วันนี้เป็นวันตรงกับวันเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา เป็นวันแห่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย นำมาซึ่งเสียงร่ำไห้ของพสกนิกรชาวไทยทั้งแผ่นดิน ทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศจนถึงขณะนี้
ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองราชย์ของพระองค์ท่าน ประชาชนคนไทยทุกคนประจักษ์ชัดในพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่ทรงทำเพื่อปวงชนชาวไทยทั้งหลายอย่างต่อเนื่องในเรื่องต่างๆ มาโดยตลอดว่า พระองค์ท่านไม่ใช่จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์เท่านั้น หากแต่เป็นผู้ที่มากด้วยประสบการณ์และความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนความคิดเชิงปรัชญาจนสามารถเรียกได้ว่า “จอมปราชญ์” อีกด้วย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงพระราชสมภพ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2470 เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 และเมื่อพระองค์ทรงมีพระชนมพรรษาเพียง 1 พรรษา 9 เดือน สมเด็จพระบรมราชชนกได้สิ้นพระชนม์ในวันที่ 24 กันยายน พ.ศ.2472 จึงเหลือเพียงสมเด็จพระบรมราชชนนี ที่ทรงอภิบาลพระราชธิดาและพระราชโอรสรวมสามพระองค์เพียงลำพังพระองค์เดียว
มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศ พ.ศ.2475 ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สมัยนั้น สมเด็จพระบรมราชชนนีจึงทรงพาพระราชธิดาและพระราชโอรส เสด็จฯประทับที่เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้น สถานการณ์ในประเทศไทยยังเป็นไปด้วยความวุ่นวาย เกิดกบฏ “บวรเดช” และต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้ทรงสละราชสมบัติอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2477 และในวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2477 สภาผู้แทนราษฎรในสมัยนั้นได้ลงมติเห็นชอบในการอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลขึ้นครองราชย์ เนื่องจากพระองค์ทรงอยู่ในลำดับที่ 1 แห่งการสืบสันตติวงศ์ตามกฎมณเฑียรบาล พ.ศ.2467 ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตราไว้
ขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลทรงมีพระชนมพรรษาเพียง 9 พรรษา ทางรัฐบาลจึงมีการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2481 เสด็จฯกลับไทยพร้อมกันทุกพระองค์ ซึ่งในขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชยังทรงเป็น “สมเด็จพระราชอนุชา” และตามเสด็จฯกลับมาด้วย และพำนักอยู่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชเสด็จขึ้นครองราชย์ แทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
อานันทมหิดล ซึ่งเสียพระชนม์จากอุบัติเหตุ โดยทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และมีพระราชดำรัสว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2490 เป็นต้นมานั้น ประเทศไทยล้มลุกคลุกคลานมาโดยตลอด จากการแย่งอำนาจกันเองในการบริหารปกครองบ้านเมือง ระหว่างพวกทหารและพลเรือน ซึ่งในขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเสด็จฯทรงเยี่ยมราษฎรทั่วทุกภาคไม่ว่างเว้น โดยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองเลย
ผลกระทบต่อราษฎรในความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันนั้น เป็นปัญหาที่หนักอึ้งของแผ่นดิน ที่พระองค์ได้ทรงแนะนำให้มีการแก้ไขในทิศทางที่ถูกต้องหลายเรื่องหลายอย่างมาโดยตลอดรัชกาลของพระองค์ โดยเฉพาะในเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางจนถึงขณะนี้ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้กระทั่งองค์การสหประชาชาติก็สดุดียกย่อง
ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่ชี้ถึงแนวทางการดำรงอยู่ และการปฏิบัติตนของคนทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและการบริหารประเทศ ว่าจะต้องตั้งอยู่บนความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงการมีระบบคุ้มกันในตัวที่ดีพอควร เพื่อรองรับผลกระทบใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น หรือมีการเปลี่ยนแปลงทั้งจากภายในและภายนอก
ทั้งหลายทั้งปวงแห่งพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชพระองค์นี้ ที่ทรงมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตที่ต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคนานาประการ ที่พระองค์ได้ทรงฟันฝ่าและเอาชนะได้
และด้วยพระราชภาระอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงแบกรับเพื่อประชาชนมาโดยตลอดนั้น จึงไม่มีข้อสงสัยใดๆ ว่า เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 นั้น เสียงร่ำไห้ของคนไทยทั้งแผ่นดินทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ จึงเกิดขึ้นทั่วทุกหนทุกแห่งมาจนกระทั่งทุกวันนี้
ภาพผู้คนจำนวนมากไม่เว้นแต่ละวันที่ยืนเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ไม่ว่าจะแดดออกหรือฝนตกนั้น ยังปรากฏให้เห็นถึงวันนี้
ขอดวงพระวิญญาณพระองค์ท่านเสด็จสู่สรวงสวรรค์
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี