แม้จะผ่านไปแล้ว 1 ปี ในเหตุการณ์ที่ทำให้น้ำตาของคนไทยนองทั่วแผ่นดินโดยเมื่อเวลา 15.52 ของวันที่ 13 ตุลาคมปีที่แล้ว เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศได้เสด็จสู่สวรรคาลัยท่ามกลางความเศร้าโศกครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของคนทั้งประเทศ แต่ 1 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ทำให้ความเศร้าโศกอาลัยของมวลพสกนิกรชาวไทยลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด มีแต่จะเพิ่มพูนมากขึ้นซึ่งเห็นได้จากคนไทยจากทั่วสารทิศได้ร่วมพิธีครบรอบ 1 ปีการเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ อย่างเนืองแน่นโดยเฉพาะที่โรงพยาบาลศิริราช เช่นเดียวกับที่หน้าพระบรมมหาราชวัง แม้จะปิดการเข้าถวายบังคมพระบรมศพภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปแล้วตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ประชาชนก็ยังหลั่งไหลเข้าคิวนำดอกดาวเรืองไปถวายบังคมพระบรมสาทิสลักษณ์เป็นจำนวนมากอย่างไม่ขาดสายเพื่อแสดงความจงรักภักดีเป็นครั้งสุดท้าย
ชาวต่างชาติทึ่งที่คนไทยรักและเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศถึงเพียงนี้ และถือเป็นหนึ่งเดียวในโลกที่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศแสดงความจงรักภักดีหลั่งไหลเฝ้าแน่นโรงพยาบาลศิริราชทั้งวันทั้งคืนเพื่อเฝ้าอาการทรงพระประชวรด้วยความเป็นห่วงและ
สวดถวายพระพรเพื่อให้หายจากอาการทรงพระประชวรโดยเร็วหลายวันก่อนที่จะเสด็จสู่สวรรคาลัย
หลังเสด็จสวรรคตประชาชหลั่งน้ำตาทั่วทั้งแผ่นดินและคลื่นมหาชนหลายแสนจากทุกสารทิศทั่วประเทศพร้อมใจแสดงความจงรักภักดีเฝ้านั่งเต็มสองฟากถนนส่งเสด็จพระบรมศตั้งแต่โรงพยาบาลศิริราช ไปยังพระบรมมหาราชวัง และตลอด 1 ปี หลังจากเสด็จสวรรคตไม่มีแม้แต่วันเดียวที่ประชาชนจะไม่หลั่งไหลไปยังพระบรมมหาราชวังเพื่อถวายบังคมพระบรมศพแม้จะต้องต่อแถวรอนานกว่า 10 ชั่วโมง ท่ามกลางฝนที่ตกหนักจนร่างเปียกปอนหรือภายใต้แสงแดดที่แผดกล้า แต่พสกนิกรผู้จงรักภักดีอย่างหนักแน่นมุ่งมั่นต่างไม่ย่อท้อหรือปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว
ทั้งนี้ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าตลอด 70 ปี แห่งการครองราชย์ที่ยาวนานที่สุดในโลก ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศได้ทรงตรากตรำประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริงดังปฐมบรมราชโองการที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม” โครงการในพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ ล้วนก่อประโยชน์สร้างความร่มเย็นเป็นสุขอย่างยั่งยืนแก่พสกนิกรชาวไทย และยังเกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ อาทิ โครงการฝนหลวงที่มีการจดสิทธิบัตรโลกเป็นมรดกของประเทศไทย ซึ่งแม้แต่ประเทศออสเตรเลีย และจอร์แดน ก็ยังขอพระบรมราชานุญาติ นำไปใช้แก้ปัญหาความแห้งแล้งของตัวเองจนประสบความสำเร็จ หรือแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่แม้แต่องค์การสหประชาชาติยังยกย่องยอมรับว่าเป็นแนวคิดที่แก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนและกำหนดเป็นหนึ่งนโยบายขององค์การสหประชาชาติโดยสนับสนุนให้หลายประเทศนำไปเป็นแนวทางพัฒนาประเทศ จึงไม่แปลกที่พระองค์ทรงได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณสูงสุดจากองค์การสหประชาชาติว่าเป็นพระมหากษัตริย์นักคิดนักพัฒนาผู้ยิ่งใหญ่
ตลอด 70 ปีแห่งการครองราชย์อันยาวนานภาพที่ประชาชนเห็นจนคุ้นตาก็คือพระองค์เสด็จฯไปทรงพบปะประชาชนในถิ่นทุรกันดารทั่วทุกพื้นที่ของประเทศอย่างไม่ถือพระองค์แม้แต่น้อยเพื่อรับฟังความเดือดร้อนและแก้ปัญหาให้กับพสกนิกรของพระองค์ให้อยู่ดีมีสุข ภาพคุ้นตาที่แสดงถึงความตรากตรำมุ่งมั่นเพื่อพสกนิกรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ อาทิ ภาพขณะพระเสโท (เหงื่อ) หยาดหยดจากพระนาสิก (จมูก)ขณะประกอบพระราชกรณียกิจ หรือภาพขณะโน้มพระวรกายทรงรับดอกไม้พื้นบ้านจากหญิงชราในชนบทแห่งหนึ่ง หรือทรงเดินไปตามป่าเขาลำเนาไพรถิ่นทุรกันดารพร้อมแผนที่และกล้องถ่ายภาพ หรือภาพทรงนั่งกับพื้นสะพานไม้แห่งหนึ่งโดยทรงพิงหลังกับล้อรถจี๊ปพระที่นั่งพร้อมกางแผนที่สำรวจภูมิประเทศขณะประกอบพระราชกรณียกิจช่วยเหลือประชาชน นี่คือคำตอบว่าทำไมไทยจึงเป็นหนึ่งเดียวในโลกที่ประชาชนผูกพันรักและเทิดทูนในพระมหากษัตริย์อย่างลึกซึ้ง
ด้วยพระบารมีและคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศซึ่งแม้จะเสด็จสู่สวรรคาลัยไปแล้วก็คือ บัดนี้คนไทยทุกหมู่เหล่าทุกเชื้อชาติศาสนาทุกเพศทุกวัยกลับมามีสติหล่อหลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียวมุ่งทำดีเพื่อสืบสานพระปณิธานพ่อของแผ่นดิน ซึ่งนอกจากสะท้อนจากคนไทยหลายแสนคนทั้งภายในประเทศและในประเทศต่างๆทั่วโลกต่างแสดงเจตจำนงลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครทำดีเพื่อพ่อถวายเป็นพระราชกุศลไม่แต่เฉพาะในช่วงเดือนต.ค.นี้ แต่จะทำดีต่อไปตลอดไป
พสกนิกรผู้จงรักภักดีหลายคนกล่าวว่า แท้ที่จริงแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศไม่ได้ทรงจากไปเลย แต่ยังสถิตอยู่ในดวงใจของเหล่าพสกนิกรไทยตลอดไป ซึ่งสิ่งที่เหล่าพสกนิกรจะแสดงความจงรักภักดีแด่พระองค์ก็คือการสืบสานปฏิธานทำความดีแก่สังคมและชาติบ้านเมืองเพื่อพ่อแห่งแห่งแผ่นดินตลอดไปไม่แต่เฉพาะช่วงเดือนต.ค. ซึ่งหากเป็นเช่นนี้บ้านเมืองก็จะเกิดความร่มเย็นผาสุกและเจริญก้าวหน้าอย่างแน่นอน และสิ่งสำคัญคือนักการเมืองและพรรคการเมืองบางคนบางพรรคซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหาชาติบ้านเมืองตลอดจนคนบางกลุ่มที่ยังคิดร้ายต่อสถาบันเบื้องสูงต้องถามตัวเองว่า พร้อมจะสำนึกกลับใจหันมาทำดีเพื่อพ่อหรือยัง
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี