ทำไมพรรคเพื่อไทย จึงออกอาการร้อนรนกระวนกระวาย อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ประกาศวันเลือกตั้งที่แน่ชัดกันเสียจัง ทั้งๆ ที่การจะประกาศวันเลือกตั้งได้นั้น มิได้ “ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์” เพียงลำพัง!
มาเจริญสติและใช้ปัญญากันสักนิดดีไหมครับว่า องค์ประกอบของการประกาศวันเลือกตั้งที่แน่ชัดได้นั้น มีอะไรบ้าง
1) กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง ผ่าน และประกาศใช้อย่างน้อย 4 ฉบับ ได้แก่กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต., กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง, กฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง สส. และ สว. บัดนี้กฎหมายทั้งหมดยังเสร็จไม่ครบ และมิได้ “เกินเวลา” ที่รัฐธรรมนูญกำหนดอย่างใดไม่
2) กฎหมายจะเสร็จหรือไม่เสร็จ มี “เงื่อนเวลาตามรัฐธรรมนูญ” กำหนดไว้อย่างชัดเจน ผิดไปจากนั้น ก็เข้าข่าย “ผิดรัฐธรรมนูญ” ใครที่ทำให้เกิดความผิดดังกล่าว ก็ไปไล่บี้ยเอาในเวลานั้นได้
3) เมื่อกฎหมาย “ร่างเสร็จ” ก็มิใช่ว่าจะประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ทันทีเสียเมื่อไหร่ มีขั้นตอนการนำขึ้น “ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย” เพื่อให้องค์พระประมุขทรงลงพระปรมาภิไธย แล้วจึงนำไปประกาศ ก่อนจะมีผลบังคับใช้ได้ตามขั้นตอนปกติ
ในข้อที่ 3) นี้ อยากทราบว่า นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด, นายสามารถ แก้วมีชัย และ ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต จะว่าอย่างไร?!?!?
มาดูท่าทีของทั้งสามคนนี้ในเบื้องต้นกันก่อนครับ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ระบุจะประกาศการเลือกตั้งหลังกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นประมาณเดือนพฤศจิกายน 2561 ว่าประชาชนคงต้องช่วยกันตีความว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดนั้นหมายถึงอย่างไร จะประกาศวันเลือกตั้ง เพื่อจัดเลือกตั้งหลังเดือนพฤศจิกายน 2561 หรือต้นปี 2562 รวมถึงวันที่อ้างว่าจะประกาศ เอาเข้าจริงก็อาจมีการเลื่อนการประกาศหรือเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้หมด
นายอนุสรณ์กล่าวว่า วันนี้อย่าเพิ่งไปทึกทักเอาเองว่าพล.อ.ประยุทธ์จะประกาศจัดการเลือกตั้งในปี 2561 เพราะที่ผ่านมาก็ส่งสัญญาณในลักษณะที่ไม่มีความแน่นอนแบบนี้มาโดยตลอด พล.อ.ประยุทธ์บอกที่ญี่ปุ่นว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นปลายปี 2558 หรือต้นปี 2559 บอกนายบัน คี มุน จะจัดเลือกตั้งปี 2560 บอกนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเลือกตั้งปี2561 ก็เลื่อนมาเรื่อยๆ และไม่รู้จะไปประกาศที่ไหนต่อ ประชาชนตัดสินใจได้ว่าคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์น่าเชื่อถือเพียงใด ถึงขนาดคนที่พร้อมจะเชื่อยังเลือกเชื่อไม่ถูกเลย ว่า จะเลือกเชื่อตอนไปประกาศกับใคร ที่ประเทศไหน แม้แต่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังพูดไม่ตรงกับพล.อ.ประยุทธ์ และเอาเข้าจริง ก็ถึงขั้นไม่รู้จะเชื่อใครในรัฐบาลหรือแม้แต่เครือข่ายแม่น้ำ 5 สาย
พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ต่อ ถามประชาชนหรือยัง สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันพี่น้องประชาชนอยู่กันอย่างยากลำบาก เศรษฐกิจฐานรากได้รับผลกระทบหนัก พืชผลการเกษตรราคาตกต่ำ ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ ตัวเลขส่งออก รายได้จากการท่องเที่ยวที่รัฐบาลพยายามอ้าง มีผู้ได้ประโยชน์เฉพาะกลุ่มที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่ไม่กี่ราย ในลักษณะรวยกระจุก จนกระจาย ในยุคนี้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในประเทศถือว่ารุนแรงมาก ช่องว่างรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจนนับวันยิ่งห่างออกไปมากขึ้น ท่านจะแก้อย่างไรประชาชนกว่า 70% สะท้อนผ่านโพลล์ว่าต้องการการเลือกตั้ง เพราะหวังว่าการเลือกตั้งคือคำตอบและทางออกของปัญหา
“ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไปหาคนตั้งพรรคให้ ช่วยจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังของงานให้ถูก ควรให้ความชัดเจนและความเชื่อมั่นกับประชาชนโดยการประกาศวันเลือกตั้งให้ชัดเจนก่อนดีกว่า” นายอนุสรณ์กล่าว
ด้าน นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในช่วงปี’62 ว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างพูดกันไปคนละอย่าง แต่หากนับเวลากันตามรัฐธรรมนูญแล้ว ตั้งแต่การจัดทำกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องไปจนถึงดำเนินการจัดการเลือกตั้งจะต้องแล้วเสร็จภายในช่วงปี’61 จะเลยไปถึงปี’62 ไม่ได้ เหมือนมีเจตนาจะยื้อดึงเวลาออกไปเรื่อยๆ หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นในปี’62 จริง เท่ากับว่าพวกท่านมีธงกันไว้แต่แรก และเมื่อไปถึงจุดนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเรื่องความไม่สงบมาอ้างหาเหตุหวังเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีกหรือไม่
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวมองว่า สาระสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าจะเลือกตั้งกันเมื่อไหร่ แต่ตนมองว่า ถ้าไม่มีการเลือกตั้งบ้านเมืองจะลำบาก โดยเฉพาะเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ซึ่งจะกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ยิ่งมาเจอกระแสข่าวแบบนี้ ทุกอย่างจะซึมยาว
นายสามารถกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ระบุจะหาคนมาตั้งพรรคการเมืองว่า หากเป็นเรื่องจริงเราก็ยินดีต้อนรับ เพราะถือว่าท่านเข้าตามตรอกออกตามประตู ดีกว่าเป็นอีแอบ ทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ข้างหลัง
ขณะที่ ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลส่งสัญญาณว่าปีหน้าจะไม่มีการเลือกตั้ง และการเลือกตั้งไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่าปี 2562 นั้น เป็นสิ่งที่สวนทางกับรัฐธรรมนูญ และขัดแย้งกับ Joint Statement หรือแถลงการณ์ร่วม สหรัฐ-ไทย ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปรับปาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทำเนียบขาวได้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในข้อที่ 8 โดยระบุว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะเร่งรัดดำเนินการออกกฎหมายลูกให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สามารถจัดเลือกตั้งได้ทันภายในปี 2561 ไม่ใช่ 2562 อย่างที่รัฐบาลพยายามจะบิดเบือนและเล่นลิ้นกับคนไทย ว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์จะทำในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า คือ การประกาศว่าเมื่อไหร่จะเลือกตั้งเท่านั้น แต่ไม่ได้แปลว่าจะเลือกตั้งปีหน้าแต่อย่างใด คำพูดเช่นนี้ของรัฐบาล แสดงถึงการเล่นเล่ห์เพทุบายเตรียมเบี้ยวสัญญาเรื่องวันเลือกตั้งกับคนไทยแบบเดียวกับที่ผ่านๆ มา และสะท้อนว่า เวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์อยู่กับฝรั่งแล้วกลัวหัวหด ต้องพูดไปตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด แต่พออยู่ต่อหน้าคนไทย กลับทำเป็นเล่นลิ้นเรื่องโรดแมปเลือกตั้งเหมือนไม่เห็นคนไทยอยู่ในสายตา ที่จริงแล้ว ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เห็นหัวคนไทยบ้าง ก็ควรจะสร้างความชัดเจนเรื่องกำหนดการเลือกตั้งมาตั้งนานแล้ว
ร.ท.หญิง สุณิสากล่าวว่า เพราะท่านก็โดนคนไทยที่เป็นเจ้าของอำนาจทวงถามการเลือกตั้งอยู่แทบทุกวัน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับปล่อยให้คนไทยแอบไปรู้เรื่องโรดแมปเลือกตั้งจากข้อตกลงร่วม สหรัฐ-ไทย ที่ท่านถูกสหรัฐบีบคอให้พูดว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ แถมท่านยังถูกบีบให้ทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้สหรัฐสามารถไปแก้ตัวกับประชาชนของเขาได้ ว่าที่เขาเชิญเผด็จการมาที่ทำเนียบขาวนั้น ก็เพื่อบังคับให้เผด็จการเร่งคืนอำนาจให้ประชาชนและเพื่อให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว ตาม บันทึกข้อตกลง ข้อที่ 8 ในแถลงการณ์ร่วม สหรัฐ-ไทย ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ขอเตือน พล.อ.ประยุทธ์ ว่ายิ่งท่านเลื่อนการเลือกตั้งออกไปนานเท่าไหร่ หายนะทางเศรษฐกิจก็จะยิ่งมาเยือนประเทศไทยเร็วขึ้นเท่านั้น เพราะนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศก็จะยิ่งขาดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทย ท่านเห็นหรือไม่ว่า ล่าสุดธนาคารโลกระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเจริญเติบโตต่ำที่สุดในอาเซียน แพ้แม้กระทั่งลาวและกัมพูชา ทั้งๆ ที่ ไทยเคยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แต่มีจุดอ่อนเรื่องเดียวคือ มีรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ จึงสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก เห็นอย่างนี้แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะยื้ออยู่ในอำนาจเพื่อสร้างความเสียหายให้บ้านเมืองต่อไปทำไม
ทั้งหมดที่ทั้งสามคนกล่าวมา มีอะไรพอจะเป็นสาระบ้าง
1.ปัญหาเศรษฐกิจระดับชาวบ้าน อันนี้เป็นปัญหาจริง มีจริง เกิดจริง และเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องใส่ใจ ซึ่งเท่าที่เห็นก็มิใช่มิใส่ใจ แต่ดูเหมือนไม่เข้าใจและไม่ตั้งใจหาคนที่มีความรู้ หาวิธี และกำกับวิธีชนิดเป็น “วาระเร่งด่วน” เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพด้านการส่งเสริมกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ซึ่งหัวหน้าทีมก็มิใช่ใคร นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มรดกจากพรรคเพื่อไทยในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง
2.แต่อะไรคือคำตอบว่า หากมีการเลือกตั้งแล้ว เศรษฐกิจจะดีขึ้นมา หากหลังจากนั้น บรรดา “ประชานิยม” สุดโต่ง ถาโถมเข้ามาผลาญงบประมาณและ “โกง” กันผ่าน “นโยบายช่วยคนจน” เหมือนที่พบชัดๆ จะจะ ในโครงการ “รับจำนำข้าว” ของพรรคเพื่อไทย ที่ทิ้งภาระดอกเบี้ย หนี้สิน และค่าเช่าโกดัง เอาไว้มากมาย โดยมิได้มีคำขอโทษหรือท่าที “สำนึก” ต่อเรื่องดังกล่าวออกมาให้เห็นเลย
3.จริงอยู่ว่า ปัญหา “ความไม่ชัดเจน” มีผลต่อการตัดสินใจของ “นักลงทุน” หรือคนที่จะ “จับจ่ายใช้สอย” เมื่อไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างก็ชะลอ ยังไม่รวมสภาพเศรษฐกิจโลก ที่กระทบต่อรายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยว สิ่งที่เราอยากเห็นก็คือ การ “ติเพื่อก่อ” มากกว่า “ติเพื่อเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” หรือ “พยายามทำให้คนอื่นชั่วเท่ากัน” ซึ่งเป็นการเล่นการเมืองที่น่าเบื่อหน่ายและน่ารังเกียจ จึงอยากถามทั้งสามคนว่า นอกเหนือจากการประกาศวันเลือกตั้งแล้ว มีวิธีอะไรที่จะแก้ไขปัญหาของประชาชนในเวลานี้ได้บ้าง คุณทุกข์ร้อนกับความทุกข์ของเขาจริงๆ หรือแค่ใช้ทุกข์ชาวบ้านเพื่อ “ประโยชน์ทางการเมือง” ของตนเองเท่านั้น ที่ต้องถาม เพราะตอนน้ำท่วมอีสาน ก็ไม่เห็นพวกคุณพูดอะไรหรือลงไปทำอะไรเพื่อพวกเขาเลย ยังไม่รวมเรื่องความตายของ นปช. ที่พวกคุณก็ทรยศหักหลัง ทำลายโอกาสได้รับความเป็นธรรมของพวกเขา ด้วยการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ออกมาอย่างหน้าด้านๆ
4.ส่วนเรื่อง “พูดไม่เป็นคำพูด” พูดเอาแน่เอานอนไม่ได้ เรื่องกำหนดการเลือกตั้งนั้น ขอบคุณที่ขยันเก็บข้อมูลมาบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ไปพูดที่ไหนไว้อย่างไรบ้าง แต่หากเป็น “คนไทย” ที่ “ใส่ใจกาลเทศะ” ของประเทศ ก็จะใช้เหตุผลในการอธิบายว่า กำหนดการมันขยับออกมาเรื่อยๆ ด้วยหลายเหตุ เช่น มีการขอให้ทำประชามติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต คนไทยส่วนมากก็เข้าใจได้ ว่ามันยังไม่ใช่เวลาของการเมือง ของการเลือกตั้ง แต่ก็มิใช่ว่าโรดแมปสู่การเลือกตั้งมันจบลงไป ไม่เดินหน้า ก็เห็นกันว่า กรรมการร่างรัฐธรรมนูญก็ทำงานกันทั้งเสาร์ทั้งอาทิตย์ สนช. ก็มิได้ชักช้าในการพิจารณา แต่อาจมีบ้างหน่วยงานในชุดกรรมาธิการร่วมที่อาจเห็นว่า มีข้อขัดแย้งที่ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ก็ทำตามกระบวนการ และอยู่ใน “เงื่อนเวลา” ตามรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น
5.หากจะเอาแต่ โต้วาที” เพื่อบอกว่า “กูดี-มึงชั่ว” เพื่อประโยชน์ทางการเมืองอย่างเดียว ก็ต้องบอกว่า ที “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ลั่นวาจาไว้หลายครั้งว่า จะไม่หนี จะตายในสนามประชาธิปไตย แล้วสุดท้ายหนีไป ไม่จิกหัวด่า หรือดาหน้าออกมาตั้งคำถามกันบ้างล่ะคุณ? ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยก็บอกว่า จะไม่มีการนิรโทษกรรม แล้วสุดท้ายเป็นไงล่ะ ลากเข้าป่าข่มขืนกฎหมายกันยันค่อนรุ่ง จนเสร็จกิจ เอาชีวิต “คนเสื้อแดง” ไปสังเวย เพียงเพื่อจะยัดการนิรโทษกรรมคดี “ทุจริต” เอาไปในกฎหมายด้วย เพื่อประโยชน์สูงสุดของ “นายทักษิณ” ไอ้อย่างนี้จะอธิบายกันว่าอย่างไรไหม ในหมวดหมู่ที่ว่าด้วยการ “พูดไม่เป็นคำพูด”
6. ยังไม่รวมวาทกรรมสะท้านโลกที่ว่า “เผาเลยครับ พี่น้อง เผา ผมรับผิดชอบเอง” ของแกนนำ นปช. ที่ได้ดิบได้ดี ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทยให้เป็น “รัฐมนตรีช่วย” ถึงที่สุด รับผิดชอบอย่างไรล่ะครับ ทักษิณซึ่งบอกกับคนเสื้อแดงว่า ถ้าเสียงปืนดังขึ้น ผมจะกลับมาเดินนำพี่น้องด้วยตัวเอง สุดท้ายมันมาไหมล่ะ? ไอ้อย่างนี้ ไม่มีคำถามบ้างหรือครับ ว่า “ลมปาก” หรือ “ลมตด”
7. แล้วไอ้เรื่องอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าลาว ต่ำกว่ากัมพูชานั้น หมวดเจี๊ยบจ๋า ใช้ปัญญาให้มากๆ ขึ้นอีกนิด (ถ้ามี เว้นแต่ไม่มี) ว่า “ขนาดของเศรษฐกิจ” ของประเทศเหล่านี้ไม่เท่ากัน เหมือนเอาตัวเลขเติบโตทางเศรษฐกิจของร้านก๋วยเตี๋ยวปากซอย ไปเทียบกับการเติบโตของบิ๊กซี ใช่ ตัวเลขบิ๊กซีอาจเติบโตด้วยเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่า แต่มูลค่าของมัน ฝากเจี๊ยบไปดูด้วยว่า มูลค่ามันต่างกันขนาดไหน นี่ขนาดสำนักงบประมาณต้องจัดสรรงบประมาณมาชำระหนี้จำนำข้าว ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยถึงปีละ 4.8-5 หมื่นล้านบาท อันเป็นหนี้ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยก่อและซุกไว้กับ ธ.ก.ส. แล้วนะเนี่ย ยังเติบโตทางเศรษฐกิจได้ นี่ถ้าเจี๊ยบก็ดี สามารถก็ดี อนุสรณ์ก็ดี เร่งรัดให้เรียกค่าเสียหาย ด้วยการยึดอายัดทรัพย์ ของยิ่งลักษณ์, บุญทรง เตริยาภิรมย์, ภูมิ สาระผล กับพวก คืนมาให้แก่ประเทศชาติได้โดยเร็ว รัฐก็จะมีเงินไปใช้จ่ายช่วยเหลือประชาชนอีกมากขนาดไหน ไม่ต้องแวะไปแขวะเรื่องการซื้ออาวุธนะ เพราะปัญญาชนเขาดูกันว่า การจัดสรรงบกองทัพมากกว่าหรือน้อยกว่ารัฐบาลปกติหรือไม่ ถ้าไม่ได้มากกว่า ก็ไม่ได้มีนัยพิเศษอันใด
8.ส่วนจินตนาการบรรเจิดของน้องเจี๊ยบที่ว่า “ท่านก็โดนคนไทยที่เป็นเจ้าของอำนาจทวงถามการเลือกตั้งอยู่แทบทุกวัน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับปล่อยให้คนไทยแอบไปรู้เรื่องโรดแมปเลือกตั้งจากข้อตกลงร่วม สหรัฐ-ไทย ที่ท่านถูกสหรัฐบีบคอให้พูดว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ แถมท่านยังถูกบีบให้ทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร” นี่ นึกถึงคำของไอน์สไตน์ที่ว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” ขึ้นมาในบัดดล (ฮ่าๆ) เรื่องแบบนี้ “พี่ไก่” เข้าให้วิชามาหรือจ๊ะ (อิอิ)
พูดมาทั้งหมดแค่อยากจะบอกว่า คนจำนวนหนึ่งอยากให้มีการเลือกตั้งแล้วใช่ไหม ใช่ ผมเองก็อยากให้มี เพราะมันนานพอแล้วกับการใช้เวลาปะผุประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้พบว่ามีการปฏิรูป
คืบหน้าไประดับหนึ่งแล้ว แต่ขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชน สามปีที่ผ่านมา เสียงของประชาชนไปไม่ถึงรัฐบาล แม่น้ำทุกสายขาดการเชื่อมต่อกับประชาชนอย่างแท้จริง ประชาชนขาดตัวแทน ขาดระบบตรวจสอบและถ่วงดุล แต่ถ้าตรวจสอบแบบสามคนที่ว่ามานี้ ก็ไม่มีสาระอันใด
แต่ในฐานะคนไทย เราเคารพกาลเทศะ นี่เป็นช่วงเวลาของการพร้อมใจจัดงานพระราชพิธีสำคัญ คือ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
และหลังจากนั้น ยังมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 อีกด้วย
ส่วนการเลือกตั้ง ก็เห็นว่าทุกอย่างเดินไปตามระบบของมัน ยังไม่มีอะไรออกนอกลู่นอกทาง จึงไม่มีความจำเป็นต้องเร่งรัดอะไรกันมาก เร่งรัดให้จัดการกับคนชั่วคนโกง เรียกความเสียหายคืนมาให้ประเทศชาติจะดีกว่า!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี