เราคงจะยังจำกันได้ถึงเหตุการณ์การแข่งขันทางด้านอุดมการณ์ระหว่างโลกเสรีที่นำโดย สหรัฐอเมริกา และยุโรป กับโลกคอมมิวนิสต์ที่นำโดย สหภาพโซเวียตและจีน ในโลกยุคสงครามเย็น
ซึ่งในที่สุดแล้ว ฝ่ายโลกเสรีได้มีชัยชนะเหนือโลกคอมมิวนิสต์ ซึ่งล่มสลายไปกับกำแพงเบอร์ลิน และการจบสิ้นของสหภาพโซเวียตคอมมิวนิสต์รัสเซีย
หลังจากนั้นโลกก็ย่างก้าวเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ พร้อมด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ ซึ่งก่อให้เกิดสภาวะการเชื่อมโยงแบบไร้พรมแดนของข้อมูลข่าวสารและการหลั่งไหลหมุนเวียนของผู้คน เงินตรา สินค้าผลิตภัณฑ์และบริการ โดยการเปิดกว้างทางการมีส่วนร่วมและการเป็นเสรีนิยมก็ได้แผ่กระจายไปทั่วโลก
และในช่วงหนึ่งหลังจากนั้น ประชาคมโลกต่างก็คิดและคาดการณ์ไปว่า สังคมเสรีประชาธิปไตยทั้งทางด้านการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ จะเป็นแบบอย่างของวิถีชีวิต แล้วนำพาโลกไปสู่สันติภาพ มีความมั่งคั่ง และความมั่นคงอย่างทั่วถึง
แต่ทว่า การเปิดเสรีดังกล่าว กลับนำไปสู่การกระจุกตัวของอำนาจสังคมการเมืองและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในประเทศที่มีการเมืองการปกครองแบบเสรีประชาธิปไตยแบบตัวแทน ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ และในขณะเดียวกันก็มีอีกหลายประเทศที่มีความหวาดระแวงกับอิทธิพลตะวันตก และแบบอย่างของระบบเสรีประชาธิปไตยก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านและหาแนวทางใหม่บนพื้นฐานของความเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นด้วยเรื่องเผ่าพันธุ์นิยม ชาตินิยม และศาสนานิยม เป็นต้น
ทางเลือกอื่นนั้นคือ การรวบอำนาจไว้กับพรรคเดียวหรือขบวนการเดียว โดยใช้ศาสนา ชาติพันธุ์ เป็นจุดขายและขับเคลื่อน
ในขณะเดียวกัน คอมมิวนิสต์จีนนั้น มิได้ล่มสลายไปตามคอมมิวนิสต์โซเวียตรัสเซีย หากแต่ได้ปรับตัวโดยวิธีการผสมผสานระหว่างระบบพรรคเดียวเผด็จการ พร้อมด้วยการยกเลิกระบบเศรษฐกิจแบบรัฐและพรรคเดียวนำพา มาเป็นระบบเศรษฐกิจการตลาดแบบทุนนิยมและมาบัดนี้จีนได้ประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าระบบการเมืองแบบพรรคคอมมิวนิสต์พรรคเดียวปกครองประเทศ คู่ขนานกับระบบเศรษฐกิจการตลาดแบบทุนนิยมนั้น พัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าได้ แล้วยังจะดีกว่าระบบเปิดของฝ่ายตะวันตกเสียอีก
อีกทั้งจีนมิได้เพียงแค่แสดงความสำเร็จของตนเท่านั้น แต่ได้นำพาเอาความมั่งคั่ง มั่งมี ไปสร้างมิตร พันธกิจ เครือข่าย ขยายอิทธิพลและแข่งขันกับฝ่ายตะวันตก รวมทั้งญี่ปุ่นด้วย ด้วยการให้ความช่วยเหลือและการลงทุนต่างๆ เช่น การพัฒนาเครือข่ายเชื่อมโยงการคมนาคมและระบบขนส่ง (Logistics) โดยจีนได้ริเริ่มจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน(Bank for Infrastructure Investment Cooperation – BIIC) เพื่อมาแข่งขันกับธนาคารโลกและธนาคารเพื่อพัฒนาเอเชีย ซึ่งฝ่ายตะวันตกและญี่ปุ่นเป็นหัวเรือใหญ่อยู่
ซึ่งต่อมาจีนก็ได้ประกาศนโยบายเส้นทางสายไหมร่วมสมัยภายใต้ชื่อ One Belt one Road เพื่อเชื่อมโยงจีนกับเอเชีย-ยุโรป และแอฟริกา ทั้งทางบกและทางน้ำ
จีนโดดเด่น ขณะที่ฝ่ายตะวันตกดูยุ่งเหยิงภายใน และบทบาทในโลกกว้างดูถดถอย เพลี่ยงพล้ำ แต่ก็ยังคงรักษาสังคมเสรีประชาธิปไตยไว้ได้ แต่ว่าความมุ่งมั่นในการส่งเสริมประชาธิปไตยให้กับโลกกว้างดูเบาบาง ฉะนั้นจัดได้ว่า โลกกำลังเห็นการแข่งขันกันของ 2 ระบบคือ ของฝ่ายคอมมิวนิสต์จีน และของฝ่ายตะวันตก หรือระหว่างระบบปิด กับเปิด
อย่างไรก็ตาม สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ซึ่งอยู่กับฝ่ายโลกเสรี หรือฝ่ายตะวันตก และช่วงโลกยุคสงครามเย็นมีรัฐบาลทหารพรรคก๊กมินตั๋ง และระบบเศรษฐกิจเสรีก็ได้ปรับเปลี่ยนแปลงโฉมมาเป็นสังคมประชาธิปไตยตัวแทนแบบหลายพรรคแข่งขันกัน ในช่วงโลกยุคโลกาภิวัตน์ และภายในระยะเวลาแค่ 20 ปี ไต้หวันด้วยระบบเสรีประชาธิปไตยก็ได้กลับกลายมาเป็นประเทศพัฒนาแล้ว และยื่นมือกระชับความสัมพันธ์กับต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยนโยบายมุ่งลงสู่ใต้ (New South Bound Policy)
จัดได้ว่าจีนแผ่นดินใหญ่ และจีนเกาะไต้หวันกำลังแข่งขันกัน ในกรณีจีนไต้หวันก็ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นได้ว่า ระบบเปิดนั้น ก็สามารถพัฒนาประเทศได้อย่างสัมฤทธิผล ปฏิเสธระบบปิดของจีนแผ่นดินใหญ่ และเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพราะอยู่บนพื้นฐานของสิทธิเสรีภาพ ซึ่งก็เป็นข้อคิดให้กับประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย เป็นแบบอย่าง และเป็นกำลังใจให้ด้วย
จีนไต้หวันเปลี่ยนรูปโฉมจากกฎหมายทหารพรรคเดียวอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ประเทศกำลังพัฒนาจักพึงได้ศึกษา ปรับใช้ และในขณะเดียวกันก็เชื่อแน่ว่า นโยบายลงใต้ (New South Bound Policy) นั้น จะมีทั้งเรื่อง ปากท้อง และเรื่องภูมิปัญญาของการเป็นเสรีประชาธิปไตย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี