บทความวันนี้เป็นบทความที่ลงตีพิมพ์หลังจากวันครบรอบ 1 ปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สวรรคต
ซึ่งเมื่อวานนี้ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศได้ร่วมกันน้อมเกล้าถวายความอาลัยด้วยความจงรักภักดี และด้วยความเคารพรักศรัทธาสูงสุดพร้อมกันทั่วประเทศ จนเป็นข่าวคราวดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งโลกแล้ว
วันที่ 13 ตุลาคม 2559 เป็นวันประวัติศาสตร์แห่งการสูญเสียครั้งใหญ่หลวงที่สุดอีกครั้งหนึ่งของราชอาณาจักรไทยและคนไทยทั้งประเทศ ในวันนั้นคนไทยทั่วแผ่นดินร่ำร้องไห้จนน้ำตาท่วมท้นไปทั้งแผ่นดิน แม้กระทั่งท้องฟ้าก็หมองหม่นต่อเนื่องมาหลายวัน ประหนึ่งเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าพระเทพบิดรของปวงชนชาวไทยกำลังจะเสด็จสู่สวรรคาลัย
ประชาชนร่ำไห้ระงมไปทั้งประเทศ ผู้คนหลั่งไหลมาเต็มท้องสนามหลวง ตลอดไปจนถึงถนนราชดำเนินและถนนทุกสายที่เชื่อมต่อมายังสนามหลวง ทุกคนมีใบหน้าเศร้าสลด แสดงออกถึงความโศกาอาดูรอย่างถึงที่สุด
ทั่วทั้งประเทศต้องขอบใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช.ตลอดจนพี่น้องทหารทุกเหล่าทัพ รวมทั้งข้าราชการ ตำรวจ พลเรือน และอาสาสมัครทุกหมู่เหล่าที่ตื่นตัวทั่วพร้อมกันและสามัคคีกันในการรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง
ทำให้กลุ่มคนบางพวกที่หลงผิดคิดว่าเมื่อถึงกาลสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 แล้วบ้านเมืองจะปั่นป่วนเป็นกลียุค ต้องผิดหวังอย่างร้ายแรงเพราะนอกจากไม่เกิดเหตุร้ายใดๆ ขึ้นแล้ว ทั่วประเทศสามารถดำรงความสงบเรียบร้อยและความเห็นอกเห็นใจในความสูญเสียร่วมกัน
ในพลันที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงรับสิริราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์แล้ว ความยินดีปรีดาปราโมทย์ก็บังเกิดขึ้นในใจชนทั่วประเทศ ทุกคนพร้อมเพรียงสามัคคีน้ำใจกันถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์ พร้อมติดตามการนำของพระองค์ไปอย่างเด็ดเดี่ยว ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ล้วนพร้อมเพรียงกันถวายความจงรักภักดีด้วยความยินดีที่พระองค์ทรงเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์สิริราชสมบัติสืบสันตติวงศ์พระบรมราชจักรีวงศ์ต่อไป
พระราชโองการแรกที่ว่า จะทรงสืบสานพระบรมราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ได้ก่อให้เกิดขวัญและกำลังใจแก่ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ เพราะในรอบระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมานั้น ประชาชนชาวไทยล้วนยึดมั่นศรัทธาและได้รับมรรคผลแห่งพระบรมราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 อย่างดื่มด่ำซาบซึ้งตรึงใจโดยถ้วนหน้ากัน
พระบรมราชปณิธานที่เคยทรงประกาศเมื่อครั้งเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” เป็นความดื่มด่ำซาบซึ้งตรึงใจและกึกก้องกังวานมายาวนาน 70 ปี จนแยกไม่ออกกับชีวิตจริงของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ
ดังนั้น เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงเปล่งพระราชโองการว่าจะทรงสืบสานพระบรมราชปณิธานในสมเด็จพระบรมราชชนก อาณาประชาราษฎรทั้งปวงจึงแซ่ซ้องยินดีถ้วนหน้า ด้วยความภักดีและศรัทธามั่นว่าราชอาณาจักรนี้จะรุ่งเรืองร่มเย็นเป็นสุขสืบไป เป็นยุคศิวิไลซ์ที่รุ่งเรืองไพบูลย์และจะยั่งยืนยาวนานไปในอนาคตกาลไม่มีที่สิ้นสุด
ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าจากทุกภาคทั่วทั้งประเทศพากันเดินทางเข้ามายังกรุงเทพมหานคร เนื่องจากได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ทรงโปรดเกล้าฯพระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่ามีโอกาสเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
ในพระบรมมหาราชวังได้
สายธารมหาชนชาวไทยหลั่งไหลจากทั่วทุกทิศานุทิศ สร้างความตะลึงพรึงเพริดในจิตใจของประชาชนนานาชาติที่ไม่เคยมีผู้ใดเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ไม่เคยมีประมุขหรือผู้นำชาติใดที่ประชาชนเคารพรักและหลั่งไหลเข้ามาแสดงความอาลัยมากมายเหมือนที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเลย
เพราะนับถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2560 ก็มีจำนวนประชาชนที่เดินทางเข้ามาถวายสักการะพระบรมศพร่วม 13 ล้านคน เป็นจำนวนประชาชนที่มากมายที่สุดในโลก และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
ในท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของประชาชนชาวไทยตลอดระยะเวลา 1 ปีมานี้ ได้หล่อหลอมใจคนไทยให้รวมตัวเข้าเป็นพลังแผ่นดินครั้งสำคัญ ด้วยความจงรักภักดีและความเคารพศรัทธามั่นในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ด้วย เป็นครั้งประวัติศาสตร์ของประชาชนชาวไทยที่ได้แปรความโศกเศร้าเสียใจเป็นพลังแห่งความภักดีอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
ดังนั้นในพลันที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ได้พระราชทานพระราชานุญาตให้ก่อตั้งโครงการจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” โครงการทำดีเพื่อพ่อ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีความจงรักภักดีได้มีส่วนในการอาสาสมัครเพื่อปฏิบัติงานรับใช้ประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานพระบรมศพทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด จึงมีประชาชนทุกหมู่เหล่าได้อาสาสมัครเข้าร่วมโครงการนี้อย่างคึกคัก เพียงไม่ถึงเดือนก็มีประชาชนอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการนี้กว่า 4 ล้านคนแล้ว
เป็น 4 ล้านคนที่ประกอบขึ้นจากประชาชนทุกหมู่เหล่าและหลากสี ดุจดังน้ำในหนอง คลอง บึง บาง และสายฝนจากฟ้า ไหลมารวมตัวกันเป็นพระมหาสมุทรก็กลายเป็นน้ำเดียวกัน เป็นน้ำทะเลที่มีสีน้ำเงินอย่างเดียวกัน และนี่แหละคือการปรองดองที่แท้จริง
เป็นการปรองดองของประชาชาติไทยภายใต้ร่มธงมหาราชแห่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราทุกคน เป็นนิมิตหมายว่าแผ่นดินนี้กำลังกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่งด้วยพระบารมี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี