นอกเหนือจากการรวมตัวของประชาชน เพื่อขอคำอธิบายและขอให้แสดงความรับผิดชอบ กรณีการจัดการเรื่อง “วางดอกไม้จันทน์” เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่พบว่าข้าราชการมีสิทธิพิเศษ จนทำให้ประชาชนจำนวนมาก ไม่ได้วางดอกไม้จันทน์ จนถึงขั้นมีการรณรงค์ในเพจ change.org ความว่า
“เรียนผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้จัดงานวางดอกไม้จันทน์ ณ พระเมรุมาศจำลอง ที่ศาลากลางจังหวัด อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ประชาชนชาวชลบุรี ได้ไปรอต่อแถวเพื่อร่วมงาน ตั้งแต่ 7 โมงเช้าบ้าง 6 โมงเช้าบ้าง มารอก่อนเวลาพิธีเริ่ม พิธีเริ่ม 09.00 น. เพื่อจะได้ไปวางดอกไม้จันทน์ แต่ท่านผู้ว่าฯ นั้น ได้มาร่วมพิธีล่าช้ากว่ากำหนดการ ท่านเป็นถึงผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ท่านกลับมาสายทำให้ประชาชนต้องยืนรอตากแดดเป็นเวลานานกว่า 6 ชม. บางคนอาจถึง 10 ชม. เท่านั้นยังไม่พอ ท่านยังให้ข้าราชการชุดขาวนั้น นั่งรอในเต็นท์เพื่อกันบังแดดที่ร้อนในตอนสาย แต่กลับปล่อยให้ประชาชนนั้นยืนรอตากแดดที่ไม่มีอะไรบังแดดเลย ท่านบอกว่าห้ามประชาชน selfie แต่ทำไมข้าราชการชุดขาวถึง selfie กัน และที่ทำให้ทนไม่ได้ มี 2 กรณีหลักๆ เลยคือ
1.ท่านให้ข้าราชการและแขก VIP ข้าราชการคือข้าของประชาชน วางถวายดอกไม้จันทน์ก่อนประชาชน เท่านั้นยังไม่พอท่านยังให้ข้าราชการชุดขาวที่มาถวายตอนเช้าไม่ทัน ให้มาถวายในตอนบ่ายและแทรกแถวประชาชนที่กำลังถวาย ให้ทุกคนหยุดรอให้พวกท่านมาถวายก่อนเพราะท่านมาสาย มาไม่ทัน
2.การจัดระเบียบแถวพวกคุณบอกว่าเตรียมการประชุมกันมาเป็นเดือนๆ แต่พวกคุณไม่ได้มาสนใจในวันจริงเลย ประชาชนได้เกิดการจลาจลย่อมๆ พวกท่านไม่ทำอะไรเลยเพราะพวกท่านถวายเสร็จพวกท่านก็กลับขึ้นรถกลับบ้านกันหมด
และต่อจากข้อความนี้คือคำถามจากประชาชนจังหวัดชลบุรีที่ถามท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ผมได้รวบรวมคำถามที่ท่านควรจะตอบ 1.ทำไมดอกดาวเรืองถึงเป็นป้ายไวนิล 2.สห ตอนเช้าถึงบ่ายไปไหนหมด 3.จิตอาสาทำไมไม่นัดเวลาให้เหลื่อมกัน นี่นัดมาพร้อมกันหมื่นกว่าคนตั้งแต่เช้า 4.มีการให้สิทธิพิเศษกับบุคคล vip จริงหรือไม่ 5.ท่านจะรับผิดชอบโดยการลาออกไหม”
ยังมีข้อความถามประเด็นปลีกย่อยด้วยว่า ท่านทำสุดความสามารถแล้วใช่ไหม จะรับผิดชอบต่อความรู้สึกของคนชลบุรีอย่างไร ท่านสามารถบอกแนวทางแก้ไขปัญหาที่ข้าราชการเหนือประชาชน
มีอภิสิทธิ์ชนมากกว่าชาวบ้านได้อย่างไร อยากให้งดดูศึกษางานที่ต่างจังหวัด แค่ศึกษางานจาก อำเภอเล็กๆ ก็พอ นาฬิกาข้อมือ สามารถตั้งก่อนเวลา 1 ชม.ได้ไหม ชี้แจง งบประมาณ 20 ล้าน งบ 20 ล้าน ทำได้แค่นี้เหรอ
ซึ่งต่อมา นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวข้นคนเนชั่น ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า ปกติงานพระราชทานเพลิงศพ จะมีไฟพระราชทาน ตามปกติแล้วจะเชิญข้าราชการแต่งชุดขาวก่อน แล้วถึงค่อยมาที่ประชาชน แต่คนอาจจะไม่ได้เยอะ การจัดงานในครั้งนี้มีกำหนดการว่า หลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดถวายดอกไม้จันทน์แล้ว จะเป็นพระสงฆ์ ข้าราชการตามสายสะพาย ต่อจากนั้นจะเป็นประชาชน โดยไม่ได้กำหนดว่าจะแล้วเสร็จภายในเวลาเท่าไหร่ ในวันนั้นข้าราชการวางดอกไม้จันทน์เสร็จประมาณ 11.00 น. ต่อจากนั้นถึงเป็นประชาชน จากนั้นพิธีจะหยุดช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. เพื่อรอการถ่ายทอดสด
เมื่อถามว่า ข้าราชการในจังหวัดชลบุรีมีเยอะจนถึงขนาดใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงเลยหรือ นายภัครธรณ์กล่าวว่า เริ่มจากพระสงฆ์ก่อน และข้าราชการซึ่งมีนับพันคน มีการบันทึกภาพทุกขั้นตอน ตนเป็นข้าราชการ ตนทำตามขั้นตอน ซึ่งทุกจังหวัดก็ทำแบบนี้ แต่เมื่อถามว่า บางจังหวัดให้สลับกับประชาชน เช่น จังหวัดเพชรบุรี นายภัครธรณ์ ระบุว่า ไม่แน่ใจ แต่จังหวัดชลบุรีทำแบบนี้ตามกำหนดการ เป็นการแจ้งจากส่วนกลาง
เมื่อถามว่า หลังเวลา 11.00 น. จะมีข้าราชการวางดอกไม้จันทน์อีกหรือไม่ นายภัครธรณ์กล่าวว่า มีเช่นกัน ทำพิธีตามกรุงเทพฯ เพราะยังมีข้าราชการที่ยังไม่ได้วางดอกไม้จันทน์ในช่วงเช้า บางคนเป็นอดีตข้าราชการก็เชิญมาด้วย บางคนมาในช่วงเย็นทีเดียว จึงให้เกียรติวางในช่วงเย็นด้วย แต่น้อยกว่าในช่วงเช้า ซึ่งในวันนั้นเริ่มวางดอกไม้จันทน์เวลาประมาณ 19.30 น. ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ตอนกลางคืนได้ปรับจากเมื่อเช้า จากเดิมครั้งละ 4 คน ก่อนจะปรับครั้งละ 8 คน ก่อนที่ในช่วงเย็นเห็นว่ายังเหลือประชาชนอีกจำนวนมาก จึงปรับเป็นครั้งละ 20 คน ซึ่งได้ประกาศว่าประชาชนทุกคนที่มาต้องได้วางดอกไม้จันทน์ทุกคน โดยได้ประชาสัมพันธ์ตลอด ส่วนเรื่องมาสายนั้น ยืนยันว่าตนมาตั้งแต่เวลา 08.00 น. แล้ว ผ่านจุดคัดกรองเหมือนประชาชนทุกคน เริ่มพิธีเวลา 09.00 น. ตนได้พยายามชี้แจงแล้ว
“ผมก็พยายามจะปรับสถานการณ์ การทำงานทุกอย่างเราคำนึงถึงความสมพระเกียรติ แนวทางที่ส่วนกลางให้มา เราพยายามทำความเข้าใจให้ประชาชนได้ทราบ มีพิธีกรทำความเข้าใจทุกอย่าง” นายภัครธรณ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ทำไมจังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดเดียวที่ประชาชนไม่พอใจ ออกมาขับไล่ผู้ว่าฯ นายภัครธรณ์กล่าวว่า ไม่แน่ใจ ตรวจสอบอยู่ว่าประเด็นต่างๆ เกิดจากอะไร ซึ่งตนได้นัดประชาชน และจะชี้แจงได้ทุกเรื่องที่ประชาชนสงสัย ตนได้พูดไปแล้วว่า กราบขออภัยที่ประชาชนที่มาจำนวนมาก ต้องรอและต้องเหนื่อย ตนไม่สบายใจ ตนเป็นข้าราชการอยากให้ประชาชนสะดวกสบายมากที่สุด สามารถดูได้ ภาพถ่ายมีไว้หมด
เมื่อถามว่า หลังจากแถลงแล้วมีประชาชนออกมาขับไล่ แสดงว่าประชาชนไม่พอใจ นายภัครธรณ์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเขาเข้าใจตรงนี้หรือไม่ ตนจะพูดถึงกำหนดการพระราชพิธีต่างๆ แต่หากประชาชนสงสัยอะไรก็มาพูดคุยได้ จะได้เข้าใจตรงกัน ส่วนการชี้แจงวันถัดไปไม่ช้าเกินไปหรือไม่ นายภัครธรณ์กล่าวว่า ตรงนี้ค่อยๆ คุยกัน เพราะไม่ใช่คนชลบุรีทั้งหมด เป็นบางส่วนที่ไม่เข้าใจ แต่ยืนยันว่าคนชลบุรีส่วนใหญ่เข้าใจ มีประชาชนแม้แต่คนเดียวไม่เข้าใจตนพร้อมจะชี้แจง ทำความเข้าใจกันทุกคน
เมื่อถามว่า ภาพที่เห็นประชาชนยืนรอตากแดดนาน 4-5 ชั่วโมง แต่ให้ข้าราชการวางดอกไม้จันทน์คนแล้วคนเล่า นายภัครธรณ์กล่าวว่า ประชาชนที่เข้าไปด้านในจุดคัดกรอง ได้เตรียมที่นั่งไว้ 5,000 ที่นั่ง ส่วนด้านนอกก็เตรียมที่นั่งไว้ 5,000 ที่นั่ง พร้อมจัดซุ้มอาหาร ซุ้มนิทรรศการ แต่เนื่องจากประชาชนมาเป็นจำนวนมาก การจัดระเบียบไม่สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว มีการเบียดเสียด ยอมรับผิดว่าการบริหารจัดการผิดพลาด ไม่สะดวกมากนัก เราเองได้จัดกำลังความเรียบร้อย และพยายามแก้ปัญหาตลอด เมื่อมีคนมากขึ้น ก็ปรับจำนวนวางดอกไม้จันทน์ และดูเรื่องเวลาต่างๆ จนถึงช่วงดึกต้องให้ประชาชนวางดอกไม้จันทน์ครบทุกคน เราคาดการณ์หลายจุด ซึ่งยืนยันว่าประชาชนที่มาได้วางดอกไม้จันทน์ทุกคน
ด้าน พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีประชาชนจังหวัดชลบุรี รวมตัวประท้วงขับไล่ผู้ว่าราชการจังหวัด เนื่องจากเกิดปัญหาความไม่เรียบร้อยในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเข้าร่วมการพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ว่า ขณะนี้ได้ตรวจสอบในขั้นต้น ชาวบ้านค่อนข้างไม่พอใจใน 3 ประเด็น แต่ยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น คือ
1.จังหวัดได้รับจัดสรรงบประมาณ 20 ล้านบาท ในการดำเนินการ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้จัดสรรงบประมาณลักษณะนี้ ให้เฉพาะในส่วนการก่อสร้างพระเมรุมาศจำลองและพระจิตกาธาน ไม่แน่ใจว่าเกิดความเข้าใจผิดกันหรือไม่
2.เรื่องผู้ว่าราชการจังหวัดมาสายพบว่าความจริงท่านมาแต่เช้า
3.การจัดแถวไม่เหมาะสม เรื่องนี้ไม่ขอวิจารณ์ เพราะประเด็นสำคัญของพระราชพิธีไม่ควรนำมาสร้างเป็นความขัดแย้ง และคนมามากเกินกว่าสถานที่ที่จัดไว้ทุกแห่ง ในพื้นที่ต่างจังหวัดต้องปรับแผนหลายส่วน บางจังหวัดปรับแผนจากพื้นที่ถวายดอกไม้จันทน์ทีละ 9 ช่องเป็น 59 ช่องยังมี ที่สุดแล้วมีปัญหาข้อขัดข้องแน่นอนในการแก้ปัญหาเรื่องประชาชนเดินทางมามาก พบว่ามีปัญหาเรื่องนี้บ้าง ขอให้ทุกคนเข้าใจ แต่การจะสร้างเป็นประเด็นความขัดแย้งต้องพิจารณาให้ดี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงใน 3 ประเด็นดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวรู้เท่านี้ ต้องรอให้มีการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกระแสข่าวข้าราชการแซงคิวประชาชน ขออย่ายกเรื่องนี้มาเป็นประเด็นของความขัดแย้งจะดีกว่า ทุกจังหวัดได้เตรียมการในรูปแบบคณะกรรมการ ไม่ได้เกิดจากคนใดคนหนึ่งสั่งการแน่นอน คงไม่มีใครทำ จะให้ใครมาสั่งการเป็นเจ้าของงานคงไม่มี ดังนั้น จะมีขั้นตอนตามเวลาว่าเริ่มกี่โมง ถวายดอกไม้จันทน์อย่างไร แต่งกายอย่างไร ใครจะเป็นผู้เริ่มถวายดอกไม้จันทน์ก่อน ทั้งหมดเป็นไปตามมติคณะกรรมการแต่ละพื้นที่ ดังนั้น อย่าเอาเรื่องนี้ไปเป็นประเด็น ขอให้จบที่ความสวยงามของคนทั้งชาติในการถวายความจงรักภักดีก็ดีอยู่แล้ว
nn สรุป : เราจะมองเรื่องนี้อย่างไรดี
จากข้อเท็จจริง 3 ส่วนที่ผมนำมาเรียงกันข้างต้น จะเห็นได้ว่า เรื่อง “ข้อเท็จจริง” ที่เข้าใจคลาดเคลื่อนกันไป เช่น ผู้ว่าฯ มาสาย ก็หักล้างกันได้เรียบร้อยแล้ว เรื่องงบประมาณ ฯลฯ ผมคิดว่าไม่มีปัญหาในการอธิบาย มันก็ติดอยู่เรื่องเดียว คือเรื่องของ “ความรู้สึก”
1) ความรู้สึกว่า ผู้ว่าฯ ไม่มีความสามารถพอในการบริหารจัดการสถานการณ์ ข้อนี้ท่านและผู้บังคับบัญชาจะทำอย่างไร
2) ที่รุนแรงกว่าคือ ความรู้สึกว่า “รัฐข้าราชการ” เป็นใหญ่กว่าประชาชนนั้น จะมองเป็นเรื่องเล็กน้อยแบบ พล.อ.อนุพงษ์ ผมก็ไม่เห็นด้วย ข้าราชการที่มาช่วงบ่าย ไม่ควรได้สิทธิแทรกคิวประชาชน
3) การอ้างธรรมเนียมงานพระราชทานเพลิงศพ มาใช้กับงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ผมว่าไม่น่าจะใช่ เพราะงานพระราชทานเพลิงศพ เป็นงานที่ประชาชนอยากแสดงความจงรักภักดี และไม่มีโอกาสให้ทำได้อีก เมื่อเขามาด้วยความตั้งใจยิ่งยวด กลับเป็นแค่ “พลเมืองชั้นสอง” ยึดติดกับ “พิธีการ” ที่เอาสายสะพาย ชุดขาว และผ้าเหลืองเป็นใหญ่แบบนี้ ย่อมยากที่ประชาชนจะยอมรับ
4) เรื่องนี้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความรู้สึกของประชาชนยัง “คาใจ” สิ่งที่ยากกว่าคือ วันนี้และวันข้างหน้า ผู้ว่าฯ คนนี้จะอยู่ในพื้นที่ชลบุรีอย่างไร ท่ามกลางการ “รับไม่ได้” ของประชาชน
คงจะต้องมี “คนกลาง” เข้าไปไต่สวนข้อเท็จจริง เอาคำตอบไปให้แก่ประชาชน และจบเรื่องนี้ลงไม่ให้ลุกลามบานปลายให้ได้ เพราะอันที่จริง เรื่องนี้ทุกที่ก็มีปัญหาในแบบของตนกันทั้งนั้น อยู่ที่แก้ปัญหากันอย่างไร และประชาชน “ยอมปล่อยผ่าน” ไปหรือไม่
ลำพัง “คู่ขัดแย้ง” ถามกัน ตอบกัน ผมว่ามันไม่มีวันจบ หาคนกลางเข้าไประงับเหตุการณ์นี้ไม่ให้บานปลาย และไม่ให้กลายเป็นเรื่องลุกลามมากกว่านี้จะดีกว่า!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี