l ชาวโลกที่เคารพนับถือ “พระเจ้า” เขาจะมีศรัทธามาก เคารพรัก เชื่อมั่น และทำทุกอย่างได้เพื่อพระเจ้าของเขา ไม่ว่า ชาวคริสต์ อิสลาม ชาวยิว ฯลฯ แม้ว่า เขาไม่เคยแลเห็นตัวตนพระเจ้าที่เป็นพระบิดา แต่เขาเคารพรักอย่างสูง เพราะความเชื่อในพระเจ้า แต่เขายังได้พบสัมผัสกับพระเจ้าของเขา ในนาม “พระบุตร” พระเยซู พระโมฮัมหมัด ฯลฯ
พระเจ้าของเขา สอนให้เขาเป็นคนดีและรักผู้อื่น ให้เป็นผู้ให้ ผู้เสียสละฯลฯ ให้ได้ทุกอย่างแม้ชีวิต แต่คนในรุ่นปัจจุบัน ไม่มีใครได้เห็น แต่เชื่อเพราะได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ หรือพระคัมภีร์ ฯลฯ
l ชาวพุทธ : นับถือพระพุทธเจ้า มิใช่ในฐานะ “พระเจ้า” แต่ในฐานะมนุษย์ที่มีเชื้อสายกษัตริย์ แต่ทรงต้องการหาความจริงของชีวิต ซึ่งไม่สามารถค้นพบได้ ในฐานะพระมหากษัตริย์ที่มีอำนาจความพร้อม จึงสละราชสมบัติ แสวงหาทางหลุดพ้นฯ จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า
แต่ชาวพุทธทั่วโลก ก็ไม่ได้มีโอกาสเห็นและสัมผัสชีวิตเป็นๆของพระศาสดาได้ในชีวิตปัจจุบัน ได้ศึกษาเข้าใจจากพระไตรปิฎก และตำราต่างๆ เกี่ยวกับพุทธศาสนา และพระสงฆ์องค์เจ้าผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบฯ
l นักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพความเสมอภาคเป็นธรรม ต่างเชิดชูยกย่องรัฐบุรุษผู้นำการต่อสู้เพื่อได้มาซึ่งสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่า จะเป็นผู้นำในโลกสังคมนิยม : มาร์กซ์, เลนิน, เหมา เจ๋อ ตุง, เช กูวาร่า, โฮจิมินห์ หรือพรรคคอมมิวนิสต์ ในโลกเสรีนิยม : จอร์จ วอชิงตัน, อับราฮัม ลินคอล์น, คานธี ฯลฯ
l นักต่อสู้ไทยเพื่อผดุงไว้ซึ่งสิทธิเสรีภาพความเสมอภาคเป็นธรรม ต่างก็เชิดชูผู้นำที่ตนรักเคารพและเชื่อถือ เช่น คณะราษฎร์และอ.ปรีดี พนมยงค์ แต่อีกส่วนหนึ่งไปยกย่องผู้นำของต่างประเทศ ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
l แต่สำหรับปวงชนชาวไทยในยุคปัจจุบัน ในช่วง 70 ปี ไล่ขึ้นมา ได้มีโอกาสดีกว่าที่ได้เห็นได้สัมผัสในชีวิตจริง เพราะมีบุคคลคนเดียวกันในหัวใจ เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย แต่พระองค์มีมากไปกว่านั้น โดยมิใช่ทรงคิดหรือพูดเอง
แต่เป็นฉันทามติของคนไทยทั้งชาติ เพราะเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์ ที่ทรงติดดินทำงานหนักตลอดชีวิตเพื่อประชาชน
1.ทรงเป็นพระราชาในนิทาน : ในความรู้สึกของเด็กนักเรียน (ผลิตโดย : เสถียรธรรมสถาน)
@ เขาบอกพระราชา ที่อยู่ในนิทาน จะใส่มงกุฎอันแสนสวยงาม
แต่ว่าราชาของฉัน เวลาออกไปทำงาน มีเพียงหมวกเล็กๆ แค่หนึ่งใบ
เขาบอกพระราชา มีแต่คนรับใช้ จะไปไหนก็แสนจะสุขสบาย
แต่ว่าราชาของฉัน ทรงเหนื่อยล้ามามากมาย ลำบากเพื่อเราคนไทยทุกๆ คน
@ เขาบอกพระราชา นั่งอยู่บนบังลังก์ ใส่เสื้อคลุมหนัง บนยอดปราสาทเสียดฟ้า
แต่ว่าราชาของฉัน ทรงเดินอยู่บนผืนหญ้า เก้าอี้ของพระราชาคือพื้นดิน
เขาบอกพระราชา มาจากบนสวรรค์ ได้ฟังอย่างงั้น ฉันรู้มันคือความจริง
เพราะว่าราชาของฉัน คือเทวดาเดินดิน ไม่เหมือนที่เคยได้ยินจากนิทาน
@ ท่านสอนให้เราพอเพียง พากเพียรทำแค่ความดี ทรงสอนมาเจ็ดสิบปีไม่เคยเหนื่อย
แต่แล้วข้อความจากฟ้า บอกว่าถึงเวลา ท่านจะต้องทรงพักผ่อนแล้ว
** ขอส่งเสียงเพลง ดังไปยังสวรรค์ ว่าพวกเรานั้น คิดถึงองค์พระราชา
ลูกจะทำแต่ความดี เหมือนที่พ่อเคยสอนมา เพื่อให้พระราชาหลับสบาย
(พระราชาในนิทาน || เสถียรธรรมสถานwww.teenee.com/music/444.html )
2.พ่อของแผ่นดิน : จากเรียงความของตัวแทนคนไทยทั้งประเทศ
➢ หนูก็เห็นรูปผู้ชายคนหนึ่งเดินนำหน้าไปทั่วทุกถิ่นในประเทศ แล้วมีผู้คนเดินตามหลังท่านมากมายไปหมด ชายคนนั้นเป็นใครนะ จนโต
หนูถึงได้รู้ว่า เขาคือผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินเกิดของหนูเอง สำหรับหนูแล้ว ท่านเกิดมาพร้อมบารมีอันศักดิ์สิทธิ์ ท่านเหมือนพระพุทธเจ้า.....
➢ หนูได้แต่คิดตลอดเวลาว่า... ทำไมผู้ชายคนนี้ต้องลำบากตัวเองขนาดนี้ ท่านเดินทางไปทุกที่ ที่ทุรกันดารและสุดแสนจะลำบาก ท่านทรงทำทุกอย่างเพื่อประชาชนทั้งประเทศ
➢ ท่านทรงเก่งมาก สามารถรู้หมดว่าในพื้นที่เมืองไทยว่าตรงไหนเป็นภูมิประเทศลักษณะไหน แอ่งน้ำ ภูเขาท่านทรงเหนื่อยกว่าหนูมากมายนัก และท่านก็เหนื่อยมาตลอดชีวิตของท่านเพื่อประชาชนของท่าน
➢ พ่อบอกพ่อสอนเราหลายอย่าง เว้นอยู่อย่างเดียวที่พ่อไม่เคยบอกก็คือ “ให้เราทุกคนรักพ่อ” แต่เราก็รู้สึกด้วยหัวใจเราเองจากสิ่งที่พ่อทำ
➢ ในหลวงของเราทรงงานหนักมาโดยตลอด สิ่งที่พ่อทำก็เพื่อความสุขของประชาชนชาวไทย พ่อหลวงเข้าถึงประชาชนทุกหมู่เหล่า ทรงห่วงใยและให้ความช่วยเหลือประชาชนในหลายๆ ด้าน
➢ มีเพื่อนคนรัสเซียหลายคนถามฉันว่า ในหลวงคือใคร ทำไมคนไทยถึงรักและเทิดทูนกษัตริย์พระองค์นี้มาก ขนาดเรียกว่า “พ่อ”, ฉันยิ้ม……
➢ “อันที่จริงเราชื่อ “ภูมิพล” ที่แปลว่า “กำลังของแผ่นดิน” แม่ก็อยากให้เธออยู่กับดิน เมื่อฟังคำพูดแล้วกลับมาคิด ซึ่งแม่คงจะสอนเราและมีจุดมุ่งหมายว่าอยากให้ติดดินและอยากให้ทำงานให้แก่ประชาชน”
➢ ในปีที่ครบ 80 พรรษา ของพระองค์ท่านยังต้องทรงงานอยู่ตลอดเวลาทั้งๆ ที่ทรงพระชวรอยู่
l ความศักดิ์สิทธิ์ความยิ่งใหญ่จากพระองค์ที่เป็นพระราชา แต่ทำงานหนักยิ่งกว่าทุกคน และมิได้ทำเพื่อตนเอง แต่ทำเพื่อประชาชนของพระองค์เพราะ ในหลวงรักและใช้ธรรมปกครองแผ่นดินเพื่อความสุขของประชาชน
ประชาชนจึงมีและมอบความรักให้กับพระองค์ท่าน เพราะเป็นความจริง ที่เกิดขึ้นในชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ยังทุกข์
เป็นสิ่งมหัศจรรย์และความเป็นปุถุชนที่สัมผัสได้ตลอด 70 พรรษา ที่ทรงครองราชย์
l ในช่วงนี้ มีหนังสือดีๆ มากมายเกี่ยวกับชีวิตประวัติผลงานโครงการฯ พระราชดำรัส พระบรมราโชวาท ฯลฯ มีคนบอกให้เก็บรวมรวบไว้เป็นที่ระลึกถึงพระองค์ท่าน, ปู่จิ๊บได้บอกกับเพื่อนมิตร ญาติพี่น้องและคนรู้จักว่า “ได้เก็บหัวใจและสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทำมาตลอดชีวิตให้กับประชาชนชาวไทยด้วยการกระทำดี”
และหนังสือเกี่ยวกับพ่อหลวงรัชกาลที่ดีที่สุด คือ “บันทึกของตัวเราในการน้อมนำพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาคิดและปฏิบัติ เริ่มจากวันนี้เลย” แล้วอีกหนึ่งเดือนหนึ่งปี.... มาเปิดดูว่า “เราได้คิดและทำอะไร เกิดผลอะไรบ้าง” หรืออย่างน้อย ก็ทำอย่างที่หนูน้อยคนหนึ่งได้กล่าว
“สุดท้ายนี้ หนูคิดว่าเพื่อเป็นการตอบแทนท่าน หนูไม่ต้องคิดทำโครงการใหญ่โตอลังการหรอกค่ะ แค่หนูเป็นคนดีในสังคม และไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นก็เพียงพอแล้วค่ะ”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี