ถึงแม้ว่างานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ทว่าพสกนิกรไทยผู้อยู่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทของพระองค์ ก็ยังคงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ท่านอย่างมิรู้คลาย
จนถึงทุกวันนี้ น้ำตาแห่งความคิดถึงและความจงรักภักดีของคนไทยที่มีต่อในหลวง รัชกาลที่ 9 อย่างสุดที่จะหาที่เปรียบประมาณ ก็ยังคงไหลรินอาบนองใบหน้าอยู่ทุกคราเมื่อหวนระลึกถึงพระองค์
ผู้เขียนได้ย้อนกลับไปอ่านหนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชื่อ เจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์ แม้จะอ่านมาแล้วหลายครั้ง แต่ต้องยอมรับว่าการอ่านครั้งล่าสุด หลังจากงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ยิ่งทำให้ผู้เขียนคิดถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 มากจนสุดจะบรรยาย และผู้เขียนมั่นใจว่า หากคุณผู้อ่านบทความนี้ได้อ่านหนังสือพระราชนิพนธ์ดังกล่าวแล้ว คุณก็จะมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน เพราะทั้งเนื้อหาในบทพระราชนิพนธ์ และพระบรมฉายาลักษณ์ และพระฉายาลักษณ์ที่ประกอบในบทพระราชนิพนธ์ ล้วนทำให้ผู้อ่านคิดถึงพระองค์ท่านอย่างไม่มีวันจบสิ้น
....แต่ในไม่ช้า ก็มีเหตุการณ์สำคัญในครอบครัวของเรา คือการเกิดของลูกคนที่สาม ข้าพเจ้าเคยเขียน ดังที่หลายคนได้เขียนไว้ ว่าพระโอรสองค์ที่สองของทูลหม่อมฯ ประสูติวันจันทร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๗๐ เวลา ๐๘.๔๕ น. ที่โรงพยาบาลเมานท์ออเบอร์น (Mount Auburn) ในเคมบริดจ์ แต่เมื่อเร็วๆ นี้ (กรกฎาคม ๒๕๓๐) เมื่อข้าพเจ้าเอ่ยชื่อนี้ต่อหน้าแม่ ท่านรับสั่งว่า “โรงพยาบาลนี้คงเปลี่ยนชื่อ แม่มีความรู้สึกว่าแต่ก่อนนี้ชื่อว่า โรงพยาบาลเคมบริดจ์ (Cambridge Hospital)” ด้วยเหตุว่าท่านมีความจำที่แม่นมาก ข้าพเจ้าจึงคิดว่าท่านคงไม่ผิดและได้ค้นคว้าต่อไป จริงของท่าน ข้าพเจ้าได้พบสำเนาสูติบัตรที่แสดงว่า “ภูมิพลอดุลเดช สงขลา (Bhumibal Aduldej Songkha)”
เอกสารอีกฉบับหนึ่งบอกว่าโรงพยาบาลนี้ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น เมานท์ออเบอร์นในปี พ.ศ. ๒๔๙๐
หลังจากที่พระโอรสประสูติได้ไม่ถึง ๓ ชั่วโมง ทูลหม่อมฯ ทรงรีบโทรเลขถวายสมเด็จพระพันวัสสาฯ ว่า “ลูกชายเกิดเช้าวันนี้ สบายดีทั้งสอง ขอพระราชทานนามทางโทรเลขด้วย”
สมเด็จพระพันวัสสาฯ เสด็จเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงมีลายพระหัตถ์ ลงวันที่ ๑๔ ธันวาคม ถึงหม่อมเจ้าดำรัศฯ ซึ่งได้ย้ายกลับมากรุงเทพฯ แล้ว โทรเลขภาษาอังกฤษที่หม่อมเจ้าดำรัศฯ ทรงส่งไปคือ “Your son’s name is Bhumibala Aduladaja” แม่บอกว่าเมื่อได้รับโทรเลขฉบับนี้แล้ว ไม่ทราบว่าลูกชื่ออะไรแน่ในภาษาไทย คิดว่าชื่อ “ภูมิบาล” จึงได้สะกดภาษาอังกฤษในสูติบัตรว่า “Bhumibal”
จะสังเกตได้ว่า คำว่า “อดุลเดช” นั้นสะกดไม่เหมือนกับในสมัยปัจจุบัน ซึ่งเขียน “อดุลยเดช” อันที่จริงพระนามของทูลหม่อมฯ เริ่มเขียน “อดุลเดช” แต่ต่อมาได้มีการเขียนทั้ง ๒ แบบ กลับไปกลับมา และในที่สุดในสมัยนี้ นิยมใช้แบบที่ ๒ …..
เมื่อผู้เขียนได้อ่านบทพระราชนิพนธ์เล่มนี้ ความคิดถึง และความอาลัยรักต่อในหลวง รัชกาลที่ 9 ก็ยิ่งทวีมากขึ้น ผู้เขียนใคร่เชิญชวนให้คุณๆ ได้อ่านบทพระราชนิพนธ์นี้ด้วย เพราะมั่นใจว่า คุณทุกคนก็คิดถึงในหลวง รัชกาลที่ 9 เช่นกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี