ถ้าเป็น 40-50 ปีที่แล้ว ก็ดูจะเท่ มากๆหากท้องที่ใด มีโรงไฟฟ้าสักแห่ง ที่พอจะอวดคุยกับเพื่อนฝูงได้ เช่น โรงไฟฟ้าลิกไนต์กระบี่ แม่เมาะ หรือมีเขื่อนที่ผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วย
ผมยังจำได้ดีเมื่อวัยเยาว์ ทางอำเภอใช้เครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ ปล่อยกระแสไฟฟ้าเฉพาะตอนย่ำรุ่ง 2 ชั่วโมง และย่ำค่ำ 3 ชั่วโมง แต่ตอนนี้มีโรงไฟฟ้าผุดขึ้นมาเยอะแยะ ทั้งจากพลังงานลม แสงอาทิตย์ แม้กระทั่งโรงไฟฟ้าขยะ และมีข้อห่วงใยตามมา เพราะบางพื้นที่ถึงขั้นออกมาประท้วงการสร้างโรงไฟฟ้า
ขณะเดียวกันเคยมีข่าวจากผู้คนใน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บอกว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าชีวมวลประสบปัญหาอย่างหนัก จนบางโรงต้องตัดปัญหาด้วยการประกาศขายโรงไฟฟ้า สาเหตุมาจาก วัตถุดิบที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง อาทิ แกลบ เศษไม้ มีราคาสูงขึ้น แต่ละพื้นที่ไม่ได้มีการกำหนดโซนนิ่ง เมื่อมีการอนุมัติให้สร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กมากขึ้น ผู้ประกอบการแย่งวัตถุดิบ จนต้องสั่งซื้อจากพื้นที่อื่นเข้ามา บางรายที่มีวัตถุดิบในมือก็ลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าเอง
ครับ มันเป็นกลไกตลาด!!! ที่นำไปสู่ความสำเร็จหรือความล้มเหลวได้ทั้งนั้น
เมื่อเร็วๆ นี้พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ร่วมประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีพลังงานเอเชีย ครั้งที่ 7 (AMER 7) ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ หลายๆ ประเทศตื่นตัว ซึ่งก็มีหลากหลายแนว แต่สิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สูงสุด คือ “พลังงานหมุนเวียนที่มั่นคง” หมายถึงผลิตได้ 24 ชั่วโมง ไม่ใช่มาวูบๆ วาบๆ ตามธรรมชาติ
ตอนนี้ที่มีให้เห็นก็มีระบบกักเก็บพลังงานมาช่วย เช่นที่ดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ใช้พื้นที่ 2 หมื่นไร่ สร้าง “โรงไฟฟ้าพลังความร้อนแบบรวมแสงอาทิตย์” หรือ Concentrated Solar Power (CSP) ซึ่งแตกต่างกับการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เนื่องจากการผลิตแบบ CSP เป็นการนำความร้อนจากแสงอาทิตย์มาต้มน้ำ สร้างแรงดันไปหมุนกังหันไอน้ำโรงไฟฟ้าพลังความร้อนแทนการใช้เชื้อเพลิง แต่การผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่เปลี่ยนความเข้มของแสงเป็นพลังงานไฟฟ้า
ที่เมืองดูไบยังมีปัจจัยที่แตกต่างจากไทย อาทิ ค่าที่ดินถูก, เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ, ภาษีต่ำมาก, ต้นทุนค่าแรงต่ำ สำคัญแดดแรงกว่าไทย ที่สามารถบงการควบคุมการผลิตกระแสไฟได้
ผมเพิ่งกลับจากต่างจังหวัดมีผู้ประกอบการไปติดต่อกับชาวสวนยางหลายๆ แปลงติดกันเพื่อขอเช่าพื้นที่ 20 ปี-30 ปี เพื่อผลิตไฟฟ้าตัวนี้ แต่ตอนหลังเงียบไปแล้ว
ขณะที่พลังงานหมุนเวียน แบบ SPP Hybrid Firm ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งหมายความว่าเป็นพลังงานทางเลือกเพื่อการผลิตไฟฟ้าตามแผนพัฒนาทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ.2558-2579 ที่ประกอบไปด้วย ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ(น้ำเสีย/ของเสีย)พลังน้ำขนาดเล็ก ก๊าซชีวภาพ(พืชพลังงาน) พลังงานลม พลังงานแสงแดด ก็ยอดฮิตในประเทศไทย
เพราะเมื่อคราวที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กกพ. ประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ประกอบการรายเล็ก โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ข่าวว่ามีผู้ผลิตไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายเล็กป้ายแดง85 โครงการ ปริมาณไฟฟ้าที่เสนอขาย 1,644 เมกะวัตต์ สูงกว่าเป้าหมายที่รัฐต้องการ 5 เท่า เห็นว่า กกพ.จะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกภายในวันที่ 14 ธันวาคมปีนี้
แต่ดูข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมที่เป็นห่วงโรงไฟฟ้าชีวมวล เพราะต้นทุนขยับ ก็อดเป็นห่วงโรงไฟฟ้าขนาดเล็กในรูปแบบอื่น ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงแดด หรือพลังงานลม ซึ่งก็ต้องลุ้นต่อว่าจะดำเนินการได้ตามเป้าหมายหรือไม่
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น จะทำได้ มีประสิทธิภาพจริงได้เท่าใด แนวโน้มพลังงานหมุนเวียน ก็เป็นเรื่องที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
กระนั้นก็ตาม สำหรับประเทศไทย เมื่อดูบริบทของประเทศ และความมั่นคงทางพลังงานเป็นหลัก ซึ่งต้องดูให้รอบคอบ ถ้ามีพลังงานหมุนเวียนแบบใหม่ได้ผลก็เยี่ยมเลย คงต้องมาปรับแผนพีดีพีกันใหม่ แต่ถ้าขณะนี้ยังอยู่ในช่วงศึกษาทดลอง อย่าผลีผลามหรือเร่งรีบจนเกินไป เพราะเป็นของใหม่ที่รอแกะกล่อง ในส่วนพลังงานหลักที่แบ๊กอัพอยู่ยังเป็นเรื่องจำเป็น และต้องเดินหน้าต่อไป เพราะพลังงานที่มั่นคง เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยสู่ 4.0 ได้อย่างสวยงาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี