คนไทยโชคดีที่มี “พ่อของแผ่นดิน” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สาเหตุที่คนไทยโชคดีก็เพราะ “พ่อของแผ่นดิน” ทรงมีพระราชปรารถนาให้พสกนิกรทุกคนของพระองค์มีความสุข ความเจริญ แต่ทว่าพระองค์มิได้ทรงมีเพียงแต่พระราชปรารถนาเท่านั้น แต่พระองค์ท่านยังทรงอุทิศพระวรกายตลอดเวลาเพื่อยังความสุขความเจริญให้บังเกิดกับพสกนิกรโดยแท้จริง และพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่ทรงกระทำเพื่อปวงพสกนิกรนั้น ก็เป็นที่ประจักษ์แจ้งอยู่ในใจของคนไทยทุกคนเสมอมา และตลอดไป
“พ่อของแผ่นดิน” พระราชทานพระราชดำรัสแก่ลูกไทยทุกคน เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2528 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2527 ความว่า …วิถีชีวิตมนุษย์นั้นจะให้มีแต่ความปรกติสุขอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมีทุกข์ มีภัย มีอุปสรรคผ่านเข้ามาเสมอ ยากที่จะหลีกเลี่ยงพ้น ข้อสำคัญอยู่ที่ทุกๆ คนจะต้องเตรียมกาย เตรียมใจ และเตรียมการไว้ให้พร้อมทุกเวลา เพื่อเผชิญและแก้ไขความไม่ปรกติเดือดร้อนทั้งนั้นด้วยความไม่ประมาท ด้วยเหตุผล ด้วยหลักวิชา และด้วยสามัคคีธรรม จึงจะผ่อนหนักให้เป็นเบา และกลับร้ายให้กลายเป็นดีได้…
พระราชดำรัสองค์นี้มีความทันสมัย ทันกาล และเข้ากับยุคสมัยได้ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อลูกไทยยึดมั่นในพระราชดำรัสองค์นี้ ก็จะไม่เกิดอาการตีโพยตีพาย หรือท้อแท้สิ้นหวัง ในยามเมื่อยามชีวิตต้องประสบกับปัญหาและทุกข์ภัยต่างๆ แล้วชีวิตก็จะสามารถผ่านพ้นทุกข์ภัยเหล่านั้นไปได้ด้วยความมีสติ และการเตรียมตัวพร้อมทุกขณะ
“พ่อ” พระองค์นี้ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท พระราชดำรัส ไว้ให้กับพสกนิกรไทยมากมาย โดยประมวลไว้ในหนังสือชื่อ “คำพ่อสอน”
คำสอนของ “พ่อ” นั้นได้ถูกประมวลไว้เป็นหมวดหมู่ต่างๆ ดังนี้ หนึ่ง หมวดเกี่ยวกับความสุขในการดำเนินชีวิต (จัดพิมพ์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี) สอง หมวดเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง (จัดพิมพ์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2550) และสาม หมวดเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน (จัดพิมพ์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสจัดงานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 5 ธันวาคม 2542)
หนังสือ “คำพ่อสอน” ทั้งสามเล่มนี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จัดทำขึ้นโดยมูลนิธิพระดาบส มีจำหน่ายที่ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ราคาเล่มละ 99 บาท (ยกเว้นหนังสือ คำพ่อสอน ที่ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ราคาเล่มละ 109 บาท) หนังสือแต่ละเล่มมีความหนาโดยเฉลี่ย 240 หน้า รายได้จากการจำหน่ายโดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิพระดาบส
หลายคนอาจจะสงสัยว่ามูลนิธิพระดาบสคืออะไร ผู้เขียนขออนุญาตสรุปให้ฟังดังนี้
มูลนิธิพระดาบสเป็นโครงการในพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เมื่อปี 2519 มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา ขาดแคลนทุนทรัพย์ ไม่มีอาชีพ และไม่มีความรู้พื้นฐานพอเพียงที่จะเข้าศึกษาต่อในสถาบันที่สอนด้านวิชาชีพ แต่คนเหล่านี้มีความตั้งใจจริงที่จะใฝ่หาความรู้ และได้รับโอกาสฝึกวิชาชีพควบคู่ไปกับการฝึกอบรมด้านคุณธรรมและศีลธรรม เพื่อให้สามารถประกอบสัมมาอาชีวะ เพื่อสร้างตนเอง ช่วยเหลือครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานพระราชทรัพย์เป็นทุนประเดิม แล้วรับศิษย์รุ่นแรก ซึ่งเป็นผู้ไม่มีความรู้พื้นฐานใดๆ จำนวน 6 คน โดยทรงให้เข้าพักอาศัยและศึกษาวิชาช่างไฟฟ้า และช่างวิทยุ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ณ อาคารไม้สองหลังของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เลขที่ 384-386 ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ การฝึกอบรมได้ผลดี สามารถซ่อมวิทยุได้ในเวลา 9 เดือน ต่อมาจึงเปิดการสอนเพิ่มเติมในวิชาเครื่องยนต์และเตรียมช่าง ภายในระยะเวลา 5 ปีแรก (2519-2524) มีผู้สำเร็จการฝึกอบรม 60 คน
ต่อมาโครงการพระดาบสได้จดทะเบียนเป็นโรงเรียนพระดาบส เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2532 และจัดตั้งมูลนิธิพระดาบส เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2533 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานพระราชทรัพย์เป็นทุนประเดิม 5 ล้านบาท จัดตั้งกองทุนโรงเรียนพระดาบส
โรงเรียนพระดาบสมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เปิดการสอนเพิ่มเติมในสาขาวิชาชีพอื่นๆ เช่น ช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างซ่อมบำรุง การเกษตรพอเพียง ช่างไม้เครื่องเรือน ช่างเชื่อม และวิชาชีพเคหบริบาล จนถึงปัจจุบันมีผู้สำเร็จการฝึกอบรมแล้วหลายพันคน
ที่มาของชื่อ พระดาบส โรงเรียนพระดาบสเป็นลักษณะกุศลสงเคราะห์ตามสภาพอย่างโบราณกาลที่เหล่ามาณพผู้มีความเพียรและตั้งใจใฝ่รู้ ซึ่งดั้นด้นเข้าไปในป่าเขา เพื่อแสวงหาพระดาบส หรือพระฤาษี แล้วฝากตัวเป็นศิษย์ ปรนนิบัติท่านจนได้รับความเมตตาถ่ายทอดศิลปวิทยาให้โดยไม่ปิดบังและไม่หวังผลประโยชน์ใดๆ ตอบแทน เปรียบเทียบโรงเรียนพระดาบสเสมือนป่าสงเคราะห์ที่มีพระดาบสอาสา คือผู้ทรงคุณวุฒิที่มีกุศลเจตนาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับศิษย์ที่ขยันหมั่นเพียร ตั้งใจใฝ่รู้ และเคารพเชื่อฟังครู ประพฤติดี ดูแลโรงเรียนและที่พักอาศัยเป็นอย่างดี แล้วอบรมสั่งสอนจนศิษย์มีความรู้และทักษะในการประกอบสัมมาชีพ เป็นคนดีของสังคม
...ที่เลือกเอาคำพระดาบสนี้ เพราะเห็นว่าสภาพอย่างโบราณที่ว่าไว้ตอนต้น แต่ยังมีว่า เพราะคำพระดาบสหรือพระฤาษีก็เป็นคนที่ควรบูชา ควรยกย่องและนับถือ ฉะนั้นก็เป็นกิจการที่เป็นไปในทางมงคล ไปในทางที่สูง ในทางที่เจริญ ทุกคนที่ได้สนใจในกิจการนี้ ก็ขอให้ช่วยกันคิด ช่วยให้ครบถ้วนทั้งกำลังทรัพย์ ทั้งกำลังใจ ทั้งความประพฤติที่เหมาะสมที่ดี จะทำให้โครงการพระดาบสมีผลสำเร็จเต็มเปี่ยม ทำให้ส่วนรวมของสังคม ซึ่งในปัจจุบันเป็นป่าคอนกรีต ให้ป่านี้ร่มเย็น เพราะเวลาพูดถึงป่าคอนกรีตโดยมากก็เป็นสิ่งที่น่ากลัว เหมือนป่าทึบและพร้อมกับเป็นเหมือนทะเลทราย และถ้าป่าคอนกรีตนี้มีบุคคลที่มีจิตใจที่ดี ก็จะร่มเย็นและอยู่ได้แบบของเรา แบบไทยๆ ของเรา จะทำให้บ้านเมืองมีความเจริญ มีความผาสุก มีความสุข…(พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่คุณหญิงวัลลีย์ พงษ์พานิช ประธานกรรมการหาทุนโครงการพระดาบส และคณะ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต วันที่ 15 ธันวาคม 2524)
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้จาก “พ่อ” พระองค์นี้ ที่ได้พระราชทานสิ่งดีงามทุกสิ่งอย่างให้แก่พสกนิกรของพระองค์ และด้วยเพราะความรักจาก “พ่อ” ที่พระราชทานแก่ลูกไทยทุกคน จึงทำลูกๆ ไทยทุกคนจงรักภักดีและเทิดทูน “พ่อ” ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมตลอดกาลชั่วนิจนิรันดร์
ดังนั้น เมื่อไรก็ตามที่มีการกล่าวขานถึงเรื่องราวของ “พ่อ” ก็จึงทำให้ลูกไทยสนใจและเฝ้าคอยติดตามเรื่องของ “พ่อ” อยู่เสมอ
และในโอกาสนี้ ผู้เขียนใคร่ขอเชิญชวนคุณผู้อ่านได้ชมนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของ “พ่อ” ณ ห้องนิทรรศการ ชั้น 9 หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ ซึ่งคุณๆ จะได้ชมภาพจำนวน 200 ภาพ โดยแบ่งการนำเสนอเป็น 3 ช่วงในรัชกาลที่ 9 คือช่วงต้นรัชกาล ที่เป็นภาพขาว-ดำของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และราชโอรส พระราชธิดา ตั้งแต่วันพระราชสมภพ และพระบรมวงศานุวงศ์ ช่วงกลางรัชกาล จัดแสดงภาพทรงงาน ณ สถานที่และโครงการต่างๆ เช่น ด้านการเกษตร ชลประทาน การพัฒนาท้องถิ่น และช่วงปลายรัชกาล แสดงภาพคราวเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ วังไกลกังวล และภาพทิวทัศน์ รวมถึงภาพสุนัขทรงเลี้ยง นิทรรศการนี้จัดแสดงถึงวันที่ 7 มกราคม 2561
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี