ปี 2557 สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในประเทศไทย(The Foreign Correspondents club of Thailand) ได้จัดทำหนังสือ The King of Thailand in World Focus (พระมหากษัตริย์ไทยในสายตาชาวโลก) ขึ้นเป็นครั้งที่สอง คือ เพิ่มภาพและเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ ผลงานและโครงการต่างๆ ตลอดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของในหลวงรัชกาลที่ 9
หนังสือภาษาอังกฤษ ปกแข็งขนาดจัมโบ้ความหนา 260 หน้า ได้รวบรวมข่าวและภาพที่สำนักข่าวสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ ทีวี ที่ผู้สื่อข่าวทั่วโลกรายงานเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ ผลงานของพระองค์ ตลอดถึงเหตุการณ์ต่างๆเกี่ยวกับพระองค์ ตั้งแต่พระราชสมภพ จนถึงวันครบรอบครองราชย์ 60 ปี และจนถึงวันปิดเล่มหนังสือในพ.ศ.2550 ผู้เขียนเป็นหนึ่งในผู้สื่อข่าวและช่างภาพ 263 คนจากทุกมุมโลกที่มีบทความได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือเล่มนี้บนหน้า 104 จากข่าวชื่อ “Thai King advises “gentle approach” to southern violence” เป็นเรื่องที่ในหลวงรัชกาลที่ 9มีพระราชดำรัสเมื่อปี 2547 แนะนำ “ให้เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา ในการแก้ปัญหาความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย”
ที่น่าสังเกตว่า ในหนังสือ The King of Thailand in World Focus นอกจากกว่า 4,000 โครงการพระราชดำริแล้ว ผู้สื่อข่าวหรือนักเขียนสารคดีเกี่ยวกับพระองค์ท่าน ไม่พลาดกล่าวถึงพระอัจฉริยภาพทางดนตรีและพระราชดำรัสที่แหลมคมทางการทูต ตลอดถึงพระอารมณ์ขัน ในบทความชิ้นนี้ จึงขออนุญาตถอดความที่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศสองคน สองวาระที่ได้เสนอรายงานพระอัจฉริยะด้านดนตรีมานำเสนอ บทความชื่อ The Prince and Nun “เจ้าฟ้าชายกับซิสเตอร์” รายงานโดย D Jordji Zorkic ในTanjug News Agency เมื่อ 5 ธันวาคม 2527 และบทความ Benny and the King of Siam“พระเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงสยามกับเบนนี่”ในหนังสือพิมพ์Saturday Review โดย Hal Davis เมื่อ 12 มกราคม 2500
เรื่องเจ้าฟ้าชายกับซิสเตอร์ D Jordji Zorkic รายงานว่า“ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในวัยเยาว์เมื่อครั้งครองอิสริยยศเจ้าฟ้าชายภูมิพลอดุลยเดช เคยได้รับการศึกษาเบื้องต้นกับพระอาจารย์ซิสเตอร์ซาเวอเรีย Ms.Ana Pircมิชชันนารีสาวชาวยูโกสลาเวีย ที่เดินทางเข้ามาเผยแพร่ศาสนาในประเทศไทยเมื่อพ.ศ.2467 และภายหลังได้กลายมาเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนชื่อดัง มาแตร์ เดอี (mater Dei) ชื่อทางศาสนาที่รู้จักกันดีในประเทศไทยคือซิสเตอร์ ซาเวอเรีย (sister Saveria)
“ฉันไม่เคยลืมความมีจิตใจงดงามและความเป็นอัจฉริยะของเจ้าชายองค์น้อย ซึ่งเสด็จฯมาเข้าเรียนชั้นประถมร่วมกับเด็กไทยคนอื่นๆ” ซิสเตอร์ซาเวอเรียระลึกถึงความหลังไม่นานก่อนเสียชีวิต พระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 แขวนอยู่บนผนังกำแพงห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์เรียบง่ายของท่าน เจ้าฟ้าชายภูมิพลอดุลยเดชเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์ เดอี ก่อนเสด็จไปศึกษาต่อที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ นอกจากงานบริหารแล้ว ซิสเตอร์ซาเวอเรียรับหน้าที่สอนคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ดนตรีและวาดเขียน “ขัตติยะมานะของเจ้าชายพระองค์น้อย ทำให้เราคณะครูได้เข้าใจถ่องแท้ถึงครอบครัวของพระมหากษัตริย์และเราได้เข้าใจว่าทำไมประชาชนธรรมดาสามัญถึงได้รักเทิดทูน และเชื่อมั่นในการปกครองของพระองค์ ตั้งแต่วันแรกที่เสด็จฯเข้ามาเรียน ฉันได้เห็นพรสวรรค์อันพิเศษทางด้านดนตรีของพระองค์ท่าน แต่ในวิชาอื่นๆพระองค์ก็มุมานะและทำความเข้าใจกับทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบพระองค์” ซิสเตอร์ซาเวอเรีย กล่าว
พระมหากษัตริย์แห่งกรุงสยาม ไม่เคยลืมครูของพระองค์ ซิสเตอร์ซาเวอเรียรำลึกถึงครั้งที่ได้รับเชิญเข้าพระราชวังและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเองซิสเตอร์ซาเวอเรีย เกิดในเมือง Djuljiana ทางตอนเหนือของ ยูโกสลาเวียในตอนปลายศตวรรษที่ 19 ในเบื้องแรกท่านเข้ามาอยู่ในประเทศไทยในระยะสั้นระหว่างรอเดินทางต่อไปประเทศจีน แต่การมาถึงของท่าน ถือว่าเป็นการติดต่ออย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างประเทศไทยกับยูโกสลาเวีย ท่านสอนหนังสืออยู่ในประเทศจีนแปดปี ก่อนกลับมาอยู่ประเทศไทยจนวาระสุดท้ายของชีวิตเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2520 สิริรวมอายุ 93 ปี ก่อนสิ้นลม ท่านบอกกับเพื่อนสนิทว่าฉันปรารถนาให้ได้ฝังร่างไว้ในบ้านที่สองแห่งนี้และท่านหลับอย่างสงบอยู่ในสุสานของกรุงเทพคริสเตียน
เบนนี่ กับ พระเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงสยาม
เรื่อง Benny and the King of Siam โดย Hal Davis ลงพิมพ์ในหนังสือ Saturday Reviewเมื่อ 12 มกราคม พ.ศ.2500 รายงานว่า “การแสดงดนตรีในพระบรมราชวังคือมิติใหม่ และได้กลายเป็นตำนานของ Benny Goodman และวงแจ๊ส อเมริกันตั้งแต่คืนวันที่ 6 ธ.ค. 2500 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงประทับในพระที่นั่งทอดพระเนตร ในโรงละครพระราชวังสวนอัมพรสถานในกรุงเทพมหานคร ทรงทอดพระเนตรและร่วมแสดงดนตรีประสานเสียงกับ เบนนี่ กูดแมน วง บี.จี ถึงได้สำนึกว่า แจ๊ส เป็นดนตรีแห่งพระราชสำนักอย่างแท้จริง
ราชสำนักในที่นี้ไม่ได้จำกัดขอบเขตแค่พระราชา ขุนนางและอำมาตย์เท่านั้น พระมหากษัตริย์แห่งสยามยังทรงโปรดแสดงดนตรีร่วมกับเบนนี่และวงแจ๊สของเขาให้พสกนิกรของพระองค์ท่านชม ในงานฉลองรัฐธรรมนูญถึงสามวัน นี่คือตำนานที่บันทึกไว้ดังต่อไปนี้
ในงานฉลองรัฐธรรมนูญที่จัดขึ้นประจำปีในสวนลุมพินีสถาน เบนนี่กับวงแจ๊สของเขาได้เข้าแสดงคอนเสิร์ต 3 คืน คืนละ 2 รอบ และแต่ละรอบเรียกผู้ชมได้มากกว่าหนึ่งหมื่นคน คอนเสิร์ตของวงดนตรีแจ๊สที่โด่งดังที่สุดแห่งยุคที่กระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐอเมริกาเป็นสปอนเซอร์เดินทางมาแสดงในประเทศไทย การแสดงดนตรีแจ๊สของวง บี.จี. เริ่มต้นไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้ชมมากนัก อาจเป็นเพราะธรรมชาติของคนไทยที่เหนียมอายในการแสดงออกในที่สาธารณะ ส่วนผู้ที่ดื่มด่ำในดนตรีแจ๊ส ก็แสดงออกด้วยการขยับเท้าโยกย้ายตัวเบาๆ แต่พอเบนนี่หยอดลูกเล่น พูดคำว่า “สวัสดี” เป็นภาษาไทยสามครั้ง ก็ได้รับเสียงปรบมือตอบรับดังเป็นเวลานาน เมื่อเบนนี่ใช้วิธีการทูตทางดนตรีโดยใส่เนื้อร้องและทำนองดนตรีคลาสสิกของไทยเข้าไป ผสมผสานกับดนตรีแจ๊ส เริ่มสร้างความประทับใจจากคนไทย เสียงปรบมือดังกึกก้อง
เบนนี่ กูดแมนใช้ดนตรีเป็นการทูตใส่เนื้อร้องและทำนองเพลงไทยเข้าไปในดนตรีคลาสสิก สร้างความประทับใจและเรียกเสียงปรบมือมากขึ้น ประชาชนขยับแข้งขาเต้นรำบิดพลิ้วตัวร้อนแรงขึ้นตามลำดับ ผู้ชมเริ่มสนุกสนานเป็นกันเอง เป็นส่วนหนึ่งของวงแจ๊สอเมริกันมากขึ้นทุกคนปลาบปลื้มและมีความสุขในการแสดงดนตรีและสิ่งที่ บี.จี. รู้สึกว่าประสบความสำเร็จ เบนนี่เองสัมผัสได้ว่าปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ คือ การแสดงความเป็นกันเองและพระอารมณ์ขันของพระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นที่รักยิ่งของพสกนิกรของพระองค์ท่าน พระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงสยามเสด็จฯมาชมแสดงทุกรอบพร้อมกับแซกโซโฟนอยู่ในพระหัตถ์ พระองค์เข้าร่วมเป่าแซกโซโฟนประสานเสียงกับเบนนี่อย่างเป็นกันเองเหมือนกับเวลาที่เราได้รับเชิญให้ทำการแสดงดนตรีพระราชวังสามวัน และครั้งที่เข้าไปแสดงดนตรีในพระที่นั่งอัมพรสถาน พระเจ้าอยู่หัวประทับนั่งทอดพระเนตรและร่วมแสดงดนตรีด้วยทุกครั้ง
นอกจากเสน่ห์อันล้ำลึกที่พระองค์ท่านร่วมแสดงดนตรีด้วยแล้ว บรรยากาศรอบสวนอัมพรสถาน ที่สวนดอกไม้จัดไว้อย่างมีสัดส่วน ด้วยรสนิยมอันละเมียดละไม น้ำพุยักษ์อันสวยงามที่พุ่งกระจายผ่านแสงสีตระการตาจากสระน้ำอันกว้างใหญ่ ทำให้สัมผัสได้ถึงรสนิยมของเจ้าภาพ รอบสวนอัมพรมีทหารรักษาพระองค์ในหมวกสีขาวทรงสูง ถวายความอารักขา ภายในโรงละครมีสุภาพสตรีงามล้ำเลิศ เต้นลีลาศกับท่านนายพล เคลื่อนตัวพลิ้วไปตามจังหวะดนตรีที่ประสานเสียงจากพระเจ้าอยู่หัวกับวงบี.จี.
ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมเก่าแก่และจารีตประเพณีอันดีงามของไทยที่สืบทอดกันมาหลายศตวรรษ กับดนตรีคลาสสิกอเมริกัน เช่น เพลงลา กูดแมน ที่เร่าร้อนและกิริยามารยาทของนักดนตรีอเมริกัน ไม่ได้ทำให้ความประทับใจในการสานวัฒนธรรมลดหย่อนลง เช่นเมื่อ มร.กูดแมน ถวายคลาริเนตอันใหม่ให้เป็นของขวัญแก่พระเจ้าอยู่หัว หลังจากพระองค์พระราชทานของขวัญแก่วงดนตรีแล้ว เบนนี่ยังแสดงดนตรีต่ออีกเพลง พระเจ้าอยู่หัวจำต้องลอยไปตามน้ำ ด้วยการปรบพระหัตถ์ชื่นชมและยกพระหัตถ์ส่งสัญญาณว่า เอาอีกๆ พระอิริยาบถเป็นกันเองและอบอุ่นทำให้ เบนนี่ กูดแมน และวง บี.จี กลายเป็นขวัญใจของคนไทยทั้งประเทศในชั่วข้ามคืน
ความอัจฉริยะอันเป็นเลิศทางดนตรีและพระอารมณ์ขันของพระเจ้าอยู่หัว ทำให้เบนนี่ รู้สึกสบายและผ่อนคลาย ไม่นานเขาก็ปรับตัวเข้ากับปรัชญาของคนไทยที่ว่า “ไม่เป็นไร” การร่วมวงดนตรีของพระองค์ได้รับการถ่ายทอดสดเกือบทุกคืนในเครือข่าย HIS-TV, ภายใต้การกำกับของ RCA’s Joe Mullins และ Ivab Izemberg, ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศของยูซิสได้รับความนิยมจากผู้ชมในประเทศไทยมากกว่ารายการ Rin Tin Tin ซึ่งเป็นรายการที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทยยุคนั้น
ตามคติสากลของดนตรีแจ๊ส ในงานสวนสนุกไม่เหมาะและเกือบเป็นไปไม่ได้สำหรับการแสดงดนตรีแจ๊ส ดนตรีตั้งวงอยู่ในลานที่โล่งแจ้ง ไม่มีที่ป้องกันเสียงอึกทึกจากภายนอก ทางขวามือมีวงดนตรีและการละเล่นอยู่ 4-5 เวทีนักร้องพื้นบ้าน เสียงกลองเสียง ฉิ่งฉาบดังแผดเสียงผ่านลำโพง ประชันกับเพลง“Memories of you” ของวง บี.จี. ทางซ้ายมือเป็นเวทีของมอเตอร์ไซค์ไต่ถัง เสียงดังอึกทึกอยู่ตลอดแถมโฆษกหน้าเวทียังพยายามแย่งคนชมจากวงบี.จี.อีกด้วย
อย่างไรก็ตามวง บี.จี.ก็ประสบความสำเร็จเมื่อถึงจุดที่เปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาวได้เต้นรำตามเพลงอย่างเร่าร้อน คู่เต้นชาวอเมริกันแม้กระทั้งเอกอัครราชทูตของเราก็ไม่ถอย คืนหนึ่งทูต Reinhardt กับ ทูต Satterhwaite (ดูแลเวียดนามกับพม่า) มาสังเกตการณ์การแสดง คืนนั้นวงบี.จี.แสดงร่วมกับวงดนตรีตำรวจเพื่อหาเงินบริจาคให้โรงพยาบาลตำรวจ ท่านทูตของเราถึงกับอุทานออกมาว่า “สเต็ปเต้นรำของคนไทยไล่ทันอเมริกันแล้ว” ในคืนนั้นมีคนหนุ่มสาวมาโยกย้ายส่ายสะโพกอยู่หน้าเวทีการแสดงของวงบี.จี.กว่า 2 พันคน
ทางการทูต การเดินสายแสดงดนตรีที่จัดโดยสถาบันวัฒนธรรมและดนตรีแห่งสหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นสุดยอดของนักดนตรีที่เป็นทูตทางวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ แต่การเดินสายของวง บี.จี.กลับประสบความสำเร็จและสร้างกระแสความนิยมได้มากกว่าในฮ่องกง สิงคโปร์และโตเกียว ตั๋วขายหมดก่อนวงเดินทางไปถึงหลายวัน กระแสความนิยมดนตรีแจ๊ส ทำให้นักการทูตอเมริกันได้สำนึกว่า บัดนี้พลังแห่งดนตรีแจ๊สของเรากำลังมาแรงในทางสากล และดูเหมือนเลี่ยงไม่ได้ที่ความแรงของกระแสคลื่นแจ๊สจะถาโถมสู่ส่วนนี้ของโลก
ความกระหายต่อดนตรีชนิดนี้ กับความเป็นเลิศของนักดนตรีวงนี้ การแสดงดนตรีในจังหวะทำนองบนพื้นฐานที่ผู้คนทุกชั้นวรรณะชื่นชอบ ดนตรีที่ประยุกต์เข้ากับผู้คนได้ง่าย แพร่กระจายความนิยมของคนทุกรูปสัณฐาน ใครก็ตามที่เห็นหนุ่มสาวไทยฮัมเพลงของ Wank Jones หรือรู้ว่า จอห์นสัน เรียนเขียนภาษาไทยจากนักดนตรีในพระราชสำนักหรือได้พบเห็น Rex Peer ถกเรื่องจารีตดนตรีไทยกับเจ้าฟ้า เจ้านายแห่งพระราชสำนัก จะไม่แปลกใจเมื่อพบว่าดนตรีสากลชนิดนี้มีผลกระทบต่อคนพื้นเมืองอย่างไร ดังที่ผู้จัดการฮ้อยเทียนเหลาร้านอาหารจีนเลื่องชื่อกล่าวว่า “เด็กหนุ่มเหล่านี้ไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเงินแต่มาเพื่อหาเพื่อน”
ความทรงจำถึงเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเดินสายแสดงดนตรีมีความทรงจำหนึ่งที่โดดเด่นและตรึงใจอยู่ในใจชั่วนิรันดร์ คือการแสดงรอบแรกในสำนักราชวัง ตลอดเวลาของการแสดงรอบนั้นพระเจ้าอยู่หัวทรงวางคลาริเนตชิ้นใหม่ที่เบนนี่ กูดแมนถวายไว้ข้างพระวรกาย ไม่แตะต้องมันเลยตลอดเวลาที่พระองค์ทรงร่วมเป่าแซกโซโฟนประสานเสียงกับวง บี.จี เมื่อวง บี.จี และเบนนี่ละจากเวทีแสดงไปแล้ว พระองค์ทรงยกคลาริเนตอันใหม่ที่เบนนี่ ถวายให้และวางอยู่เฉยๆ นานนับชั่วโมงขึ้นมาทรงเพลง “Memories of you”เพลงประสานเสียงยอดนิยมของวง บี.จี. พระราชทานเป็นของขวัญแด่แขกของพระองค์
เมื่อทรงเพลง “Memories of you” จบคนทั้งโรงละครยืนขึ้นปรบมือดังกึกก้องเป็นเวลานาน และลูกชายผู้อพยพที่กลายมาเป็นช่างตัดเสื้อผ้าอเมริกันก็น้อมรับของขวัญล้ำค่าที่พระองค์ท่านพระราชทานให้ด้วยความภาคภูมิใจเป็นที่สุดของชีวิต
นักการทูตที่ร่วมฟังดนตรีวันนั้นถึงกับกล่าวว่า“ไม่มีทางไหนที่จะกระชับความสัมพันธ์กับพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้ดีไปกว่าให้เบนนี่อยู่ที่นี่ไปตลอดกาลนี้คือความภูมิใจที่สุดของเบนนี่ กูดแมน และนักดนตรีอเมริกันทั้งมวล รัสเซียอาจแข่งกับเราได้เรื่องระเบิดปรมาณูและเครื่องบินทิ้งระเบิด แต่รัสเซียต้องสำเหนียกว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแข่งขันความร้อนแรงกระแสดนตรีแจ๊สกับเราในยุคสงครามเย็นหรือตลอดกาล”
ดนตรีมีส่วนสำคัญในการทำสงครามแย่งชิงมิตรภาพและประชาชนในยุคสงครามเย็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสู่สวรรคาลัยตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 แต่คุณูปการทางด้านดนตรีที่พระองค์ได้มีส่วนสำคัญในเสริมสร้างความสัมพันธ์กับมิตรประเทศทั่วโลกเพื่อผดุงซึ่งสันติภาพ ยังคงสถิตอยู่ในใจของชาวโลกชั่วนิรันดร์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี