ก่อนหน้าการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 72 ข่าวคราวการจัดตั้งรัฐอิสลามขึ้นในประเทศซีเรียและอิรัก โดยรวมพื้นที่ของซีเรียและอิรักที่ติดต่อกันเข้าด้วยกันเกือบจะสำเร็จเสร็จสิ้นไปแล้ว
ในครั้งนั้นประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียได้นำความไปแฉในที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติว่า มหาอำนาจตะวันตกเป็นผู้สร้างไอซิสขึ้น เป็นผู้สนับสนุนไอซิส เพื่อที่จะทำลายประเทศซีเรียและอิรัก เพื่อหวังจะยึดเอาแหล่งพลังงานอันล้ำค่าของทั้งสองประเทศ
และได้ประกาศด้วยว่า รัสเซียได้ตัดสินใจรับคำขอร้องของรัฐบาลซีเรียเพื่อให้ส่งกองทัพเข้าไปช่วยเหลือ รวมทั้งกำลังพิจารณาคำขอของรัฐบาลอิรักเพื่อส่งกองทัพเข้าไปช่วยเหลือเช่นเดียวกัน โดยในขณะนั้นรัฐบาลซีเรียและอิรักกำลังต่อสู้กับพวกไอซิสซึ่งมีมหาอำนาจหนุนหลัง และการต่อสู้ของซีเรียและอิรักก็ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
ประธานาธิบดีปูตินประกาศแล้วก็เดินทางกลับประเทศทันที หลังจากนั้นสภาสงครามของรัสเซียก็ได้มีมติส่งกองทัพเข้าไปช่วยเหลือซีเรียอย่างเต็มที่ และต่อมาก็ได้มีมติให้ช่วยเหลืออิรักตามคำร้องขอของรัฐบาลนั้นด้วย
เกิดเป็นพันธมิตรรัสเซีย ซีเรีย อิรัก โดยมีจีนสนับสนุนเข้าร่วมเป็นพันธมิตรอีกด้วย ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่กล้าเปิดหน้า เพราะที่เปิดหน้าให้ชาวโลกรู้จักก็คือเป็นผู้ปราบปรามไอซิส แต่ถูกแฉว่าแท้จริงก็คือผู้สร้างและผู้สนับสนุนไอซิสนั่นเอง
เวลาสองปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว รัฐบาลซีเรียและอิรักภายใต้การร่วมมือเป็นพันธมิตรรัสเซีย ซีเรีย อิรัก อิหร่าน จีน ก็สามารถยึดพื้นที่กลับคืนได้โดยทั่วไป และสามารถใช้อำนาจบริหารในพื้นที่ที่ยึดกลับคืนนั้นได้เรียบร้อย
หมายความว่า รัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายของซีเรียและอิรักโดยการสนับสนุนของพันธมิตรได้ยึดพื้นที่ที่ถูกไอซิสยึดครองไว้กลับคืนมา และปราบปรามขับไล่ไอซิสออกไปจากดินแดน
เหล่านั้น จนกระสานซ่านเซ็นไปในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในยุโรป ชายแดนอิสราเอล และฝั่งตะวันออกของแม่น้ำยูเครติส ซึ่งเป็นตอนบนของประเทศอิรักและซีเรีย
มาถึงวันนี้ก็กล่าวได้ว่าไอซิสได้หมดไปจากดินแดนส่วนใหญ่ของอิรักและซีเรียแล้ว แม้ตอนบนของแม่น้ำยูเครติสก็ถูกปราบปรามจนหัวซุกหัวซุน แต่ยังคงเหลืออยู่บ้างในพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งของทหารสหรัฐ ซึ่งได้เข้าไปตั้งหน่วยทหารอ้างว่าเพื่อปราบปรามไอซิส และต่อมารัสเซียก็ได้ยื่นคำขาดให้หน่วยทหารหลายหน่วยของสหรัฐต้องถอนตัวออกไป
จึงกล่าวได้ว่าสถานการณ์ไอซิสในซีเรียและอิรักเสร็จสิ้นไปโดยพื้นฐาน ซึ่งควรที่ดินแดนย่านนั้นจะกลับคืนสู่ความสงบสุข แต่ปรากฏว่าได้เกิดสถานการณ์ใหม่ขึ้น และมีลักษณะที่อาจเป็นอันตรายใหญ่หลวงยิ่งกว่าศึกไอซิสที่ผ่านมาเสียอีก
เพราะว่าตลอดแนวฝั่งตะวันออกของแม่น้ำยูเครติสอันยาวเหยียดนั้นเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวเคิร์ด ซึ่งมีประชากรรวมกันราว 40 ล้านคน กระจายกันอยู่ในพื้นที่ชายแดนด้านบนของซีเรีย อิรัก และบางส่วนของอิหร่าน และลึกเข้าไปในพื้นที่ประเทศตุรกีเป็นผืนกว้างอีกด้วย
ที่เกิดเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาก็เพราะว่า หลังจากศึกไอซิสสงบลง ทั้งอิสราเอลและสหรัฐได้ประกาศให้การสนับสนุนชาวเคิร์ดรวมตัวกันแยกเป็นประเทศใหม่ขึ้นมา โดยรวมเอาดินแดนตอนบนของซีเรีย อิรัก และบางส่วนของอิหร่าน รวมทั้งพื้นที่ติดต่อกันของตุรกีด้วย โดยมุ่งหวังจะให้มีการแยกเป็นประเทศใหม่ของชาวเคิร์ดที่มีประชากร 40 ล้านคน
ทำให้รัฐบาลอิรัก ซีเรีย อิหร่าน และตุรกีคัดค้าน เพราะถ้าขืนให้แยกประเทศออกไปทั้งสี่ประเทศนั้นก็จะต้องสูญเสียดินแดนให้กับประเทศที่ตั้งใหม่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์
ไปด้วยพลังงาน ดังนั้น หัวเด็ดตีนขาด ทั้งสี่ประเทศนี้ก็ไม่ยอมรับ
ในขณะที่ทั้งอิสราเอลและสหรัฐสนับสนุนให้มีการแยกประเทศอย่างจริงจัง และสนับสนุนให้มีการลงประชามติของชาวเคิร์ดเพื่อแยกไปตั้งเป็นประเทศใหม่ รวมทั้งได้ก่อตั้งองค์กรและอำนาจบริหารของชาวเคิร์ดขึ้น
ดังนั้นเมื่อทั้งอิสราเอลและสหรัฐให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันเช่นนี้ ชาวเคิร์ดก็มีความหวังที่จะแยกตัวตั้งเป็นประเทศใหม่ และเมื่อลงประชามติก็ปรากฏผลอย่างท่วมท้นว่าชาวเคิร์ดในพื้นที่สี่ประเทศดังกล่าวต้องการแยกตั้งเป็นประเทศใหม่
เพราะเหตุนี้สถานการณ์ล่าสุดในตะวันออกกลางจึงก่อตั้งสมรภูมิใหม่ขึ้นตลอดแนวพื้นที่ตอนบนของซีเรีย อิรัก อิหร่าน และตอนใต้ของตุรกีเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล มีประชากรชาวเคิร์ดจำนวนมากถึง 40 ล้านคน โดยได้รับการสนับสนุนทางทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ จากทั้งอิสราเอลและสหรัฐ
ในขณะที่รัฐบาลตุรกี ซีเรีย อิรักและอิหร่านก็ไม่ยินยอมให้มีการแบ่งแยกประเทศ
เหตุนี้สถานการณ์ล่าสุดในพื้นที่ดังกล่าวก็คือกำลังก่อเกิดเป็นสมรภูมิใหม่ ที่รัฐบาลท้องถิ่นของชาวเคิร์ด รวมทั้งอิสราเอลและสหรัฐกำลังจัดวางและเสริมอาวุธยุทโธปกรณ์ในพื้นที่นั้นอย่างรีบเร่งและเป็นจำนวนมาก เพื่อเตรียมรับมือกับการเข้ายึดดินแดนกลับคืนของทั้งตุรกี ซีเรีย อิรัก และอิหร่าน
โดยทางอีกด้านหนึ่งนั้น ตุรกี ซีเรีย อิรัก และอิหร่านก็ไม่ยินยอม ทั้งสี่ประเทศนี้จึงเคลื่อนย้ายกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เพื่อตรงไปยังดินแดนของตนที่กำลังถูกชาวเคิร์ดประกาศแยกเป็นประเทศใหม่
เมื่อการจัดวางกำลังและเสริมสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นที่จะเกิดเป็นสงครามใหญ่ นั่นคือหายนะของมนุษยชาติในพื้นที่นั้น ที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาจากนี้ไป และอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะหาข้อยุติได้ โลกจึงไม่ว่างเว้นจากสงคราม!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี