หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลธนาธิปไตยที่นำโดย พรรคเพื่อไทยมาเป็นเวลา 3 ปีกว่า และมีแผนที่จะคืนอำนาจอธิปไตย(ไม่เต็มใบ) ในระยะเวลาอีกไม่นานก็ตาม
แต่ถ้านึกถึงอดีต ก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะทำการปฏิวัติ สังคมไทยกำลังเข้าสู่กลียุค คือ คนกลุ่มใหญ่สองกลุ่มกำลังเดินเข้าสู่การแตกหัก ทำให้กองทัพบก ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ต้องออกมาทำการปฏิวัติ บัดนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เห็นว่าเป็นเวลาอันสมควรแล้วที่จะคืนอำนาจให้ประชาชน แม้ว่าโดยรัฐธรรมนูญอำนาจดังกล่าว อาจยังไม่คืนให้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม
แต่สิ่งที่น่ากังวลของนักรัฐศาสตร์ที่ว่า เวลาที่ผ่านมา 3 ปีกว่านี้ สังคมไทย (คนไทย) ส่วนใหญ่ได้พัฒนาตัวเอง (โดยเฉพาะนักการเมือง) ให้รับกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยแล้วหรือยัง
เพราะถ้าศึกษาจากประวัติศาสตร์สังคมไทยนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 เป็นต้นมา ถ้ายอมรับกันว่า
ณ วันนั้นสังคมไทยได้พัฒนาจากสังคมอมาตยาธิปไตยเป็นสังคมประชาธิปไตยแล้วหรือยัง ถ้าเป็น ทำไมในระหว่าง พ.ศ.2475 ถึง พ.ศ. 2557 จึงมีการปฏิวัติรัฐประหารเป็นระยะๆ หรือในระยะเวลากว่า 85 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรัฐบาลที่เรียกว่า ประชาธิปไตย มีเวลาบริหารประเทศรวมกันน้อยกว่ารัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหารเสียอีก และมีหลายครั้งการปฏิวัติมิได้เกิดจากคณะปฏิวัติ แต่เกิดจากปัญหาของรัฐบาลในขณะนั้นเองเป็นสาเหตุสำคัญ
ทั้งนี้ เพราะสังคมไทยไม่พร้อมที่จะรับพฤติกรรมการเป็นสังคมประชาธิปไตยจึงเกิดสังคมคณาธิปไตย ธนาธิปไตย ได้แก่ การขายสิทธิ
ขายเสียงของประชาชนเอง ซึ่งนำไปสู่การคอร์รัปชั่นของนักการเมือง ข้าราชการประจำ เช่น การขายเสียงของสมาชิกรัฐสภา แม้แต่ในห้องน้ำของรัฐสภา ขายเสียงในการลงมติกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่ง หรือการซื้อขายตัวสมาชิกสภาฯ รวมทั้งการขายพรรคการเมืองในระยะหลัง
จากการซื้อสิทธิขายเสียง ขายตัวของสมาชิกสภา ของพรรคการเมืองเหล่านี้ ก่อให้เกิดการคอร์รัปชั่น เปรียบเสมือนการลงทุนต้องมีกำไร (มากๆ) ผลที่สุดผู้รับกรรมคือประเทศชาติหรือประชาชนนั่นเอง
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น กติกาหรือกฎหมายไม่สามารถแก้ปัญหาได้เพราะในหลักการประชาธิปไตยนั้น มีอยู่ว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน
อย่างไรก็ดี การที่รัฐบาลจากการรัฐประหารหลังจากปกครองประเทศมากว่า 3 ปี วางรากฐานการปกครองโดยสร้างกติกา คือ รัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริงและยั่งยืน จึงหวังว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นองค์อธิปัตย์คงได้ศึกษาบทเรียนแห่งความล้มเหลวในอดีต โดยมีแผนสร้างการปกครองตามประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับสังคมไทย ดังเช่นที่นายลี กวน ยู อดีตผู้นำของประเทศสิงคโปร์ได้พัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้แก่ประเทศสิงคโปร์เป็นผลสำเร็จมาแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี