l ปู่จิ๊บ ใช้ชีวิตที่เหลือทำอะไร? สร้าง ประชาชนเป็น “ขนมจีน”, ชนชั้นนำ มี“น้ำยา”
เวลาที่เหลือ ไม่แน่นอนเท่ากับความแน่นอนของเวลาที่ผ่านมา เพราะเป็นอดีตที่ได้ใช้เวลาไปอย่างคุ้มค่า เวลาผ่านไป กี่ปีเล่าจากปีก่อเกิด
ฉลู 2492 ปีที่ประธานเหมาปลดปล่อยฯสร้างประเทศจีนใหม่ ถึงวันนี้ 68 ปี เวลาที่เหลืออยู่ ที่ยังหายใจได้ คิดได้ทำได้ (หากสุขภาพดี ไม่เป็น
อัลไซเมอร์ หรือเข้า ไอซียู) ตั้งแต่พรุ่งนี้ถึง 18 ปี คือ อายุ 86 ปี(ท่านอานันท์ ปันยารชุน ที่ยังแข็งแรงอยู่) หรือ 32 ปี หากเท่ากับพ.อ.สมคิด ศรีสังคม 100 ปี
เป้าที่ปรารถนา คือ อยากเห็นหลานน้ำผึ้ง เข้าเรียนมหาวิทยาลัย (14-18 ปี) เพราะตอนนี้เธออายุ 4 ขวบ
แล้วเรื่อง “ประชาธิปไตยของบ้านเมือง” ที่สู้มาทั้งชีวิตเล่า?, เป็นความฝันอันสูงสุด แต่ความจริงฟ้องว่า “ยังไม่” เพราะชนชั้นนำของสังคม นักการเมืองนายทุน สื่อฯ “ไม่มีน้ำยา” ส่วนประชาชนไม่เหนียวแน่นเหมือน “ขนมจีน” แต่ปู่จิ๊บ เพื่อนพ้องที่มีอุดมการณ์ ไม่เคยหยุด เดินหน้าตลอด แม้ว่าจะเหลือน้อยคน และบางส่วนเดินผิดทาง สภาพเงื่อนไขทางสังคมไทยยังไม่สุกงอมพอ ทั้งผู้ปกครอง ผู้ถูกปกครอง ยังต้องเดินหน้าต่อ.หวังว่า “คงสักวัน”
l ทำอะไร? เอาจริงใจจดจ่อกับเป้าหมายพัฒนาตนสร้างคน
1.เอาจริง : เป็นตัวชี้ขาด ประธานเหมาบอกว่า “ประชาชนจีนเอาจริง จึงสามารถสร้างจีนใหม่ได้”
2.ใจจดจ่อ : concentrate ทำด้วยความรู้ สติปัญญาความจริง ทำอย่างเป็นกระบวนการ ต่อเนื่องไม่หยุด
3.ตัวเล็กรักใหญ่ให้มาก : ทำตัวเล็กที่สุด รักคนอื่นให้ใหญ่ที่สุด ให้มากตรงเป้าแล้วเปลี่ยนแปลงเขา
4.สรุปบทเรียนอย่างซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา : ให้รู้ความจริงของประวัติศาสตร์และตัวเอง อะไร ทำไม
5.เป้าหมาย : การพัฒนาคนให้มีคุณภาพให้มีกำลังพอ ควบคู่ไปกับการปฏิรูประบบโครงสร้าง
l อย่าลืมออกกำลังกายด้วย “ดิน น้ำ ลม ไฟ”
ชีวิตที่ผ่านการเป็นหอบ(กรรมพันธุ์) และภูมิแพ้ ที่เกิดจากร่างกายอ่อนแอ และอาหารการกินไม่เพียงพอ จากการตัดสินใจเดินเข้าไปสู้ใหม่ในชนบทร่วมกับพคท. เกือบ 6 ปี จากเหตุการณ์ล้อมปราบ 6 ตุลา 2519 การเป็นไข้ป่า(มาลาเรีย) ที่เป็นเกือบทุกปี ซึ่งสหายนำเตือนว่า “มีสหายหลายคนที่มีชีวิตไม่นานนัก” สหายสุขนึกถึงสหายนำหลายคนที่จากไป ไม่ว่า “ลุงสม อุดม สีสุวรรณ, ลุงเจริญ เลี้ยงภิรมย์นาม ฯลฯ” และเคยเป็น “งูสวัดที่ใบหน้า เมื่อปี 2520 ที่สำนักแนวร่วมฯ” เชื้อไวรัสอาจจะคงเหลืออยู่ในกาย……ปู่จิ๊บ จึงให้ความสำคัญกับ “การออกกำลังกายและบำบัดด้วย : ลม น้ำ ดินไฟ” โดยเน้น
1.“ดิน” การกินอาหารที่มาจากดินธรรมชาติ นอนกับพื้น(ดิน) ไม่ใช่ฟูก เดินเท้าเปล่าบนดินสนาม
2.“น้ำ” ดื่มน้ำอุ่นให้มากพอ ใช้ “วารีบำบัด” เปิดน้ำฝักบัวเย็นร้อนเย็น ที่หัวไหล่หลัง ใบหน้าและตัว
3.“ลม” : “แกว่งแขนสะบัดตัวแขนขาและหายใจยาว” เอาลมบริสุทธิ์เข้าปอดและขับเคลื่อนไปทั่วร่างกาย
4.“ไฟ” สัมผัสกับแสงอาทิตย์แบบอาบแดด ทำเป็นประจำ วันละ 15 นาที ให้ร่างกายทุกส่วนรับแสงแดด เดินประจำในช่วงเช้าในหมู่บ้าน เดินทางด้วยรถเมล์ การขยับคลายตัวเมื่อมีเวลาการนอนพักผ่อนให้พอ การกินอาหารผลไม้ที่เน้นสุขภาพ หลากหลาย(และไม่แพง) ที่บ้านมี : ดอกอัญชัน ใบมะกรูด ผักบุ้ง ……นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการกินยาที่มีคุณภาพ เพื่อเสริมสุขภาพและแก้อาการที่เกิดขึ้น เน้นธรรมชาติบำบัด ศึกษาจากผู้รู้จริง ทำด้วยตนเองกับร่างกายทุกส่วน หัวหูคอไหล่แขนขา มือและเท้าฯ
l การสรุปบทเรียนที่ผ่านมา แก้จุดอ่อน เสริมจุดแข็ง พัฒนาตนเองให้ดีและเข้มแข็งขึ้น
1.ข้ออ่อนสำคัญที่ทำให้การสร้างประชาธิปไตย ก้าวไปไม่ถึงไหน ไปไม่ถึงเป้าหมาย
1.1 การทำงานที่ไม่มีแนวทางยุทธศาสตร์ จังหวะก้าวขั้นตอน ไม่มีการจัดตั้ง สร้างกำลังและคุณภาพคน อาศัยสถานการณ์ที่ประชาชนไม่พอใจรัฐบาล(ทุนสามานย์) เน้นการปลุกระดม และใช้สื่อ การนำเสนอประเด็นมีลักษณะเป็นนามธรรม ขาดรูปธรรมเชิงระบบโครงสร้างและการสร้างคุณภาพคน การชุมนุมของภาคประชาชนครั้งใหญ่ เช่น พธม. หรือ กปปส. ......เน้นการรวมตัวของกลุ่มแกนนำหลายส่วน ที่ไม่เข้มแข็งมากพอ และไม่มีเอกภาพ ประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุม ไม่มีส่วนร่วมที่แท้จริง ถูกกำหนดโดยแกนนำไม่กี่คน และบางครั้งไม่โปร่งใสฯ มีส่วนนำมวลชนไปไม่ถูกทิศทาง ก่อปัจจัยความเสี่ยง และมีความคิดหวังพึ่งสถาบันฯและกองทัพฯ
1.2 กำลังของภาคประชาชน กรรมกร ชาวนา ชนชั้นกลาง คนในเมืองไม่เข้มแข็ง ไม่มีพลังที่แท้จริง ใช้รูปแบบเนื้อหาเดิม ไม่มีการสรุปการพัฒนารูปแบบและเนื้อหาที่สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริง ความคิดด้านเดียว เน้นต่อต้านทุกฝ่ายโดยไม่จำแนกของปีกซ้ายในภาคประชาชน ความคิดเชิงต่อต้านสถาบัน กองทัพ ข้าราชการ นายทุนฯ โดยไม่แยกแยะและไม่ดูข้ออ่อนของตัวเอง ความคิดแบบเสรีนิยม ที่เน้น ประชาธิปไตยเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรมของนักการเมือง ความคิดที่เน้นสิทธิมนุษยชน ทรัพยากร สิ่งแวดล้อม พลังงานฯ แต่ขาดข้อมูลที่ถูกต้อง
โดยสรุป งานการสร้างประชาธิปไตย ไม่ก้าวหน้า ระบบโครงสร้างคงเดิม และไม่สร้างคนให้มีคุณภาพ ต้องเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง ในการร่วมคิดร่วมทำร่วมตัดสินใจและการจัดตั้งกำลัง
2.การเสริมจุดแข็ง ในด้านจิตใจที่ไม่ยอมต่ออำนาจอธรรมของแกนนำและผู้นำของประชาชนฝ่ายต่างๆ การเน้นการสร้างแนวร่วม โดยเฉพาะกับฝ่ายที่มีกำลังความคิดกำลังพล ที่เอาชนะได้จริง
l สำหรับ ปู่จิ๊บ ได้สรุปว่า ในระยะนี้ สภาพสังคมการเมือง ไม่เอื้อต่อการแก้วิกฤตินำสู่ประชาธิปไตยได้จริง เพราะระบบการเลือกตั้ง
มีแค่รูปแบบเป็นประชาธิปไตย แต่เนื้อหาคือเผด็จการของนักการเมืองนายทุน ไม่ต่างเผด็จการของทหาร ที่คิดแคบ เน้นผลประโยชน์ของพวกพ้องและขาดวิสัยทัศน์และความเป็นรัฐบุรุษ ซึ่งต้องคิดสร้างสรรค์รูปแบบและเนื้อหาของประชาธิปไตย การแบ่งแยกอำนาจและการดุลกันได้อย่างแท้จริง
@ ฉะนั้น จึงหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างคุณภาพคนและการสร้างแนวร่วมกับกลุ่มที่มีกำลังที่เป็นจริง การสร้างคุณภาพคน เน้นที่การต้องศึกษาหาความรู้ การใช้สติปัญญาความจริงหาข้อมูลและตัดสินใจ ผ่านการสรุปข่าวสาระจากสื่อต่างๆ และข้อมูลที่กลั่นกรองจากฝ่ายต่างๆ ที่ได้ไปพบปะแลกเปลี่ยนกันมา นำเสนอผ่าน เฟซบุ๊ค ไลน์ อีเมล์ หนังสือพิมพ์วิทยุ และเคเบิลทีวี และการแลกเปลี่ยนกับกลุ่มพลังทุกฝ่าย การกระตุ้น ให้แง่คิดและให้กำลังใจและความมั่นใจแก่ ผู้คนต่างๆ ที่ทั้งพบเองและตั้งใจไปคุยแลกเปลี่ยน
ส่วนตัวเอง ก็ปรับปรุงการทำงาน การจัดการให้สามารถทำงานได้มากขึ้น เช่น การทำงานแบบ “3 in 1” โดยมีต้นแบบคือ คุณเปลื้อง วรรณศรี ที่เขียนอ่านพูดได้พร้อมกันฯ คิดและเลือกสรร “ความคิดใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงได้จริง” โดยเฉพาะจากผู้ที่มีประสบการณ์และตำราฯ
ปรับมุมมองและท่าทีในการแสวงหาความร่วมมือมากขึ้น จากคนคิดเหมือนและคิดต่างที่มีเป้าหมายตรงกัน
แม้มีอุปสรรคความยากลำบากและรู้ว่า “ยากที่สุด” แต่ความฝันคงแน่วแน่เหมือนเดิม เพื่อปวงชน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี