คณะปกครองสงฆ์ขยับเข้าไปจัดระเบียบพฤติกรรมไม่เหมาะสมในวงการสงฆ์ เช่น
ห้ามพระเณรประพฤติไม่เหมาะสมแก่สมณสารูป แต่งกายที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ย่าม กระเป๋าเฟี้ยวฟ้าว ฟู่ฟ่า รองเท้าแบรนด์เนม เป็นต้น
ห้ามพระเณรแสดงพฤติกรรมไม่สอดคล้องเพศกำเนิด
ห้ามเดินทางไปในสถานที่อโคจร ไม่ควรแก่เพศบรรพชิต
ห้ามใช้อุปกรณ์สื่อสารผิดกาลเทศะ ห้ามใช้โซเชียลมีเดีย อาทิ เฟซบุ๊ค ห้ามกดไลค์ กดแชร์ โพสต์ภาพ รวมถึงเผยแพร่ข้อความวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นต่างๆ ในสังคม
ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ด้วยถ้อยคำไม่เหมาะสม ยั่วยุ ปลุกปั่น ก้าวร้าว เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีข้อห้ามอันกระทบกับผลประโยชน์ในวงการพระและวัดบางแห่งด้วย นั่นคือ ห้ามติดแผ่นป้ายโฆษณาพระพุทธรูป พระเครื่อง วัตถุมงคล เทวรูป อ้างอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ สรรพคุณเกจิอาจารย์
ห้ามขึ้นป้ายงานพุทธาภิเษก รวมถึงพิธีปลุกเสก ห้ามจำหน่ายวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง ในอุโบสถ
ห้ามจำหน่ายรูปเหมือน รูปปั้นและเหรียญเทพเจ้าต่างๆ
ห้ามเรี่ยไร ตั้งแผงพระ วัตถุมงคล จำหน่ายในงานประเพณี
โดยสั่งเก็บ ปลด รื้อป้ายโฆษณาวัตถุมงคล พระพุทธรูปพระเครื่องที่มีอยู่เดิมออก และให้พระสังฆาธิการตรวจสอบ กวดขัน ควบคุมพฤติกรรม และลงโทษภิกษุในปกครอง หากมีความประพฤติไม่เหมาะสม ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง และพ.ร.บ.คณะสงฆ์ รวมถึงมติมหาเถรสมาคม
1. ขออนุโมทนาสาธุ
เร่งจัดการกันเถิดพระคุณเจ้า ก่อนพระนอกรีต พฤติกรรมนอกคอก จะนำความเสื่อมมาสู่พระพุทธศาสนาองค์รวม เพราะในปัจจุบันมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับความเป็นพระให้เห็นกันทุกวัน
และนับวัน วัดบางแห่งก็กลายเป็นโรงงานผลิตเครื่องวัตถุมงคลจำหน่ายเข้าไปทุกวันแล้ว
2. ธุรกิจวัตถุมงคลของพระและวัด มีมูลค่าผลประโยชน์หลายหมื่นล้านบาท
มีกำไรส่วนต่างมหาศาล เพราะต้นทุนวัตถุดิบไม่กี่บาท
แถมเงินรายได้ทั้งหมด ก็ยังไม่มีการเสียภาษี
อาศัยพระอุโบสถวัด และจีวรพระสงฆ์ เป็นเครื่องมือเกาะเกี่ยวหาผลประโยชน์
3. ข้อห้ามที่ออกมานั้น จะกระทบกับธุรกิจมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทนี้แค่ไหน?
ห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจวัตถุมงคล มีหลายส่วน อาทิ
ธุรกิจการผลิตวัตถุมงคล ประกอบด้วย การสรรหามวลสาร การเลือกสถานที่สร้าง วิธีการสร้าง ลักษณะของวัตถุมงคล จะเป็นพระเครื่องหรือเครื่องราง ขนาด ชนิด และที่สำคัญ คือ การประกอบพิธีพุทธาภิเษก และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งหมดจะมีผลต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า
เมื่อห้ามการสร้างและการโฆษณาในพระอุโบสถ แน่นอนจะกระทบกับความขลังในส่วนนี้
ต่อไป เราคงเห็นการพยายามหาจุดขายใหม่
ธุรกิจแผงขายวัตถุมงคล ประกอบด้วย แผงพระ ศูนย์พระเครื่อง แผงจำหน่ายวัตถุมงคลต่างๆ มีทั้งที่อยู่ตามวัดและนอกวัด ทั่วประเทศน่าจะนับหมื่นแห่ง
เมื่อห้ามขายในวัด ก็จะกระทบเพียง “หน้าร้าน” ในวัดเท่านั้น อาจเปิดนอกวัด ฝั่งถนนตรงข้ามวัด หรือหลังวัดต่อไป คงคล้ายๆ กับร้านเหล้ารอบๆ มหาวิทยาลัย
ธุรกิจโฆษณา ปัจจุบัน วัดที่สร้างพระเครื่อง มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง
การขึ้นป้ายในวัดเป็นแค่ส่วนหนึ่ง เมื่อถูกห้ามส่วนนี้ ก็คงต้องยุติไป
แต่ส่วนที่โฆษณาผ่านสื่อ ทั้งสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์สมัยใหม่ น่าจะยังคงดำเนินต่อไป แถมจะได้รับอานิสงส์ความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม เพราะการโฆษณาชวนเชื่อ คือ เคล็ดวิชาคาถาสำคัญในการปั่นกระแส สร้างมูลค่าเพิ่มแก่วัตถุมงคลทั้งหลาย ซึ่งคงจะมีการพลิกแพลงวิธีการมากกว่าเดิม เช่น ปั่นราคาผ่านสื่อออนไลน์ เป็นต้น
4. กระบวนการทั้งหมด กระทบผลประโยชน์ของพระสงฆ์และวัด เช่น
ปัจจุบัน ค่าปลุกเสกของพระระดับเกจิ หลายหมื่นบาทต่อวัน
บางรูประดับแสนบาท
บางรุ่น มีการนิมนต์พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง มาเป็นพรีเซ็นเตอร์
แผงขายพระที่เกิดตามวัดต่างๆ ก็มีการแบ่งเปอร์เซ็นต์ นอกเหนือ
จากค่าเช่าให้กับพระหรือวัดจำนวนไม่น้อย
แถมมีระบบสายส่งพระ เพื่อกระจายพระเครื่อง เหมือนสายส่งหนังสือพิมพ์ ไปรับพระมาจากวัด แล้วเดินไปตามศูนย์พระต่างๆ ได้เปอร์เซ็นต์ ขึ้นกับแต่ละวัด
5. ทั้งหมด มิใช่ข้ออ้างเพื่อจะเข้ามาอาศัยจีวรและชายคาวัด หากิน
มิใช่แนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้แน่แท้
หากพระสงฆ์รูปใด วัดใด ยังดื้อดึง อยากทำมาหากินต่อ ควรจะรีบลาสิกขา ออกไปตั้งสำนัก ตั้งโรงงานผลิต จดทะเบียนถูกต้อง เสียภาษีถูกต้อง ตามระบบกฎหมาย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี