สื่อต่างประเทศบางสำนักรายงานข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันมีสถานะเป็นนักโทษหนีโทษจำคุก 5 ปีโดยไม่รอลงอาญาตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตจากการปล่อยปละละเลยให้โครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตอย่างโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศอย่างร้ายแรงกำลังดำเนินความพยายามที่จะขอลี้ภัยการเมืองในประเทศอังกฤษ
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยการช่วยเหลือของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นพี่ชายกำลังจัดทำเอกสารแสดงเหตุผลในการขอลี้ภัยในประเทศอังกฤษของน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยใช้ข้ออ้างว่า การหลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากคดีโครงการรับจำนำข้าวเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองจากการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของรัฐบาลอันเป็นผลพวงจากการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
จากข้ออ้างว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองเพื่อขอลี้ภัยในประเทศอังกฤษของน.ส.ยิ่งลักษณ์ดังกล่าวทำให้อดีตผู้พิพากษาและนักกฎหมายหลายท่านออกมาแสดงความเห็นคัดค้านโดยชี้ว่า ความจริงแล้ว ว่า คดีโครงการรับจำนำข้าวไม่ใช่คดีการเมือง แต่เป็นคดีอาญาที่เกิดขึ้นตามกระบวนการยุติธรรมปกติอันเกิดจากนโยบายของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศ ซึ่งแม้จะไม่มีการรัฐประหาร คดีก็เดินหน้าไปตามครรลองกระบวนการยุติธรรมปกติอยู่แล้ว เนื่องจากมีการฟ้องร้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดรัฐประหารอีกทั้งการยึดอำนาจของ คสช.ก็ไม่เกี่ยวข้องกับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เกิดขึ้นและทำหน้าที่มาตั้งแต่ปี 2540 ไม่ใช่ศาลพิเศษที่คสช.ตั้งขึ้นมาพิจารณาคดีโครงการรับจำนำข้าวเป็นการเฉพาะแต่อย่างใด
อีกทั้งก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ประกาศมาตลอดว่ามั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองและพร้อมที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์และยอมรับในกระบวนการยุติธรรม โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ตั้งทีมทนายความต่อสู้คดีมาตั้งแต่ต้นและให้การแก้ต่างต่อศาลทุกนัดเป็นเวลากว่า 1 ปี โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ประกาศจะพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุดพร้อมยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่หลบหนีแน่นอน แต่แล้วเมื่อถึงวันที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษา น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับหลบหนีซึ่งสะท้อนความไม่จริงใจหลอกลวงคนทั้งประเทศและไม่กล้าพิสูจน์ความบริสุทธ์ของตัวเองตามที่ประกาศไว้
การที่ฝ่ายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามสร้างกระแสอ้างว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยไร้มาตรฐานเพราะถูกแทรกแซงจากอำนาจรัฐที่มาจากการรัฐประหารเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการขอลี้ภัยทางการเมืองถือเป็นการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของประเทศอย่างร้ายแรงโดยเฉพาะอำนาจฝ่ายตุลาการซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 อำนาจอธิปไตยของชาติ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศต้องชี้แจงสร้างความเข้าใจกับนานาชาติให้เข้าใจอย่างชัดเจนถึงข้อเท็จจริงที่มาที่ไปของคดีโครงการรับจำนำข้าวจนนำไปสู่การหลบหนีของน.ส.ยิ่งลักษณ์เพราะไม่กล้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรม
ข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งที่ยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะศาลสถิตยุติธรรมของไทยดำรงความเที่ยงธรรมปราศจากการแทรกแซงทางการเมืองก็คือคำประกาศของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวชินวัตรที่กล่าวต่อบรรดาสื่อมวลชนว่าขอขอบคุณศาลที่ยังพึ่งได้ในความเที่ยงธรรมหลังจากที่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกฟ้องนายสมชายและพวกในคดีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากเมื่อปี 2551
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี