ในข้อแรกของทศพิธราชธรรม หรือธรรมะของพระราชา 10 ประการคือ “การให้” หรือ “ทาน” การให้ หมายถึงการสละทรัพย์ สิ่งของเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได้เคยมีพระราชดำรัสอธิบายธรรมะข้อนี้ไว้ ดังความตอนหนึ่งว่า
“...ข้าพเจ้าเองก็มีความปีติเต็มตื้นใจ ที่ได้เห็นน้ำใจของทุกคนเช่นนี้ เพราะเป็นสิ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงคุณธรรมข้อหนึ่ง ที่ยังมีอยู่อย่างบริบูรณ์ในจิตใจของคนไทย ก็คือ การให้ การให้นี้ ไม่ว่าจะให้สิ่งใดแก่ผู้ใด โดยสถานใดก็ตาม ส่วนที่เป็นสิ่งที่พึงประสงค์อย่างยิ่ง เพราะเป็นเครื่องประสานไมตรีอย่างสำคัญ ระหว่างบุคคลกับบุคคล และทำให้สังคม มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น ด้วยสามัคคีธรรม
นอกจากนั้น การให้ ยังเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขอีกด้วย กล่าวคือ ผู้ให้ก็มีความสุข มีความอิ่มเอิบใจ ผู้รับก็มีความสุข มีกำลังใจ สังคมส่วนรวม ตลอดถึงประเทศชาติก็มีความผาสุก มีความร่มเย็น ในปีใหม่นี้ ข้าพเจ้าจึงปรารถนาอย่างยิ่ง ที่จะเห็นชาวไทย มีความสุขถ้วนหน้ากัน ด้วยการให้ คือ ให้ความรัก ความเมตตากัน ให้น้ำใจไมตรีกัน ให้อภัยไม่ถือโทษ โกรธเคืองกัน ให้การสงเคราะห์ อนุเคราะห์กัน โดยมุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน ด้วยความบริสุทธิ์ และจริงใจ...”
พระราชดำรัสพระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๔๖ เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๕
สิ่งหนึ่งที่พสกนิกรชาวไทยทราบกันดีคือ สิ่งใดที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสนั้น พระองค์ทรงทำจริงด้วยพระองค์เอง บทความในตอนนี้ จึงขอเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการพระราชทานของที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงรักและหวงแหนเพื่อการกุศล จากหนังสือ ทำเป็นธรรม โดยท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, การบรรยายเรื่องในหลวงกับการพัฒนาประเทศ โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล และบทความโดยองคต ผู้สื่อสารพิเศษของวงวรรณคดีประจำสวิตเซอร์แลนด์ ตีพิมพ์ในวงวรรณคดี ฉบับเดือนสิงหาคม 2490
ครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์เสด็จนิวัติกลับพระนครก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะที่ประทับ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน พระองค์ทรงประดิษฐ์เรือใบขนาดเล็ก ยาวเพียง 45 เซนติเมตร กว้าง 6-7 เซนติเมตร เพื่อทรงนําไปลอยเล่นในสระเล็กๆ ในสวนศิวาลัยในพระบรมมหาราชวัง
ต่อมาพระองค์ได้ทรงจําลองเรือรบหลวงศรีอยุธยา โดยทรงศึกษาข้อมูลจากของจริงทั้งหมด แล้วทรงย่อส่วนลง ฝีพระหัตถ์ในงานช่างชิ้นนี้ ละเอียดงดงามมาก เมื่อทรงทําเสร็จ เจ้าพระยารามราฆพ ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานไปประมูลเพื่อการกุศลหาเงินทุนบํารุง
สมาคมปราบวัณโรค ครั้งนั้น นางสาวเลอลักษณ์ เศรษฐบุตร บุตรีของ พระยาภักดีนรเศรษฐ (เลิศ เศรษฐบุตร) เสนอขอประมูลไปได้ในราคาสูงถึง 20,000 บาท และรูปถ่ายที่พระองค์ทรงถ่ายเรือจําลองลํานั้นด้วยพระองค์เอง อันเป็นภาพถ่ายที่งดงามมาก เพราะทรงจัดฉากถ่ายภาพเรือรบจําลองให้ปรากฏเป็นภาพที่คล้ายเรือรบจอดอยู่ในน้ำจริงๆ โดยการใช้กระจกใสรองเป็นพื้น แสงจึงสะท้อนลงที่พื้นกระจกเสมือนเงาในน้ำ ทำให้มีผู้ประมูลไปในราคาสูงถึง 3,000 บาท
ในหนังสือบันทึกไว้ว่า ในหลวงรัชการที่ 9 ทรงมีรับสั่งถึงตอนนั้นว่าเนื่องจากเป็นของที่รักมาก พระทัยจึงวูบไปหมดและเสียใจอย่างที่สุดเพราะเป็นฝีมือที่ทำมาด้วยความยากลำบาก แต่สุดท้ายก็ทรงให้เรือนี้ไป และเงินที่ได้จากการประมูลนั้นได้ถูกนำเอาไปสมทบทุนโครงการต่อต้านวัณโรค และเงินส่วนแบ่งที่ทรงได้ ก็ได้ทรงนำไปซื้อกล้องถ่ายรูปซึ่งถือเป็นกล้องตัวแรกที่ซื้อด้วยเงินของพระองค์เอง เป็นอันว่าเงินทั้งหมดได้ถูกนำไปใช้ตามจุดประสงค์ในบันทึกของในหลวงอานันทมหิดลในเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ.2489 ทรงเล่าว่า “การประมูลเป็นไปด้วยดีเป็นที่พอใจของทุกๆ ฝ่ายและสำหรับสมเด็จพระราชชนนีนั้น ทรงปลาบปลื้มและภูมิใจในผลงานของลูกชายคนเล็กนี้มาก”
ที่เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งเมื่อปรากฏว่า เมื่อเวลาผ่านไป จนถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษาเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2534 ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติสิริ หรือนามเดิมคือนางสาวเลอลักษณ์ เศรษฐบุตร ผู้ที่ประมูลเรือลำนั้นไป ได้นำเรือกลับมาถวายคืน
เรื่องเล่าของในหลวงเรื่องนี้คงทำให้เรามองเห็นการเสียสละและเต็มใจที่จะทำให้เพื่อคนอื่นหรือส่วนรวมมากขึ้น เพราะในที่สุด
แล้วผลดีจะส่งต่อถึงผู้อื่นและตัวเราเองไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ
สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์ น้อมศิระกราน กราบแทบพระยุคลบาทด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และ อ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี