ในขณะที่คนไทย สังคมไทย สนใจอยู่กับเรื่อง “ดอกดาวเรือง” สายรัดข้อมือ แสตมป์ที่ระลึก ธนบัตรรุ่นพิเศษ ฯลฯ นานาประเทศสนใจอะไร เมื่อโลกนี้ไร้ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”
องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้จัดวาระพิเศษ กล่าวถวายราชสดุดีและแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติด้วยการถวายราชสักการะในเวทีนานาชาติ ในการประชุมว่าด้วยสันติภาพระหว่างวันที่ 26 ถึง 28 กันยายน ที่ผ่านมา ณ ที่ทำการใหญ่ยูเนสโก ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
โดยงานนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส และสำนักงานผู้แทนถาวรไทยประจำยูเนสโก จัดการประชุม สันติภาพนานาชาติ 2017 (International World Peace) ในหัวข้อ “การสร้างสันติภาพในสังคมอย่างยั่งยืน : มรดกของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”
นางอิริน่า โบโกว่า (Irina Bokova) ผู้อำนวยการยูเนสโก ได้กล่าวสรรเสริญในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่าได้ทรงวางรากฐานของการพัฒนามาตลอดพระชนม์ชีพที่น่ายกย่อง โดยมีหลักปฏิบัติที่เน้นประชาชนเป็นหลัก ทรงนำเอาวิสัยทัศน์อันกว้างไกลมาปฏิบัติให้เกิดผลได้จริง จนทางยูเนสโก ได้นำไปใช้ในการร่วมวางแผนแม่บทของยูเนสโกเอง เพื่อการบรรลุถึงเศรษฐกิจพอเพียงในระดับนานาชาติ ที่ตั้งเป้าหมายให้บรรลุได้สำเร็จภายใน พ.ศ.2573
“แนวความคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอันกว้างไกลของในหลวงรัชกาลที่ 9 และผลของการนำไปปฏิบัติส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย หากแต่ส่งผลในเชิงบวกไปทั่วโลก
นอกจากทรงสร้างประวัติศาสตร์ของศตวรรษที่ 20 ไว้แล้ว วิสัยทัศน์ของท่าน หรือที่ดิฉันเรียกว่า ความชาญฉลาด จะได้สร้างประวัติศาสตร์ของศตวรรษที่ 21 อีกด้วย นี่เป็นการยืนยันว่า การพัฒนาประเทศไทยในอนาคต ถึงความสำคัญของความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การศึกษาระดับสูง จะเป็นกุญแจสำคัญของการพัฒนาของระบบเศรษฐกิจในระดับโลก ที่จะผลักดันโดยนวัตกรรม ความรู้ การวิจัย ซึ่งวิสัยทัศน์ระดับยุทธศาสตร์เหล่านี้ ไม่อาจแยกจากกันได้กับความมุ่งมั่นที่ฝังลึกของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีต่อหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล และประชาธิปไตย มาโดยตลอด”
นี่ยังไม่รวมว่า เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา ในที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 71 เมื่อ 28 ต.ค. เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มีการกล่าวถวายราชสดุดีและแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly-UNGA) ที่มี นายปีเตอร์ ธอมป์สัน (Peter Thomson) เป็นประธาน ได้จัดประชุมสมัชชาสหประชาชาติ โดยมีวาระพิเศษเพื่อแสดงความอาลัยและสดุดีแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมทั้งได้ยืนสงบนิ่งเพื่อแสดงความอาลัยเป็นเวลา 1 นาที ซึ่ง นายบัน คี มูน (Ban Ki moon) เลขาธิการสหประชาชาติ และประธานกลุ่มภูมิภาคต่างๆ รวมถึงเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ได้กล่าวคำถวายสดุดีเพื่อแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดังนี้
นายปีเตอร์ ธอมป์สัน (Peter Thomson) ประธานสมัชชาสหประชาชาติชาวฟิจิ กล่าว แสดงความเสียใจและอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อพระบรมวงศานุวงศ์ รัฐบาล และปวงชนชาวไทย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก และได้รับการเคารพเทิดทูนอย่างที่สุด เนื่องจากพระมหากรุณาธิคุณในการพัฒนาความเป็นอยู่ให้กับพสกนิกรตลอดการครองราชย์ 70 ปี ซึ่งสะท้อนถึงการยึดมั่นในพระราชปณิธานที่ว่าจะ “ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม” อย่างแท้จริง ในเวทีพหุภาคี นานาประเทศล้วนยอมรับพระราชกรณียกิจในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งทำให้องค์การระหว่างประเทศต่างๆ ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลเพื่อเฉลิมพระเกียรติ และการกำหนดให้วันคล้ายวันพระราชสมภพ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันดินโลก เพื่อน้อมรำลึกถึงพระราชกรณียกิจในการสร้างความตระหนักรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความสำคัญของดินต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
นายบัน คี มูน (Ban Ki moon) เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวยกย่องพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า ทรงทุ่มเทปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้วยพระวิริยะอุตสาหะเพื่อปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และนำพาประเทศให้ทันสมัย ทรงนำความมั่นคงและเสถียรภาพมาสู่ประเทศในช่วงที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติ ความเศร้าโศกของประชาชนทั้งประเทศเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงมีความสำคัญต่อประชาชนของพระองค์อย่างยิ่งใหญ่เพียงใด ความมุ่งมั่นของพระองค์ที่ทรงงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ทำให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง สหประชาชาติจะร่วมทำงานเป็นหุ้นส่วนกับรัฐบาลและประชาชนไทยต่อไป
นายคาฮา อิมนัดเซ (Kaha Imnadze) เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรจอร์เจียประจำสหประชาชาติ ผู้แทนกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก ได้ย้ำถึงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นที่เคารพรักและเทิดทูนของประชาชนทั้งประเทศ ทรงได้รับการชื่นชมและเคารพจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทรงเป็นผู้นำที่แท้จริงที่เป็นแรงบันดาลใจของประเทศไทยและของโลก พระองค์ทรงทุ่มเทปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ยกระดับความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยในทุกด้าน และทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนทำงานเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง ดังที่ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่า “คนดีย่อมทำให้คนอื่นเป็นคนดี ความดีจะกระตุ้นให้เกิดความดีในสังคมและทำให้ผู้อื่นเป็นคนดี” พระองค์จะเป็นที่จดจำในฐานะทรงเป็นผู้นำที่โดดเด่น เสียสละทุ่มเทเพื่อประเทศ ทรงเป็น “กษัตริย์นักพัฒนา” เป็นนักคิดผู้มีวิสัยทัศน์ ที่มีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนการพัฒนาระดับโลก อีกทั้งยังทรงใช้พระอัจฉริยภาพด้านดนตรี เป็นสะพานสานสัมพันธ์และหล่อหลอมมิตรภาพด้วย
นายคริสเตียน บาร์รอส เมเล็ต (Cristian Barros Melet) เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรชิลีประจำสหประชาชาติ ผู้แทนกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาและแคริบเบียน แสดงความชื่นชมในพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตลอดช่วงเจ็ดทศวรรษของการครองราชย์ นับแต่ปี ค.ศ.1946 พระองค์ทรงได้รับความเคารพรักและเทิดทูนจากประชาชน เพราะพระองค์ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีและความก้าวหน้าของประชาชนเสมอ UN Development Programme (UNDP) จึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล “Human Development Lifetime Achievement Award” เมื่อปี 2549 นอกจากนั้น ทรงได้รับการยอมรับในระดับโลกในฐานะประมุขแห่งรัฐที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ สร้างเอกภาพและสันติภาพให้กับคนในชาติ
นายมานซูร์ อายัด อโลไทบี (Mansour Ayyad Alotaibi) เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรคูเวตประจำสหประชาชาติ ผู้แทนกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก แสดงความชื่นชมพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก และทุ่มเทพระวรกายด้วยความรักในพสกนิกรตลอดรัชสมัย ทรงมีบทบาทในการสร้างสันติภาพและแก้ไขความขัดแย้ง และการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งทำให้ไทยก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับต้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พระราชกรณียกิจที่เป็นที่ประจักษ์ต่อชาวโลกนำไปสู่การทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล “Human Development Lifetime Achievement Award” จาก UN Development Programme (UNDP) การสวรรคตของพระองค์ นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของไทยและของโลก
นางซาแมนธา พาวเวอร์ (Samantha Power) เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความสูญเสียครั้งสำคัญของประเทศไทย และย้ำถึงสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างไทยและสหรัฐฯ จากการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชสมภพ และประทับที่เมืองเคมบริดจ์ มลรัฐแมสซาชูเซตส์ ของสหรัฐฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนก และสมเด็จพระบรมราชชนนี เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ ซึ่งได้ทรงมีพระราชดำรัสเรื่องนี้ต่อที่ประชุมรัฐสภาสหรัฐฯ ในการเสด็จฯ เยือนสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ.1960 สหรัฐฯ น้อมรำลึกถึงพระราชดำรัสในการพระราชทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนที่ว่า ทรงประสงค์จะถูกจดจำเพียงว่า ทรงได้บำเพ็ญประโยชน์อย่างไรบ้าง ซึ่งก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า พระราชดำริเรื่องนี้ หมายถึงการให้ความช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ โดยเฉพาะกลุ่มด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบาง และประชาชนระดับรากหญ้าในทุกด้าน พระวิริยะอุตสาหะ และพระอัจริยภาพ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ เพื่อช่วยเหลือพสกนิกร ด้วยพระองค์เอง อาทิ โครงการแก้มลิง และโครงการอื่นๆ อีกจำนวนมากที่มีการจดทะเบียน น่าชื่นชมอย่างหาที่สุดมิได้ และเป็นโชคดีของชาวไทย และโลกที่ได้มีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้
ถามว่าคนไทย ทางการไทย เคย “ถอดรหัส” ความหมายของการมีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ให้เป็น “รูปธรรม” เพื่อหาคำตอบว่า ในวันที่แผ่นดิน “ไร้พระองค์เป็นที่พึ่ง” เรา-คนไทยทั้งแผ่นดินควรลุกขึ้นมาทำอะไร
เอาง่ายๆ เลยก็คือ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 4,000 กว่าโครงการนั้น ถึงเวลาที่กระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ จะศึกษาและนำมาขยายผลในการแก้ปัญหาให้ประชาชนได้แล้วหรือยัง ประชาชนเองก็จะเข้าไปศึกษา เรียนรู้ และนำมาแก้ไขปัญหาของตัวเองกันได้หรือยัง
ทุกวันนี้ แม้กระทั่งพื้นที่ติดกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ยังพบสภาพ “งอมืองอเท้า” ไม่ศึกษา ไม่ช่วยกันแก้ปัญหา โดยเรียนรู้วิธีแก้ปัญหาที่ท่านทำไว้ให้จึงยังคงอยู่
หยุดกล่าวคำว่า “ขอเป็นข้าฯรองบาททุกชาติไป” แล้วมาทำชีวิตในชาตินี้เสียใหม่ว่า แท้จริงเราคือ “ข้าฯรองบาท” หรือ “พระราชภาระ” กันแน่ ทบทวนกันให้ดีๆ แล้วนำองค์ความรู้ “ศาสตร์พระราชา” มาแก้ปัญหาชีวิต สังคม และประเทศไปด้วยกัน อย่าให้คำอันทรงคุณค่านี้เป็นแค่ชื่อรายการโทรทัศน์ของหัวหน้า คสช. คณะรัฐมนตรีก็อย่านั่งหัวร่อดีใจกับ “ตัวเลขทางเศรษฐกิจ” ขณะที่ชีวิตจริงของคนยังยากจนและอมทุกข์
พึงตะหนักในเร็วที่สุดว่า เงินทอง-เป็นของมายา ศาสตร์พระราชา-สิ...ของจริง!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี