รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 1 ต.ค. 2560 ที่ผ่านมา มีหนังสือเวียนในหมู่สงฆ์ จากเจ้าคณะระดับหน รวมถึง สมเด็จพระพุฒาจารย์สนิท ชวนปัญโญ เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กรรมการมหาเถรสมาคม หรือ มส. ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ได้มีคำสั่งให้พระสังฆาธิการตรวจสอบพฤติกรรมและลงโทษพระภิกษุสามเณรในปกครอง เพื่อแก้วิกฤติสงฆ์ที่มีความเสื่อมเสีย อันก่อให้เกิดความไม่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยได้มีการออกกฎระเบียบข้อห้าม 9 ข้อ คือ
1.ห้ามแสดงพฤติกรรมไม่สอดคล้องเพศกำเนิด 2.ห้ามวิพากษ์วิจารณ์เรื่องต่างๆ อย่างไม่เหมาะสม ส่อยั่วยุ ปลุกปั่น ก้าวร้าว กระทบกระเทือนความมั่นคงต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 3.งดการใช้โซเชียลมีเดีย อาทิ เฟซบุ๊ค ห้ามกดไลค์ กดแชร์ โพสต์ภาพ รวมถึงข้อความวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นต่างๆ
4.ห้ามภิกษุ และคฤหัสถ์เรี่ยไร ตั้งแผงพระ วัตถุมงคล รูปเหมือน รูปบูชา ในงานประเพณีชักพระ-ทอดผ้าป่า 5.ห้ามติดแผ่นป้ายโฆษณาพระพุทธรูป พระเครื่อง วัตถุมงคล เทวรูป อ้างอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ 6.งดขึ้นป้ายงานพุทธาภิเษก 7.ห้ามเดินทางไปในสถานที่ไม่ควรแก่บรรพชิต 8.ห้ามใช้อุปกรณ์สื่อสารผิดกาลเทศะ 9.ห้ามเรื่องโลกวัชชะ การแต่งกายที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ย่ามและรองเท้าที่ไม่ใช่ของสงฆ์
พร้อมกันนี้ คำสั่งนี้ยังระบุด้วยว่า พระสังฆาธิการรูปใดไม่ดำเนินการ หรือย่อหย่อนในการสำรวจ ตรวจสอบ และไม่จัดการต้องได้รับโทษฐานละเมิดจริยาพระสังฆาธิการด้วย
นับว่าเป็นเรื่องดีที่ในที่สุด “พระผู้ใหญ่” ก็ขยับตัวกันเสียบ้าง วางอุเบกขา ปล่อยกิจการในพระพุทธศาสนาบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนมานานเกินไป จนศาสตร์แห่งไสย พราหมณ์ ฮินดู ภูตผี เทวดา ตระหง่านอยู่เต็มวัด เหมือนถูกยึด
ที่น่าจับตาคือ พระผู้ใหญ่ในมหาเถรหลายรูปก็ดูแลวัดที่ “เพี้ยน” ไปจากหลักของพระพุทธองค์อยู่ ท่านจะจัดการวัดของท่านให้หมู่พระเลื่อมใสและทำตามได้หรือไม่ เช่น วัดไตรมิตร ที่มี
“เจ้าคุณธงชัย” เป็นสำนักยันต์ใหญ่ หรือวัดพิชยญาติการาม ที่มีแม่ชีทศพร “สแกนกรรม” และมีคำทำนายบวกคำสอนเพี้ยนๆ ออกมาอยู่เนืองๆ ท่านจะทำอย่างไร
วัดพนัญเชิงอยุธยา อยู่ในสภาพ “วัน สต๊อป เซอร์วิส” อยากเจอทวยเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาไหน มีให้ไหว้เกือบครบ วัดท่าไม้ ที่ขายพิธี ขายวัตถุมงคล ฯลฯ จนได้ดิบได้ดี ยศเลื่อน เงินท่วมวัด จะจัดการกันอย่างไร ไม่รวมหลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม นครปฐม จะแห่ไปลงนะหน้าทอง และพิธีกรรมเดรัจฉานวิชาอื่นๆ กันได้ต่อไหม วัดสุทัศน์เทพวราคาม ที่เคยมีทั้งวัตถุมงคล และพิธีสวดนพเคราะห์ในโบสถ์หลวงเริ่มซาไป ดีงามขึ้น วัดห้วยปลากั้ง เชียงราย ที่มากมายไปด้วยพระโพธิสัตว์กวนอิม จะปฏิบัติอย่างไรดี เหล่านี้เป็นแค่ตัวอย่างที่ท้าทายการจัดการของคณะสงฆ์
ส่วนประชาชนนั้น ขอให้ยึดหลัก ที่ขอคัดบางตอนจากหนังสือ “จากสุขในบ้าน สู่ความเกษมศานติ์ทั่วสังคม” ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) มาเจริญปัญญากัน ดังนี้
“...สภาพความเสื่อมนี้ในปัจจุบันญาติโยมพูดกันมาก เพราะมีข่าวร้ายต่างๆ มากมาย เรื่อง อย่างนี้พระสงฆ์ก็ควรจะเอามาพูดบ้าง ไม่งั้นญาติโยมพูดฝ่ายเดียวจะกลายเป็นนินทาพระ แต่ถ้าพระเอามาพูดบ้างในฐานะที่เป็นผู้รู้เรื่องทางธรรม พูดในทางแนะนำและหาทางแก้ปัญหา ก็จะได้มีทางช่วยกันให้รู้จักวางใจได้ถูกต้อง เพราะฉะนั้น เมื่อเรื่องร้ายๆ และปัญหาเกิดขึ้น พระจำเป็นต้องเอามาพูดให้โยมรู้ว่า ความเสื่อมเกิดขึ้นได้อย่างไร มีทางแก้ไขอย่างไร เราจะได้ช่วยกันป้องกัน และที่จริงนั้นตัวเราเองก็มีหน้าที่ด้วย เพราะว่า ในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน เรามีหน้าที่ช่วยกันป้องกันพระศาสนา
อย่างวันสองวันนี้ก็ได้ข่าวอีกแล้วรายใหม่ อาตมาเองก็ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ แต่ท่านมหา และหลวงลุงท่านก็อ่านและท่านเล่าให้ฟังว่า มีพระองค์หนึ่งไปหลอกร้านค้าเพชร เอาเพชรไปแล้วไม่จ่ายเงินให้แก่เขา จำนวนเป็นล้านๆ บาท และขอประทานอภัยก็ไปทำศิวลึงค์นำไปแจกในต่างประเทศ พอฟังหรืออ่านข่าวพระประพฤติอย่างนี้แล้ว โยมก็อาจจะพูดว่าพระไม่ดี พระเสียหาย พระหลอกลวง พระเหลวไหล ไม่น่านับถือ จากพระไม่ดี ก็เลยพาลพาโลต่อไปว่าพระพุทธศาสนาไม่ดี แล้วก็จะไม่นับถือพระ จะเลิกนับถือพระพุทธศาสนา
ที่จริงนั้น พระพุทธศาสนาเป็นของเรา ไม่ใช่เป็นของพระองค์นั้น เพราะว่าคนที่จะมีสิทธิเป็นเจ้าของพระพุทธศาสนา นั้นจะต้องเป็นพุทธบริษัท พุทธบริษัทก็คือผู้ที่ทำหน้าที่ของชาวพุทธอย่างถูกต้อง ถ้าเป็นพระก็ต้องเป็นพระที่ประพฤติปฏิบัติและทำหน้าที่ของพระอย่างถูกต้อง ถ้าเป็นอุบาสกอุบาสิกาก็เป็นคฤหัสถ์ที่ทำหน้าที่ของชาวบ้านอย่างถูกต้อง ถ้าเราทำหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนถูกต้อง เราเองนี่แหละเป็นเจ้าของพระพุทธศาสนา
ในทางตรงข้าม พระก็ตาม ญาติโยมก็ตาม แม้จะประกาศตนเป็นชาวพุทธ แต่ถ้าปฏิบัติตนไม่ถูกต้อง ทำตัวเหลวไหล ก็ไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของพระพุทธศาสนา ควรจะระแวงว่าเป็นคนร้ายที่แฝงซ่อนเข้ามาหาประโยชน์จากพระศาสนา ที่เรียกกันว่าเข้ามาปล้นศาสนา
เพราะฉะนั้น พระที่ประพฤติเลวทรามเหล่านั้นเราไม่ถือว่าเป็นเจ้าของพระพุทธศาสนา โยมจะต้องไม่มองว่าเป็นพระประพฤติชั่ว โยมจะต้องมองว่าคนชั่วเข้ามาทำลายพระศาสนา ถ้าเราวางใจให้ถูกต้องอย่างนี้แล้วพระศาสนาก็จะดีขึ้น เราจะต้องมีความรับผิดชอบต่อพระศาสนา อย่าถือธุระไม่ใช่ อย่ายกสมบัติของเราให้เขาไป
อาตมาเคยเปรียบเทียบบ่อยๆ ว่า ถ้ามีโจรเข้ามาปล้นบ้าน แล้วเรายกสมบัติให้โจรไปเลย อย่างนี้ถือว่าวิปริตใช่ไหม ที่ถูกนั้นเราต้องรักษาทรัพย์สมบัติของเรา แต่ที่เป็นกันเวลานี้เราก็ทำวิปริตกันอยู่โดยไม่รู้ตัว คือ ทั้งๆ ที่พระศาสนานี้เป็นของเรา แต่พอมีโจรคือคนที่แฝงตัวมาในเพศของพระประพฤติไม่ดีทำเสียหาย เป็นโจรปล้นศาสนา พอมีโจรเข้ามาปล้นพระของเราอย่างนี้ แทนที่เราจะช่วยกันรักษาพระศาสนาของเรา เรากลับยกศาสนาให้โจรไปเสียนี่ อย่างนี้เขาเรียกว่ายกสมบัติให้โจร เพราะฉะนั้นการทำอย่างนี้ เรากำลังทำผิดพลาด ต้องทำใจให้ถูกต้อง เราต้องรักษาพระพุทธศาสนาของเรา ดูให้ดี ปัญหาอยู่ที่คนร้าย หรืออยู่ที่ตัวเรา
พระพุทธเจ้าทรงระวังมากในเรื่อง อามิสไพบูลย์ และ ธรรมไพบูลย์ ทรงเตือนให้เตรียมสร้างธรรมไพบูลย์ไว้ให้พร้อมและให้ไม่ประมาทในเวลามีอามิสไพบูลย์ เช่น ก่อนที่จะปรินิพพานพระองค์ก็ได้ทรงวางเงื่อนไขไว้ว่า ต้องให้พุทธบริษัททุกฝ่ายมีคุณสมบัติ อย่างน้อย ๓ ประการ จะเป็นพระคือภิกษุหรือภิกษุณีก็ตาม เป็นอุบาสก อุบาสิกาก็ตาม ทุกคนควรจะมีคุณสมบัติ ๓ ประการต่อไปนี้ จึงจะถือว่ามีธรรมไพบูลย์ที่จะทำให้พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ยืนยาวได้
พระพุทธเจ้าทรงวางเงื่อนไข ๓ ประการนี้ไว้ในตอนจะรับอาราธนาปรินิพพาน มีเรื่องว่ามารมาอาราธนาพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระองค์ตรัสว่าจะยังไม่ปรินิพพาน และพระองค์ก็ทรงวางเงื่อนไขไว้สามประการ ต่อมาครั้งสุดท้ายมารก็มาอาราธนาอีกโดยทวงว่า เงื่อนไขที่พระองค์ได้ทรงวางไว้นั้นสมบูรณ์แล้ว ขอนิมนต์ปรินิพพานได้ พระพุทธเจ้าก็ทรงสำรวจดู ปรากฏว่าเงื่อนไขที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ ๓ ประการ ครบแล้วจริง พระองค์ก็เลยรับอาราธนาปรินิพพาน แล้วทรงปลงพระชนมายุสังขาร คือตกลงพระทัยว่าจะปรินิพพาน ในที่นี้สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าการปลงพระชนมายุสังขาร ก็คือเงื่อนไข ๓ ประการนี้ ที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้ว่า
พุทธบริษัททุกประเภท คือทั้ง ๔ พวก จะต้องมีความสามารถที่จะดำรงพระศาสนาได้ พระองค์จึงจะปรินิพพาน มิฉะนั้นพระองค์ก็จะต้องทำหน้าที่ของพระศาสดาต่อไป หมายความว่าพระองค์ทรงฝากพระศาสนาไว้กับบริษัท ๔ ที่มีความสามารถ ๓ ประการ ความสามารถ ๓ ประการนี้มีอะไรบ้าง
๑.ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาจะต้องรู้หลักธรรมเข้าใจคำสั่งสอนของพระองค์แล้วนำไปปฏิบัติได้ถูกต้อง พูดสั้นๆ ว่า รู้คำสอนและปฏิบัติได้ถูกต้อง
๒.ให้สามารถยิ่งกว่านั้นอีก คือ นอกจากรู้เข้าใจปฏิบัติได้ถูกต้องด้วยตนเองแล้ว ยังนำไปบอกกล่าวชี้แจงสั่งสอนคนอื่นได้ด้วย คนที่จะไปบอกกล่าวแนะนำสั่งสอนชี้แจงคนอื่นได้นั้น
(๑) จะต้องมีความสามารถที่จะแนะนำสั่งสอน และ
(๒) ต้องมีน้ำใจประกอบด้วยเมตตากรุณา บางคนถึงจะมีความสามารถแต่ไม่มีน้ำใจกรุณา ก็ไม่ใส่ใจที่จะสอนก็ไม่ได้ผล เหมือนกัน จึงต้องมีทั้งน้ำใจ ต้องมีทั้งความสามารถ แล้วก็เอาธรรมไปแนะนำสั่งสอนแก่คนอื่นต่อไป
๓.ข้อสุดท้ายว่า ถ้ามีการจาบจ้วง คำว่าจาบจ้วงนี่เป็นภาษาโบราณ หมายความว่ามีการกล่าวร้ายต่อพระศาสนา หรือมีการสั่งสอนลัทธิที่ผิดจากธรรมผิดจากพระวินัยขึ้น ก็สามารถกล่าวแก้ ชี้แจงกำราบได้ เรียกว่ากำราบปรับวาทได้
เงื่อนไขคุณสมบัติของพุทธบริษัท ๓ ประการนี้เราจะต้องเอามาใช้เกณฑ์มาตรฐานสำหรับสำรวจตรวจสอบพุทธศาสนิกชนว่า จะสามารถรักษาพระศาสนาได้หรือไม่ เพราะว่าเมื่อตรัสหลักการ ๓ ประการนี้ก็เท่ากับว่า พระพุทธเจ้าก่อนจะปรินิพพาน ได้ทรงฝากพระพุทธศาสนาไว้แก่เราแล้ว ถ้าพุทธศาสนิกชนไม่มีคุณสมบัติ ๓ ประการนี้แล้วก็จะรักษาศาสนาของพระพุทธเจ้าไว้ไม่ได้ พระพุทธศาสนาก็ต้องเสื่อมแน่นอน
เราไม่ต้องไปคำนึงมากนัก เรื่องพระที่ประพฤติเสียหายอะไรนั้น เป็นเรื่องรองลงไป คุณสมบัติ ๓ อย่างของตัวเราเองนี้แหละ สำคัญกว่า เรื่องพระประพฤติเสียหายทำไม่ดีนั้น ถ้ามีขึ้นมาเราถือว่าเป็นโจร เป็นคนร้ายเข้ามาทำลายพระศาสนา เราก็ต้องช่วยกันรักษาพระศาสนา เพราะพระศาสนานี้เป็นสมบัติส่วนรวมของเรา แต่ถ้าเราไม่มีคุณสมบัติ ๓ อย่างนั้น โจรจะเข้ามาหรือไม่ เราก็จะรักษาพระศาสนาไว้ไม่ได้ ดีร้ายตัวเราอาจจะกลายเป็นโจรไปเสียเอง แต่ถ้าเรามีคุณสมบัติสามประการนี้แล้วเราก็รักษาพระศาสนาของเราไว้ได้ ขอทวนอีกครั้ง
๑.รู้เข้าใจธรรมวินัย และปฏิบัติได้ถูกต้องด้วยตนเอง ๒.มีความสามารถและเอาใจใส่ที่จะบอกกล่าว ชี้แจงสั่งสอนธรรมแก่ผู้อื่น ๓.เมื่อมีลัทธิคำสอนที่ผิดพลาดแปลกปลอมขึ้นมาก็สามารถกล่าวชี้แจงกำราบได้
สามประการนี้แหละเป็นธรรมไพบูลย์ ซึ่งจะทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง เพียงแต่เราปฏิบัติถูกต้อง ธรรมก็ไพบูลย์อยู่ในตัวเราแล้ว เมื่อเราเอาไปแนะนำสั่งสอนผู้อื่นให้รู้และปฏิบัติกันกว้างขวางยิ่งขึ้น ธรรมก็ไพบูลย์กว้างขวางออกไปทุกที แม้จะมี คำสอนอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นมาก็ชี้แจงแก้ไขได้ อุปสรรคก็หมดไป นี่แหละเป็นธรรมไพบูลย์ที่แท้จริง”
มาร่วมกันครับ พระดี วัดดี โยมดี สังคมก็ดีตามไปด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี