การที่องค์กรลูกจ้างเสนอขอให้ปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำจาก 300 บาทต่อวัน เป็น 370 บาทต่อวันนั้นนายธนิต โสรัตน์ รองประธานนายจ้างแห่งประเทศไทยกล่าวว่า จะมีการประชุมอนุกรรมการพิจารณาค่าจ้างในสิ้นเดือนนี้ แต่เห็นว่าการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำจำนวนดังกล่าว เท่ากับมีการขยับขึ้นร้อยละ 23.3ซึ่งถือว่าสูงไป และไม่มีเหตุผลอะไรมารองรับว่าทำไมต้องปรับขึ้นขนาดนั้น
การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำยังจะเป็นการกระตุ้นให้ราคาสินค้าต่างๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะจะเป็นข้ออ้างว่า ทำให้ต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่ขณะนี้อัตราเงินเฟ้อของประเทศไม่ได้มีการปรับตัวสูง จนทำให้ต้องมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และถ้ารัฐบาลยอมก็จะเป็นการซ้ำเติมกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะระดับฐานรากมากกว่า
ส่วนนายธานี สอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า อัตราค่าแรงที่เรียกร้อง ได้มาจากผลสำรวจบรรดาแรงงานทั่วประเทศ ซึ่งอนุมานว่า ค่าแรงที่สามารถให้แรงงานอยู่ได้และเลี้ยงครอบครัวประมาณ 3 คน จะตกวันละ 560 บาท
นอกจากนั้น นายธานีกล่าวถึงสาเหตุที่ออกมาเรียกร้องครั้งนี้ เพราะกระทรวงแรงงานเร่งให้คณะอนุกรรมการค่าจ้างส่งผลสำรวจในแต่ละจังหวัดมายังส่วนกลางซึ่งคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยไม่เห็นด้วย เพราะต้องการให้ค่าแรงงานขั้นต่ำเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความเห็นของตัวแทนฝ่ายนายจ้างและฝ่ายองค์กรลูกจ้าง
ปัญหาเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำซึ่งเป็นปัญหาของสังคมตลอดมา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่ คือ ปัญหาค่าแรงงานขั้นต่ำควรจะมีอัตราเดียวทั้งประเทศหรือไม่ ในความเห็นของผู้เขียนเห็นว่า ถ้าสังคมไทยเป็นสังคมอุตสาหกรรม การจะใช้อัตราแรงงานขั้นต่ำเป็นอัตราเดียวกันก็เป็นการสมควร แต่ในความเป็นจริงไทยเป็นสังคมผสมผสานระหว่างเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม การใช้แรงงานขั้นต่ำ
อัตราเดียวกัน คงจะไม่ยุติธรรมแก่ผู้ประกอบกิจการที่ใช้แรงงานกิจการเกษตรกรรม
และปัญหาเรื่องแรงงานขั้นต่ำนั้น การจะขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำหรือไม่เพียงใดนั้น หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ควบคุมและติดตามราคาของสินค้าอุปโภคและบริโภคจะเป็นผู้สร้างความเป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการกับผู้บริโภค
กล่าวคือ หน่วยงานที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลจะต้องมีข้อมูลอย่างละเอียดว่า ค่าประกอบการ เช่น วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตมีราคาเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลง และนำมาคำนวณราคาสินค้าแต่ละชนิด จะต้องดูแลมิให้ผู้ประกอบการเอาเปรียบผู้บริโภคและไม่ใช่ปล่อยให้มีการเรียกร้องโดยไม่มีฐานในการคำนวณ
การขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ โดยอ้างว่าสินค้าราคาขึ้นนั้นแทนที่จะเป็นผลดีทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้แรงงาน กลับเป็นผลเสียเพราะเมื่อค่าแรงงานขั้นต่ำเพิ่มขึ้น ค่าแรงงานอื่นก็ต้องเรียกร้องโดยเฉพาะผู้มีเงินเดือนประจำ เช่น ข้าราชการและลูกจ้างของรัฐและผู้ประกอบการคงไม่ยอมขาดทุน สินค้าก็จะขยับขึ้นราคาเสมือนจอกแหนที่ลอยอยู่บนผิวน้ำที่น้ำขึ้นก็ลอยเหนือน้ำตลอดเวลา
ฉะนั้นการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำแทนที่จะเป็นผลดีแก่ลูกจ้างกลับตรงข้าม และถ้าค่าแรงแพงขึ้นผู้ประกอบการอาจนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น หุ่นยนต์มาทดแทนแรงงานคนนอกจากนี้บรรดาประชาชนที่ไม่ได้มีรายได้จากค่าแรงงานเพราะประกอบอาชีพอิสระ ก็จะประสบปัญหา เพราะไม่รู้จะไปเรียกร้องขึ้นค่าแรงจากใคร
ฉะนั้นก่อนที่จะมีการขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องศึกษาให้รอบคอบ โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีหน้าที่ ภาครัฐต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าอุปโภค บริโภคที่ทันสมัยตลอดเวลาเพราะต้องตอบคำถามให้ได้ ว่า สมควรจะขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำหรือไม่ เพียงใด ถ้าการเรียกร้องขึ้นค่าแรงโดยไม่พิจารณาอย่างรอบคอบ จะเป็นผลเสียแก่ทุกฝ่าย ไม่ว่านายจ้าง ลูกจ้าง และประชาชนจะเป็นผู้รับกรรมในที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี