หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้แจ้งข้อหาฐานร่วมกันฟอกเงินบุคคล 4 คน ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ซึ่งสร้างความเสียหายแก่รัฐมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท อันประกอบด้วย นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ นางเกศศินี จิปิภพ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน และนายวันชัย หงษ์เหิน โดยมีการออกหมายเรียกบุคคลทั้ง 4 ให้มารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ 24 ต.ค.นี้นั้น ปรากฏว่าล่าสุดนายพานทองแท้ พร้อมทีมทนาย นำโดย นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรมว.ยุติธรรม รองหัวหน้าพรรคเพื่อแม้ว ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนของดีเอสไอแล้วโดยให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
ในคดีทุจริตแบงก์กรุงไทยปล่อยกู้กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร นั้นก่อนหน้านี้ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุกอดีตผู้บริหารระดับสูงของแบงก์กรุงไทยและผู้บริหารกลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร เกือบ 20 คน ซึ่งขณะนี้ใช้กรรมอยู่ในเรือนจำ ขณะที่ นายทักษิณ ซึ่งเป็นจำเลยคนที่ 1 หลบหนีทำให้ต้องยุติคดีชั่วคราว
ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ซึ่งดีเอสไอออกหมายเรียกล่าสุดล้วนเกี่ยวข้องกับตระกูลชินถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินใน 2 กรรม 2 วาระ คือ รับเงินจากผู้บริหารกลุ่มกฤษดามหานคร จำนวน 26 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท โดยในกรณี 10 ล้านบาท มีการโอนเข้าบัญชีของ นายพานทองแท้โดยตรง
เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ยังไม่ใช่ผู้ต้องหาดังนั้นเมื่อมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ก็เดินทางกลับเพราะพนักงานสอบสวนดีเอสไอไม่มีอำนาจควบคุมตัวเนื่องจากยังไม่ใช่ผู้ต้องหา
สำหรับโทษความผิดฐานฟอกเงินกฎหมายกำหนดโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท ซึ่งในกรณีของ นายพานทองแท้ และพวกถูกดำเนินคดีต่างกรรมต่างวาระเป็น 2 คดี ดังนั้นโทษจำคุกสูงสุดจึงเพิ่มเป็น 20 ปี หากศาลพิพากษาว่ามีความผิดจริง เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ นายทักษิณจะมอบหมายให้มือกฎหมายอย่าง นายชัยเกษม ซึ่งเป็นทั้งอดีตรมว.ยุติธรรม และอดีตอัยการสูงสุด รับผิดชอบเป็นหัวหน้าทีมทนายให้ลูกชาย
งานนี้จะเป็นการพิสูจน์ฝีมือและสร้างผลงานให้เข้าตานายใหญ่ของ นายชัยเกษม ขณะเดียวกันก็จะเป็นการพิสูจน์ฝีมือการทำสำนวนคดีของดีเอสไอเช่นกันว่ามีความรัดกุมรอบคอบมากน้อยแค่ไหน
นายพานทองแท้ และพวกให้สัมภาษณ์สื่อหลังรับทราบข้อกล่าวหาว่า เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนก่อนกำหนดเพราะต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นและเป็นการถูกต้องแล้วที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมโดยศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏ
ก่อนหน้านี้ นายพานทองแท้ เคยให้สัมภาษณ์เชิงโจมตีว่ากระบวนการยุติธรรมเชื่อถือไม่ได้ซึ่งน่าจะเปลี่ยนความคิดเพราะที่ผ่านมา คดีจำนวนไม่น้อยที่ศาลตัดสินเป็นคุณต่อคนในตระกูลชินวัตรหรือคนของระบอบแม้ว อาทิ กรณีที่ศาลเคยยกฟ้อง คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร (ชินวัตร) มารดาของ นายพานทองแท้ ในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก โดยตัดสินจำคุก นายทักษิณ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญาเพียงคนเดียว และการตัดสินของศาลฎีกามีองค์คณะผู้พิพากษาซึ่งแต่ละคนกว่าจะมาเป็นผู้พิกาษาศาลฎีกาล้วนต้องสั่งสมเกียรติภูมิในความซื่อสัตย์สุจริตตรงไปตรงมาทั้งชีวิต เพราะฉะนั้นคงไม่มีใครยอมเอาเกียรติประวัติที่สั่งสมมาตลอดอายุราชการมาเสี่ยงแน่
อีกข้อพิสูจน์หนึ่งก็คือ นายพานทองแท้ น่าจะลองไปถาม นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นเขยตระกูลชิน ดูก็ได้โดยก่อนหน้านี้ นายสมชาย เคยแสดงความชื่นชมและประกาศขอบคุณศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ยกฟ้องตัวเองในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดย นายสมชาย ประกาศเสียงดังฟังชัดว่า ศาลมีความยุติธรรมและพึ่งได้
ข้อกล่าวหาร่วมกันฟอกเงินในคดีทุจริตแบงก์กรุงไทยจะผิดถูกชั่วดีอย่างไรหากบริสุทธิ์ใจและมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเองขอให้ไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมโดยศาลจะเป็นผู้พิพากษาชี้ขาดตามความเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม แม้นายพานทองแท้จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงินคดีทุจริตแบงก์กรุงไทยแล้ว แต่สังคมยังคงจับตาอย่างไม่ไว้วางใจและรอลุ้นว่าเมื่อถึงนาทีสุดท้ายก่อนที่ศาลจะมีคำตัดสินนายพานทองแท้จะอยู่ฟังคำตัดสินของศาลหรือไม่หรือจะหนีตามรอยพ่อและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก คดีโครงการรับจำนำข้าว เพราะทั้งนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นน้องสาวก็เคยประกาศขึงขังพร้อมที่จะสู้คดีจนถึงที่สุดเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์มาแล้ว แต่พอถึงวันที่ศาลจะตัดสินกลับไม่กล้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองโดยเผ่นแน่บหนีเอาตัวรอดออกนอกประเทศไปเสพสุขอย่างลอยนวล
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี