ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 21 ของโลกจากจำนวนที่มี 208 ประเทศและมีประชากรทั้งคนไทยและคนต่างชาติมากกว่า 70 ล้านคน ปี 2560 นี้ประมาณการว่าไทยมีรายได้ประชาชาติประมาณ 40 ล้านล้านบาทและสามารถเพิ่มพลังทางเศรษฐกิจขยายตัวได้ร้อยละ 4 ในปีนี้เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับปีที่แล้วคือปี 2559
เรื่องที่ยังเป็นปัญหาน่าวิตกและน่าห่วงสำหรับไทยก็คือไทยมีการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจในอนาคตน้อย หากนำเอาไปเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านที่เจริญน้อยกว่าอย่าง CLMV คือ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามด้วย แม้เวียดนาม กัมพูชา ลาว เมียนมา จะมีการขยายตัวถึงร้อยละ 9-10 เป็นอัตราเพิ่มที่น่าพอใจ แต่เมื่อนำไปวัดผลเป็นหน่วยเงินล้านบาทแล้ว จะพบว่าปริมาณเงินไม่มากเทียบกับร้อยละ 4 ของไทยไม่ได้
เนื่องจากฐานยอดเงินมันต่างกันนั่นเอง ปีนี้ไทยมีวงเงินขยายตัวประมาณ 1.6 ล้านล้านบาทมีการคาดหมายว่าจากการที่ไทยส่งสินค้าออกไปต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้ปี 2561 คาดว่าไทยอาจจะขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจได้ร้อยละ 5 เพราะสภาพแวดล้อมทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวนั่นเอง
ไทยนั้นมีฐานทางภูมิศาสตร์เศรษฐกิจที่ได้เปรียบเพื่อนบ้านตรงที่ตั้งอยู่ใจกลางของเอเชียและแปซิฟิกมีท่าอากาศยานนานาชาติที่สำคัญ 7 แห่งทั่วประเทศได้แก่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา หาดใหญ่ เชียงใหม่ เชียงราย และภูเก็ต ทำให้จำนวนผู้โดยสารต่างชาติหลั่งไหลเข้าไทยมากมายถึง 30 ล้านคนยังผลให้ไทยเป็นชาติอันดับ 3 ของโลกที่ทำรายรับจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรองจากสหรัฐอเมริกาและสเปน
สถานะเช่นนี้ทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งทางอากาศของภูมิภาคอาเซียนหมายถึงการดีกว่าท่าอากาศยานชางอีอันยิ่งใหญ่ของสิงคโปร์ การที่จะทำให้ไทยเป็นฮับทางด้านการขนส่งทั้งทางอากาศและทางเรือนั้นมีผู้เชี่ยวชาญชาวต่างประเทศ 2 คนคือศาสตราจารย์ฮาราลด์ ว๊ากเน่อร์ ชาวออสเตรียและดร.ดักกลาส สมิธ ชาวอังกฤษ ได้วิเคราะห์ถึงโครงการอภิมหาโปรเจกท์ที่ประเทศไทยจะทำได้คือ
การขุดคลองไทยเชื่อมต่อระหว่าง 2 ฝั่งมหาสมุทรที่มีระยะทาง 125 กิโลเมตร จากอำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ฝั่งมหาสมุทรอินเดียไปยังอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกผ่าน 5 จังหวัด 13 อำเภอ ถ้ารัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กล้าตัดสินใจปัดฝุ่นนำเอาอภิมหาโปรเจกท์ขุดคลองที่มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1 ล้านล้านบาทมาดำเนินการแล้ว
หมายถึงการสร้างงานให้คนไทยเจ้าของประเทศและงานของแรงงานต่างด้าวชาติอาเซียนปริมาณคนรวมกันถึง 2 ล้านตำแหน่ง แม้คลองไทยตามเส้นทาง 9 เอ จะย่นระยะเวลาการเดินเรือจาก 2 มหาสมุทรคือมหาสมุทรอินเดียกับแปซิฟิกได้ประมาณ 3 วันแต่ช่องแคบมะละกานั้นมีเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ระวางขับน้ำ 60,000 ถึง 100,000 ตัน ผ่านวันละ 300 ลำถือว่าคับคั่งและเป็นช่องแคบที่เรือจะแล่นผ่านกันไม่ได้แล้ว
การขุดคลองเชื่อม 2 มหาสมุทรในแผ่นดินด้ามขวานของไทยนั้น จะทำให้ไทยและเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ คือ CLMV กลายเป็นฮับทางด้านเศรษฐกิจการเงินการคมนาคมที่สำคัญ เพราะคลองไทยนี้เป็นเสมือนการเชื่อมแหล่งเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ของเอเชียแอฟริกาและโอเชียเนียเต็มรูปแบบจริงๆ
อภิมหาโปรเจกท์นี้อาจจะดูว่าจะใช้เงินมหาศาลถึง 1 ล้านล้านบาท แต่มันก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ลงทุนแล้วไทยจะมีรายได้ประชาชาติเพิ่มจากปีละ 40 ล้านล้านบาทเป็น 80 ล้านล้านบาท ภายในระยะเวลา 3-4 ปีเท่านั้นเม็ดเงินที่ลงทุนไปจะคืนทุนได้แบบลัดนิ้วมือเดียวภายในระยะเวลา 5 ปีเท่านั้นเอง
เมื่อวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์การเงินจะพบว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางของ 3 ทวีปฝั่งตะวันออกของคลอง คือ 5 ชาติใหญ่ ทางด้านการค้า ได้แก่ จีน ตามด้วยญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน และฝั่งตะวันตกของคลองคืออินเดีย อิหร่าน ปากีสถาน ศรีลังกา บังกลาเทศ จีนนั้นปัจจุบันคืออภิมหาอำนาจหมายเลข 1 เหนือกว่าสหรัฐอเมริกามีกำลังซื้อจากประชากร 1,425 ล้านคน และมีรายได้ประชาชาติ 800 ล้านล้านบาท
มองทางอินเดียเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลกแล้วมีประชากรถึง 1,320 ล้านคน มีรายได้ประชาชาติประมาณ 350 ล้านล้านบาท นี่เป็นความมั่งคั่งที่ประเทศไทยและชาติ CLMV จะได้รับอย่างมโหราฬชนิดที่ทั่วโลกต้องอิจฉาในระยะเวลา 5-6 ปี จากนี้ไปอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ประโยชน์ที่กลุ่มชาติอาเซียนจะได้รับจากอภิมหาโปรเจกท์นี้จะได้รับผลดีทั่วถึงกันไม่ว่าจะเป็นชาติใดทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน และฟิลิปปินส์
ทุนในการขุดคลองไทยนั้น รัฐบาลไทยไม่จำต้องลงทุนเอง การขุดคลอง การสร้างท่าอากาศยานนาชาติใหม่ที่อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในเส้นทาง 9 เอ การสร้างท่าเรือพาณิชย์ ทางรถไฟ ทางหลวง สะพานข้ามคลอง โรงแรมที่พักจะทำได้โดยการตั้งบรรษัทมหาชนจำกัดที่ไทยและนานาชาติเป็นเจ้าของร่วมกันซึ่งการระดมทุนครั้งนี้เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ยักษ์ใหญ่ของไทยและต่างชาติพร้อมสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่เหมือนกับโครงการยูโรเทรนรถไฟข้ามทวีปของยุโรปและนี่มันคือโครงการเส้นทางสายไหมทางทะเลที่จีนมหาอำนาจของโลกต้องการให้เกิดขึ้น
ผู้ที่ตัดสินใจก็คือรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่าพร้อมที่จะสร้างฝันของคนไทย65 ล้านคน ให้เป็นความจริงหรือไม่ หรือมัวจะแต่ละล่าช้าจนตามใครไม่ทันปล่อยให้ชาติอื่นๆ เขาแซงหน้าไปหยิบชิ้นปลามันแบบที่เคยเป็นมาแล้วในอดีตอีกครั้งหนึ่ง
ขอบพระคุณข้อมูลจาก ดร.สุเมต สุวรรณพรหม และคณะทำงานศึกษาขุดคลองไทยเชื่อมอันดามัน-แปซิฟิก ซึ่ง ชคัดธาดา เมนะสูต ผู้สื่อข่าวอาวุโส นสพ.แนวหน้า ที่เคยร่วมสัมมนาศึกษาขุดคลองไทยและไปดูพื้นที่จริงมาแล้วหลายหนเรียบเรียงรายละเอียดมาเสนอท่านผู้ท่านครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี