การทุจริตธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ไอแบงก์) ที่เกิดในยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ประเทศกว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดนายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานกรรมการไอแบงก์ เปิดเผยว่า ได้ลงโทษทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารแล้ว 48 ราย โดยในจำนวนนี้ลงโทษทางวินัยร้ายแรง 24 ราย ส่วนคดีอาญาส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการไต่สวนเอาผิด 22 ราย และยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) อีก 16 ราย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งการให้ไอแบงก์หาตัวผู้กระทำผิดสร้างความเสียหายแก่ธนาคารตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันมาลงโทษให้ได้โดยย้ำว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นต้องมีคนรับผิดชอบ
ปัญหาหนี้เน่าของไอแบงก์เริ่มเกิดขึ้นในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ภายใต้แนวทางการบริหารประเทศลักษณะ “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ” โดยในเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2555 ธนาคารมีหนี้เน่าประมาณ 24,000 ล้านบาท เดือนเมษายน 2556 มีหนี้เน่าเพิ่มเป็น 38,000 ล้านบาท สิ้นปี 2557 หนี้เน่าเพิ่มเป็น 47,878 ล้านบาท และสิ้นเดือนมีนาคม 2558 หนี้เน่าเพิ่งสูงถึง 57,000 ล้านบาท
การทุจริตและบริหารงานที่เหลวแหลกของไอแบงก์ทำให้แม้แต่พนักงานของธนาคารจำนวนมากถึงกับรวมตัวกันแต่งชุดดำประท้วงเมื่อปี 2556 ทำให้มีการตั้งนายธงรบ ด่านอำไพ เข้ามารักษาการผู้จัดการไอแบงก์ แต่นายธงรบอยู่ได้เพียง 3 เดือน ก็ต้องลาออกในเดือนตุลาคม 2556 ยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยให้เหตุผลในการลาออกว่าเนื่องจากมีปัญหาธนาคารถูกแทรกแซงจากนักการเมืองในรัฐบาลยุคนั้น
นายธงรบเปิดเผยว่า รัฐมนตรีในยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์สั่งการด้วยวาจาว่าไม่ต้องทำให้ธนาคารนี้เป็นธนาคารอิสลาม ไม่ต้องปรึกษาที่ปรึกษาทางศาสนาทุกเรื่องก็ได้ หากปรึกษาแล้วมีปัญหาก็ให้ทำผิดหลักศาสนาได้ ขณะเดียวกันก็มีคนของฝ่ายการเมืองเข้ามามีบทบาทควบคุมการอนุมัติสินเชื่อของไอแบงก์
นายธงรบยังระบุอีกว่าเมื่อตัวเองเข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการไอแบงก์พยายามสอบสวนผู้บริหารคนเดิม ซึ่งแทนที่รัฐมนตรีที่กำกับดูแลขณะนั้นจะเร่งเอาผิดกับผู้บริหารที่ทุจริตกลับให้ชะลอการสอบสวน
จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าการทุจริตในไอแบงก์จนสร้างความเสียหายแก่ธนาคารของรัฐแห่งนี้กว่า 50,000 ล้านบาท เกิดจากขบวนการในระดับนโยบายไม่ใช่เพียงแค่ระดับเจ้าหน้าที่ของธนาคาร ดังนั้นการที่ผู้บริหารไอแบงก์ชุดปัจจุบันลงโทษระดับเจ้าหน้าที่ 48 ราย จึงเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอย่างลูบหน้าปะจมูกทั้งๆ ที่ความจริงจะต้องสาวไปให้ถึงตัวการใหญ่เพื่อดำเนินการลงโทษทั้งทางอาญาและแพ่งเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี