อย่าฉวยโอกาสโหนกระแสพ่อ
เรียน คุณวิภาวดีฯที่นับถือ
อีกหนึ่งความหมายของ ป.ป.ช.
คุณสมชายประณามผู้ที่ฉวยโอกาสโหนกระแสพ่อ แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน ล่าสุดก็หนุ่มนครสวรรค์นำโดรนมาบินเหนือบริเวณพระเมรุมาศ อ้างไม่รู้ว่า “ห้าม” ก็คงเป็นเหมือนเนื้อเพลงหนูไม่รู้ว่าผัวมี เห็นหล่อดี ก็เลยชอบเขา เหมือนผู้หญิงที่เห็นชายหนุ่มหรือแก่ที่มีทั้งทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ รูปสมบัติเป็นเหมือนสินค้าวางโชว์ในห้าง คิดว่าสามารถหยิบมาเป็นของตัวเองได้ จึงใช้มารยาร้อยเล่มรถเทรลเลอร์เพื่อ “จับ” ไม่สนใจความรู้สึกชายหนุ่มผู้นั้น
กระแสโหนพ่อหาผลประโยชน์มีให้เห็นมากมาย เพราะเข้าข่ายกรณี “มือถือสากปากคาบคัมภีร์” มีทั้งดาราที่อ้างแต่ว่า จะทำเหมือนที่พ่อสอน ทั้งหนุ่มทั้งสาวไม่เลือกวัย เช่นพระเอกวัยดึกที่นำเรื่องที่พ่อสอนให้กลับคอเสื้อมาเล่า เพื่อให้ผู้คนคิดว่าตัวเองได้ทำเหมือนที่พ่อสอน ทั้งๆ ที่ตัวเองใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สมัยที่ยังโด่งดัง มีคลังเสื้อผ้ามากมาย รวมทั้งผ้าผูกคอหมา มีรองเท้านับร้อยคู่ มีรถมากมาย หนังสือดาราสมัยนั้นนำมาเผยแพร่ ทำให้บั้นปลายชีวิตประสบปัญหาเพราะมิได้จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเพื่อชำระภาษีให้ถูกต้อง จึงถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังจนสิ้นเนื้อประดาตัว ซึ่งถ้าเขาคนนี้ทำเหมือนคำสอนพ่อจริง คงไม่ต้องลำบากตอนแก่แน่นอน
ดังนั้นการกระทำหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพาราคาแพง หรือผลการตัดสินของป.ป.ช.หลายเรื่อง เช่น คดีเช่ารถประจำตำแหน่ง, คดีคายโผแต่งตั้งนายพล, คดีจัดซื้อเรือปฏิบัติการ ที่ทั้ง 3 เรื่องนั้น ป.ป.ช.ตัดสินว่าไม่มีมูลความผิด แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ทั้ง 3 เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ในวันที่ 27 ต.ค.ทั้งสิ้น ซึ่งไม่ทราบว่าป.ป.ช.ได้ประชุมเมื่อใด แต่การเผยแพร่ข่าว ในช่วงที่ประชาชนไม่สนใจเรื่องอื่น สนใจแต่จะส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยเท่านั้น ทำให้สงสัยว่า ทำไมป.ป.ช.จึงขยันทำงานมากช่วงนี้ แต่เมื่อพิจารณาจากกรณีสี่ชายแล้ว ทำให้สงสัยว่า ป.ป.ช. โหนกระแสหรือเปล่า เพราะถ้าโหนกระแส ก็น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น “คณะกรรมการปกป้องความชั่ว”
เมื่อส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องเดินหน้าต่อ ดังนั้นถ้าถูกจับได้ว่าอำนาจรัฐโหนกระแสพ่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจัดซื้อเครื่องตรวจจับความเร็ว หรือการตัดสินของป.ป.ช. ก็จะตอกย้ำการกระทำเรื่องต่างๆ ที่ดูเหมือนจะตรงข้ามกับศาสตร์พระราชา เพราะเนื้อหาล้วนแต่เป็นประชานิยมเหมือนที่ทรราชนำมาใช้ จนได้ครอบครองอำนาจรัฏฐาธิปัตย์และเป็นระบบเศรษฐกิจฟุ่มเฟือยทั้งสิ้น ก็จะทำให้การเมืองหลังเลือกตั้งเป็นการนับถอยหลัง รอการกลับมาของระบอบทรราชที่ใช้การเลือกตั้ง 2 ครั้ง หลังรัฐประหารบิ๊กบังและการเลือกตั้งหลังรัฐประหารของคุณสมชายก็คงไม่แตกต่างกัน เพราะไร้การปฏิรูป
แต่ระบอบทรราช ก็อาจจะต้องใช้การเลือกตั้งมากครั้งกว่า เพราะในสมัยขิงแก่นั้น “ปล่อยผี” ตั้งแต่การเลือกครั้งแรก หลังจากบังคับให้พรรคหมอผีและมังกือสุพันย้ายข้างเท่านั้น แต่การเลือกตั้งครั้งหน้า นาวาสามแป๊ะยังไม่ปล่อยผี เพียงแต่จับหมอผีและมังกือสุพันมาร่วมสังวาสด้วยเท่านั้น ซึ่งก็ต้องคอยดูกันว่าหมอผีและมังกือสุพันจะสวามิภักดิ์กับนาวาสามแป๊ะนานเท่าใด เชื่อว่าทั้งสองพรรคนั้นแนบแน่นกับทรราชมากกว่า และถ้าเลือกได้ก็จะเลือกสังวาสกับทรราชมากกว่า แต่ที่แน่ๆ ทั้งสองพรรคนั้นเป็น “กะหัง” ที่ปีกงอกแล้ว ดังนั้นคงจะต้องเลี้ยงด้วยเลือดเนื้อของคนไทยจำนวนมาก และเมื่อหิวโหยเพราะ “อดอยากปากแห้ง” มานาน ก็ต้องสวาปามจนกระเพาะคราก โดยเฉพาะเมื่อยุทธศาสตร์ปราบโกงยังไม่ถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้เอย
หนูไข่เจียว
ตอบ คุณหนูไข่เจียว
พวกฉวยโอกาสนำเรื่อง “พ่อ” ไปหาประโยชน์ถือว่า “เลว” ส่วนพวกผู้มีอำนาจที่ฉวยโอกาสทำอะไรในสิ่งที่ส่อมีผลประโยชน์แอบแฝง ในตอนที่ประชาชนเผลอ เพราะผู้คนกำลังจดจ่อสนใจแต่เรื่องพระราชพิธีสำคัญของ “พ่อ” ก็ต้องถือเป็นผู้มีอำนาจที่ใช้ไม่ได้ เรียกว่า “เลว” ไปอีกแบบเหมือนกัน
วิภาวดี หลักสี่
รอบคอบสักนิด วิกฤติไม่เกิด
เรียน คุณวิภาวดี หลักสี่ที่นับถือ
ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า วันเวลาไม่คอยใคร เรื่องที่นำมาพูดในวันนี้ ล้วนเป็นความหวังดีต่อรัฐบาลทั้งสิ้น ตามมาซิครับ ขออนุญาตนำบางส่วนไล่เรียงให้เห็นอีกสักครั้ง “กรณีใช้ ม.44 สั่งปิดเหมืองทอง,ห้ามนั่งท้ายปิกอัพ,พ.ร.บ.จัดระเบียบแรงงานต่างด้าว,กรณีย้าย “พงศ์พร” และ “ภาษีน้ำ” ตอกย้ำถึงสติปัญญาผู้บริหาร รอบข้างท่านนายกฯไม่ได้คิดปกป้องท่านเลย เรื่องใดที่ส่อไปในทางลบ ล้วนมีผลกระทบต่อรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ลองฟังอดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายจเร พันธุ์เปรื่องซึ่งถูก “คนเลว” ใส่ร้าย ได้เขียนปลุกใจแก่ข้าราชการ “อย่าเป็นเครื่องมือให้กับคนโกง ทุจริตปราบได้ต้องร่วมมือร่วมใจกัน” สาเหตุนิดเดียวที่ถูกย้ายไปประจำสำนักนายกฯ ด้วยต้องการขจัดความสกปรกภายใน “ไม่ให้ขนดินจากการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ไปขาย” ปรากฏชนตอโครมใหญ่ “ก๊วนปีศาจ” ที่ยังไม่รู้จักพอ หาเรื่องสวนใส่ ไม่รีรอเช่นกัน
มาดูเรื่องนี้บ้าง กำลังถูกถากถางสนุกปาก เรื่อง “บัตรคนจน” ใคร(วะ)เป็นคนคิดวิธีนี้ออกมาใช้ สมองคงเต็มไปด้วยเงื่อนไขของ “ผลประโยชน์” ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก อย่างที่คอลัมน์ “บ้านเกิดเมืองนอน”
คุณ “สิริอัญญา” เขียนไว้ใน “แนวหน้า” เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา เป็นจริงดังว่าทุกประการ เมื่อมีบัตรก็ต้องมี “เครื่องรูดบัตร” เป็นวิธีหาทาง “ยัด” อย่างแนบเนียน ทำไมไม่โอนเงินเข้าบัญชีเหมือนครั้งแรกที่จ่ายให้คนละ 3 พันบาท หรือถ้าทำแบบเก่า ผลประโยชน์ไม่เข้ากระเป๋าตัวเอง จะให้คนละเท่าไหร่ก็ว่าไป เขาจะเอาไปซื้ออะไรก็เรื่องของเขา ไม่ต้องไปชี้แนะให้ไปใช้จ่ายเฉพาะร้านที่เข้าโครงการร้านธงฟ้า มันใช้สติปัญญาส่วนไหนคิดขึ้นมา พ่อค้าแม่ค้าที่นั่งขายของในตลาด ไม่มีโอกาสได้รับประโยชน์จากโครงการนี้เลย ผลประโยชน์ไปงอกเงยที่ “นายทุน” ทั้งสิ้น
ฝากถึงท่านนายกฯ โครงการนี้ “รก” ไปด้วยปัญหา ยุติดำเนินการที่กำลังเป็นอยู่ ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อ “เครื่องรูดบัตร” มาติดเพิ่มให้ครบทุกตำบล ทุกอำเภอ “รถเมล์” ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องติดเครื่องอ่านบัตร งบประมาณทั้งนั้นที่จะต้องอนุมัติซื้ออุปกรณ์ เห็นใช้ “ม.44” สะเปะสะปะไปหลายเรื่อง ดับปัญหาตรงนี้ซิครับจะลดความ “ขุ่นเคือง” จากประชาชนได้จริง
สำหรับเรื่องหน่วยราชการแข่งกันจัดงาน งบประมาณ “ฉิบหาย” ไปแล้วเท่าไหร่ที่ถูกถลุง กรณีนี้อาจคล้ายกรณี “เงินทอนวัด” ระวังเถอะ “วิบัติ” จะมาเยือน เห็นชอบก็ทำไป “บรรลัย” อย่ามาครวญ จะปราบโกง ปราบทุจริต ต้องดับวิกฤติใกล้ตัวก่อน ผมคงไม่ยืนยันนะว่า มีใครบ้าง นายกฯคงรู้เส้นทาง “คนเลว” เหล่านี้ดี ตอนนี้อาจพูดได้ไม่เต็มปากว่า “นักการเมืองเลว” ข้าราชการและขุนทหารชาญศึกก็กำลังคึกกับเรื่องที่กล่าวถึงนี้ ดูเถอะ...แม้กระทั่งแต่งตั้งโยกย้ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “สีเขียว” ยังเข้าไปรุกฆาตเอากับเขา ผบ.ตร.จะมีอะไรไปต้าน ทำได้อย่างดีที่สุด ปล่อยให้มันผ่านๆ ไปซะ จะได้ไม่มีปัญหา
ทราบไหมครับว่า ทำไมบ้านเมืองของเราถึงมีแต่ปัญหาไม่สิ้นสุด เกิดจากไอ้พวกที่สำคัญว่าตัวเองเหนือมนุษย์นี่แหละต้นเหตุ หมดสิ้น “อำนาจ” เมื่อไหร่ “การตรวจสอบ” จะรุกไล่จนไม่อาจตั้งตัว ขยับ “ผูกปม” กันไม่หยุด ไม่สังวรกันบ้างเลยว่า “ทางเดินข้างหน้า” ใกล้สิ้นสุดลงทุกที!!
ขอแสดงความนับถือ
สมควร บุญสมเกียรติ
-รอบคอบสักนิด วิกฤติไม่เกิด-
พวก“ไม่หลักปักขี้เลน”ยังเห็นอยู่ เตือน“ลุงตู่”อย่าเผลอไผล ไฟจะผลาญ
พวกหวังดีประสงค์ร้าย“ขายหลักการ” จะทำให้งานไม่เดินหน้า...อย่าวางใจ
ทบทวนดูสักหน่อย...แล้วค่อยคิด เกิดวิกฤติแต่ละทีมันดีไหม
มีแต่ถูกถาโถมโหมด้วยไฟ ศรัทธาในตัวท่านถูกบั่นทอน
กี่เรื่องแล้วที่พลาดเกิดบาดแผล ต้องตามแก้อุตลุตไม่หยุดหย่อน
คนรอบข้างทั้งนั้นที่สั่นคลอน ฉะนั้น“ก่อนเห็นชอบ”ตรวจสอบให้ดี
อย่าทำเรื่องที่ง่ายให้กลายเป็นยาก เรื่องเล็กมาก อย่าทำให้ใหญ่ มันใช่ที่
อย่า“หลงตน”จะสืบสานอีกกี่ปี คนคิดเช่นนี้ ต่างย่อยยับเกินนับเอย
“เบี้ย”
wvvipawadee1@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี