั้นตอนดังกล่าวแล้ว หมิ่นเหม่ต่อการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทเป็นอย่างยิ่ง
เหตุการณ์แบบนี้ ไม่ใช่ไม่เคยเกิด ก่อนหน้านี้ มีการแก้กลับไปกลับมาอยู่เหมือนกัน เช่น ใช้ ม.44 ออกประกาศบางอย่าง แล้วก็ใช้ ม.44 แก้ประกาศดังกล่าว รวมไปถึงกฎหมายบางฉบับที่ก็แก้ไปแก้มา นั่นไม่เป็นผลดี เพราะมันส่อให้เห็นว่า “คิดไม่รอบคอบ”
การมีอำนาจเต็มมือ แต่คิดไม่รอบคอบ ย่อมมีความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม ภารกิจของ พ.ต.ท.พงศ์พร นับจากนี้ ต้องอาศัยอำนาจของรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีเข้าช่วย เพราะศึกที่ พ.ต.ท.ต้องเข้าไปตรวจสอบสะสางนั้น เป็นศึกใหญ่ ที่อาจต้อง “สึก” ใครต่อใคร “ในผ้าเหลือง” หลายรูป หากพบว่า เกี่ยวข้องกับการทุจริตจริงๆ ยังรวมไปถึงการต้องประสานงานกับมหาเถรสมาคม ซึ่งปรากฏแน่ชัดว่า พระผู้ใหญ่บางรูป ไม่ชอบ พ.ต.ท.พงศ์พร เรื่องนี้จะดำเนินการกันต่ออย่างไร
เกรงว่าแรงเสียดทานจะสูง แต่อำนาจของ พ.ต.ท. อาจมีไม่พอ จึงต้อง “ทำงานร่วมกัน” ให้ชัด ระหว่าง ผอ.พศ. รองนายกฯ ที่กำกับดูแล และตัวนายกรัฐมนตรีเอง
ท่ามกลางคะแนนที่หล่นวูบจาก 3 เรื่อง คือ
1.การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
2.การปล่อยให้ยิ่งลักษณ์หนีไปได้
และ 3 การย้าย พ.ต.ท.พงศ์พร
ย่อมเท่ากับว่า เวลานี้ “ลุงตู่” กู้คะแนนนิยมและความไว้วางใจกลับมาได้ 1 เรื่อง เหลืออีก 2 เรื่อง ขอให้พยายามต่อไป
มีคนถามผมว่า วันนี้อยากบอกอะไรกับ “ลุงตู่” บ้าง
ตอบว่า สิ่งเดียวที่ประชาชนเขาสนับสนุนลุงตู่ คือ ลุงทำให้การเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงในประเทศยุติลง หลังจากนั้น “ความคาดหวัง” หลายอย่าง ก็ถาโถมเข้าหาท่าน
สำคัญที่สุดมี 2 เรื่อง คือ ปราบโกง เอาคนโกงมาลงโทษ กับ “ปฏิรูป” ตามที่ประชาชนเรียกร้อง “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”
เรื่องปราบโกง : ก็จะเห็นชัดว่า ลุงตู่เอาจริงเอาจัง เกิด ศอตช. รวบรวมรายชื่อข้าราชการที่เข้าข่ายถูกตรวจสอบ แล้วย้ายออกจากตำแหน่งไว้ก่อนเป็นระลอกๆ แต่ความคืบหน้าในทางคดี เราก็ไม่เห็น ขณะเดียวกันดัชนีการคอร์รัปชั่นก็ไม่ได้ลดลง ทั้งๆ ที่ 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มี “นักการเมือง” ที่พร้อมใจกัน “ก่นด่าเหมารวม” อยู่ในอำนาจแล้ว แปลว่า ลุงตู่ต้องใส่ใจในกลุ่ม “ข้าราชการ” และหมู่คณะของท่านให้มากขึ้นด้วย และทำให้เป็นตัวอย่างว่าท่านไม่ปล่อยปละละเลย ยอมไม่ได้
ส่วนการโกงที่ตรวจสอบโดยองค์กรอิสระ เราก็เห็นความเอาจริงเอาจังพอสมควร และลุงตู่ทำถูกต้องแล้ว ที่ไม่เข้า
ก้าวก่ายแทรกแซง เพียงแต่ฝ่ายตุลาการ ควรต้อง “ปฏิรูป” กลไกการทำงานที่อืดเอื่อย ล่าช้า ในความรู้สึกของสังคม
ให้กระฉับกระเฉงขึ้นหน่อย เพราะที่ผ่านมา กว่าจะตัดสินบางคดีได้ ล่าช้าเสียจนสังคมหมดความศรัทธา และเริ่มไม่เชื่อว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”
ส่วนเรื่องการปฏิรูป : นี่เป็นจุดอ่อนของรัฐบาลลุงตู่ คือ ตั้งคณะลิเกขึ้นมาในชื่อ สปช. จะทำเรื่องการปฏิรูป ผ่านไป 1 ปี คนไม่เห็น ไม่รู้ ไม่ได้มีส่วนร่วมเลยว่า เขาจะทำอะไรกัน ต่อมามี สปท. ก็อีหรอบเดียวกัน และบัดนี้ผันมาเป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูป นักแสดงก็มาจากคณะเดิมๆ และไม่เปิดทางให้ประชาชนได้รับรู้และมีส่วนร่วมกับการปฏิรูปเลย ทั้งๆ ที่มันมาจากการเรียกร้องต้องการของประชาชน ประชาชนกลายเป็น “พลทหาร” ที่อยู่เฉยๆ รอสั่งซ้าย ค่อยไปซ้าย รอสั่งขวา ค่อยไปขวา แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า “การปฏิรูปที่เคยเรียกร้อง” ได้เป็นไปอย่างที่เรียกร้อง ก่อนจะมีการเลือกตั้ง จะไปให้เรารู้พร้อมๆ กับการประกาศวันเลือกตั้ง หรือเผลอๆ เลือกตั้งแล้ว ประชาชนก็ยังไม่ได้รู้เลย อย่างนั้นหรือครับ?
นั่นรวมไปถึง “ยุทธศาสตร์ชาติ” ด้วย : กำหนดแผน 20 ปีล่วงหน้า ปรับเปลี่ยนได้ทุกๆ 5 ปี ถามว่าดีไหมที่ประเทศจะมี “ทิศทาง” ตอบว่า “ดีครับ” แต่ทิศทางนั้น ไยต้องถูกกำหนดโดยตัวละครเดิมๆ ในยุคที่ 20 ปีข้างหน้า คนเหล่านั้น “แก่หง่อมไม่รู้ความใดๆ แล้ว” ยุทธศาสตร์ชาติ จะกระทบกับคนทั้งชาติ แต่ได้เปิดให้คนในชาติมีส่วนในการกำหนด เสนอ บ้างไหมครับ? โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่วันนั้น เขาคือคนที่ต้องทำให้เป็นตามแผนนั้น หรือปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์โลก ซึ่งทุกวันนี้โลกเปลี่ยนเร็วมาก ยุทธศาสตร์ชาติเชื่อมต่อกับคนที่จะขึ้นมาแบกรับประเทศชาติในวันข้างหน้าแค่ไหน และยืดหยุ่นให้ปรับเปลี่ยนปรับตัวตามสถานการณ์โลกที่ผันแปรไปอย่างรวดเร็วได้มากแค่ไหน
ดังนั้น สิ่งที่อยากจะบอกท่านก็คือ
1) ท่านอยู่ได้ ไม่ใช่เพียงอำนาจของความเป็น คสช. แต่อยู่เพราะ “ประชาชนเขายอมรับได้” และมีอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ยอมรับ แต่ยำเกรงในอำนาจ ดังนั้น ดีที่สุดคือ อย่าผลักประชาชนออกไปให้ห่างจากท่านมากขึ้นทุกทีๆ ประชาชนคือ “แผงหลัง” ที่ดีที่สุดของท่าน อย่าปฏิบัติต่อเขาเหมือนพลทหาร ที่ไม่ต้องคิด รอฟังแนวทางปฏิบัติพอ
2) รีบแก้ปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้า ซึ่งสาหัสมากๆ ให้เป็นผล แล้วความมั่นคงในอำนาจจะกลับมา รีบจัดการกับข้าราชการเลว ตำรวจเลว ทหารเลว เป็นไปได้ก็ปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีให้เป็นตัวอย่างว่า เราเลือกคนจากความสามารถ ไม่ใช่เลือกจากความเป็นพี่เป็นน้อง เป็นพวกเป็นพ้อง หากลุงตู่กล้าหาญที่จะทำ ประชาชนจำนวนมากที่เริ่มห่างจากท่าน ตาม
ธรรมชาติของกาลเวลา ว่าเลยช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์แล้ว เลิกเห่อแล้ว เริ่มกลับมาอยู่กับความเป็นจริงแล้ว จะหวนกลับมาเป็น “ลมใต้ปีก” ให้ท่านอีกครั้ง อย่างพร้อมเพรียง
ส่วนประเด็นที่นายพิชัย รัตตกุล เคยแนะนำว่า
“พล.อ.ประยุทธ์ มีข้อเสียตรงหงุดหงิดเกินไป พูดจากระโชกโฮกฮาก เมื่อเทียบกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกฯ ที่เป็นทหาร ไม่ใช่ผู้แทนฯ แต่พูดจานิ่มนวล ทำให้ประชาชนรักได้ อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ลดโทนลงมาบ้าง เพราะถ้าหัวหน้ารัฐบาลโผงผางอยู่ตอบโต้ไปหมด การปรองดองก็ทำยากเหลือเกิน ไม่ใช่จะสอน แต่ขอพูดความจริง”
ท่านจะนำไปปฏิบัติหรือไม่ ก็เป็นดุลพินิจของท่านเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี