“นาคีมีพิษเลี้ยง สุริโย
เลี้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า
พิษน้อยหยิ่งโยโส แมงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้าง ฤทธี”
จากโครงโลกนิติ
โคลงสอนใจบทนี้หลายคนคงลืมหรือจำไม่ได้ เป็นโคลงสอนใจให้รู้ถึงคุณสมบัติของผู้มีอำนาจใหญ่โต ไม่ว่าจะใหญ่โตทางวัยวุฒิ คุณวุฒิ หรือชาติวุฒิ นั้น เขาจะไม่แสดงความใหญ่โต หรือความยิ่งใหญ่ในตัวเขา หรือแสดงพฤติกรรมใดๆ ด้วยอาการเอะอะ ตึงตัง เพื่อโอ้อวด หรือข่มขู่ให้คนกลัว ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปในอิริยาบถแห่งความลุ่มลึก นุ่มนวล แต่แฝงไว้ซึ่งความหนักแน่น
ไม่ชูหางอวดอ้างอำนาจฤทธิ์เดชเหมือนแมงป่อง
ไม่พูดจาข่มขู่ด้วยอำนาจเพื่อให้คนกลัวหรือยกมือไหว้
คนไทยเรานั้นโดยทั่วไปเป็นคนอ่อนน้อม รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ เป็นคนที่ให้ความเคารพนับถือคนในเรื่องวัยวุฒิ คุณวุฒิ และชาติวุฒิ ไหว้เพราะมีอายุสูงกว่า ไหว้เพราะเกียรติคุณ ความรู้ความสามารถ หรือไหว้เพราะเป็นคนสูงศักดิ์ ซึ่งคนดังกล่าวนี้ผู้คนทั้งหลายจะยกมือไหว้ได้อย่างสนิทใจ ไม่ใช่ไหว้แล้วต้องแอบไปล้างมือให้หายซวย
เวลานี้ในบ้านเมืองของเรามีคนถือปืนเข้ามามีอำนาจ บางคนวางท่าวางทางใหญ่โตให้คนกลัว พูดจาเอะอะ ไม่ค่อยจะฟังใคร ใช้อำนาจที่มีในมือสั่งโน่นสั่งนี่ให้ทำตามทั้งๆ ที่ผู้คนทั้งหลายในบ้านเมืองไม่ใช่พลทหาร พฤติกรรมดังกล่าวเป็นพฤติกรรมที่ละลายความรู้สึกของผู้คนในบ้านเมือง ให้ถอยห่างจากคนถือปืนออกไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่เมื่อเข้ามาถือครองอำนาจด้วยปากกระบอกปืนจากการยึดอำนาจพวกขี้ฉ้อทุจริตที่บริหารจัดการบ้านเมืองอย่างไม่ได้เรื่อง หรือเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมนั้น ผู้คนส่วนใหญ่เอาใจช่วย อยากให้เข้ามาแก้ไข บริหารจัดการเรื่องไม่ดีทั้งหลายที่เกิดขึ้นให้หมดไป
ความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ในบ้านเมืองขณะนั้นเป็นอย่างนี้จริงๆ แต่เมื่ออยู่ๆไป ความรู้สึกดังกล่าวที่ว่านี้ก็ละลายและจางหายลงไปเรื่อยๆ ความศรัทธาเชื่อถือตกต่ำลงเป็นลำดับ จนทุกคนคิดว่าการเข้ามายึดอำนาจครั้งนี้คงจะเข้าอีหรอบเก่า ซึ่งก็คือ “เสียของ”
“ปฏิวัติเสียของ” เคยเกิดให้เห็นในบ้านเราแทบทุกครั้ง
ยกเว้นการปฏิวัติสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่เมื่อได้ปฏิวัติแล้ว สามารถจัดการกับปัญหาเลวร้ายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองสมัยนั้นได้หลายอย่าง โดยเฉพาะปัญหาของคนไม่ดี คนเลว ที่ก่อให้เกิดความสกปรกเลอะเทอะในแผ่นดินให้ลดน้อยหรือหมดไปได้หลายอย่าง
เมืองไทยเคยมีการปฏิวัติรัฐประหารมาแล้วสิบกว่าครั้ง
แต่ละครั้งเป็นบทเรียนที่ดีในเรื่อง “ปฏิวัติเสียของ”
แม้กระทั่งครั้งนี้ก็มีทีท่าที่จะเดินไปตามโรดแมปแห่งความ “เสียของ” อีกครั้ง เพราะมีการทำงานในลักษณะหลายอย่างต่อไปนี้
1. ปฏิวัติรัฐประหารแล้วไม่ทำตามที่ประกาศสาเหตุ
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องมีการปฏิวัติรัฐประหารในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากอะไรเป็นเรื่องที่หาอ่านได้ในคำประกาศครั้งแรกในวันปฏิวัติรัฐประหาร และคำประกาศดังกล่าวนี้ สาเหตุสำคัญที่ระบุไว้ในคำประกาศ โดยเฉพาะต้นเหตุจริงๆนั้นไม่ได้ใส่ใจในการจัดการให้จริงจัง หรือแก้ไขให้ตกไป แต่กลับทำในสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่ของ “รัฐบาลเฉพาะกาล” ซึ่งมีเวลาจำกัดในการทำงาน เพื่อแก้ปัญหาอันเป็นต้นเหตุจริงๆให้หมดสิ้นไป อย่างที่เห็นกันอยู่ขณะนี้ซึ่งแตกหน่อแตกแขนงออกไปเรื่อยๆ ในรูปแบบของคณะกรรมการนั้น คณะกรรมการนี้
จนจำกันไม่ไหว
2. ปฏิวัติแล้วใช้คนทำงานไม่ถูกกับงาน
หลายต่อหลายคนที่แต่งตั้งกันเข้ามาทำงาน ในหน่วยงานต่างๆ ขณะนี้ เป็นพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ไม่มีประสบการณ์ หรือความรู้ ในงานที่ต้องเข้ามารับผิดชอบ บางคนตั้งตนเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นเรื่องนี้ โดยเฉพาะในด้านกฎหมายซึ่งคนในคณะปฏิวัติรัฐประหารใช้ให้เขียนคำประกาศ หรือคำสั่งต่างๆ จะทำอะไรก็ต้องถามนักกฎหมายพวกนี้ บางคนมีฉายาว่าเป็นเนติบริกรไปโน่นเลย โดยคณะปฏิวัติรัฐประหารไม่เคยรู้หรือเคยตรวจสอบให้ดีว่าปูมหลังที่ผ่านมาเป็นคนอย่างไร หรือเคยทำงานให้ใครมาก่อน แม้กระทั่งคนที่เคยหากินมากับพวกขี้ฉ้อทุจริตในยุคที่ผ่านมา ก็เห็นกันอยู่หลายคน
3.ปฏิวัติรัฐประหารแล้วขาดความเข้าใจทางการเมือง
การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น คนที่มาจากปากกระบอกปืนต้องเข้าใจให้ดีว่า ประชาชนในประเทศเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และได้มอบอำนาจดังกล่าวของตนผ่านกระบวนการตามระบบที่กำหนดไว้ให้ไปทำงานแทนเพราะฉะนั้น การมีส่วนร่วมของประชาชนคนไทยทั้งประเทศในการบริหารปกครองจึงมีความสำคัญยิ่ง
การรับฟังความเห็นของประชาชนด้วยวิธีการต่างๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ใช่ไปมัวตั้งสภาโน่นสภานี่จากพวกพ้องของตนให้เข้ามาออกกฎหมายนั้นกฎหมายนี้ หรือตั้งคณะกรรมการนั้นคณะกรรมการนี่ตามใจชอบของตน เพื่อมากำหนดทิศทางอย่างโน้นอย่างนี้ อย่างที่ทำกันอยู่ในขณะนี้จนจำไม่หวาดไม่ไหว
เอาแค่ 3 ประการนี้ก็พอว่าจะเสียของหรือไม่เสียของ
ประโยชน์ของประชาชน และประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริงอยู่ตรงไหนต้องสำนึกตลอดเวลา ไม่ใช่ปฏิวัติรัฐประหารแล้วก็เสพสุขกันอยู่ในลักษณะ 3 ประการข้างต้น
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี