ต่อภัสสร์ : พ่อครับ ช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ผมได้ยินคำว่าธรรมาภิบาลบ่อยมาก เกือบทุกครั้งจะต้องเป็นการเชื่อมโยงกับการต่อต้านคอร์รัปชัน นี่แสดงว่าการสร้างธรรมาภิบาลกับการต่อต้านคอร์รัปชันคือสิ่งเดียวกันหรือครับ
ต่อตระกูล: ตอบสั้นๆก่อนเลยคือ ไม่ใช่ เพราะธรรมาภิบาลนั้นมีความหมายครอบคลุมกว้างขวางกว่าเพียงการต่อต้านคอร์รััปชันมาก มีครั้งหนึ่งพ่อเคยคุยกับคนต่างชาติที่ทำงานในบริษัทที่ปรึกษาด้านธรรมาภิบาลเขาถามด้วยความงุนงงว่า ทำไมคนไทยชอบพูดเรื่องธรรมาภิบาลกับคอร์รัปชันพร้อมๆ กัน เหมือนกับเป็นเรื่องเดียวกันเลยทีเดียว เพราะในต่างประเทศโดยเฉพาะในยุโรป ธรรมาภิบาล หรือ Good Governance นั้น เป็นเรื่องที่แยกออกมาจากการต่อต้านคอร์รัปชันอย่างชัดเจน และบริษัทของเขาที่ให้คำปรึกษาการพัฒนาธรรมาภิบาลในบริษัทเอกชน ก็แทบจะไม่เคยพูดถึงเรื่องคอร์รัปชันเลย
ต่อภัสสร์: น่าสนใจมากเลยนะครับ ถ้าอย่างนั้นธรรมาภิบาลคืออะไร แล้วอะไรคือเหตุผลให้ธรรมาภิบาลมีความเชื่อมโยงใกล้ชิดกับการต่อต้านคอร์รัปชันอย่างมากในประเทศไทย
ต่อตระกูล:ธรรมาภิบาลมีที่มาจากคำภาษาอังกฤษว่า “Good Governance” ซึ่งตอนแนวคิดนี้เข้ามาในประเทศไทยใหม่ๆมีการบัญญัติศัพท์ไว้อย่างหลากหลาย เช่น ธรรมรัฐ และ สุประศาสนการ แต่คำว่า “ธรรมาภิบาล” ซึ่งมาจากคำว่า “ธรรมะ” กับ “อภิบาล” นั้น ได้รับความนิยมมากที่สุด ในความเห็นทางวิชาการของพ่อแล้วธรรมาภิบาลมีความหมายกว้างมาก นั่นคือ ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างปัจเจกและองค์กรในสังคม โดยไม่จำกัดว่าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐ เอกชน หรือประชาชน
แนวทางสร้างความสัมพันธ์ที่ดีนี้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งเป็นองค์กรหลักที่รับผิดชอบการบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐ ได้เสนอหลัก 6 ประการ ของหน่วยงานที่มีธรรมาภิบาล ได้แก่ 1.หลักคุณธรรม 2.หลักนิติธรรม 3.หลักความโปร่งใส 4.หลักความมีส่วนร่วม 5.หลักความรับผิดชอบ 6.หลักความคุ้มค่า
ธรรมาภิบาลสำหรับภาคเอกชนก็เช่นเดียวกัน คือการทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีในสังคมทั้งภายในองค์กรและระหว่างองค์กรในประเทศไทยองค์กรที่เป็นผู้นำเรื่องนี้คือ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ที่มีโครงการอย่าง แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) ที่กำหนดเกณฑ์ธรรมาภิบาลสำหรับบริษัทเอกชนไว้อย่างชัดเจนและเหมาะสม ขนาดที่บริษัทหลักทรัพย์
ขนาดใหญ่ 11 บริษัท ที่รวมตัวกันก่อตั้งกองทุนธรรมาภิบาลไทย กำหนดให้กองทุนนี้ลงทุนเฉพาะในบริษัทที่ผ่านการรับรองโดยหลักเกณฑ์ CAC แล้วเท่านั้น
เมื่อปัจเจกและองค์กรในสังคมยึดและปฏิบัติตามหลักและเกณฑ์ธรรมาภิบาลเหล่านี้แล้ว ก็จะเกิดระบบที่ทำให้การเอารัดเอาเปรียบกันรวมถึงการทุจริตคอร์รัปชันเกิดได้ยากขึ้น ทำให้หน่วยต่างๆ ในสังคมมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สังคมสามารถดำเนินไปได้ด้วยความราบรื่นภายใต้ความหลากหลายในด้านต่างๆ
ต่อภัสสร์: ฟังแล้วเห็นได้ชัดเลยว่าธรรมาภิบาลเป็นเรื่องที่กว้างขวางกว่าเพียงแค่การต่อต้านคอร์รัปชันมาก และการที่องค์กรมีธรรมาภิบาลก็จะเป็นประโยชน์กับทั้งตัวองค์กรเองและสังคมโดยรวมด้วยอย่างมหาศาลทั้งด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานที่เพิ่มขึ้น รู้อย่างนี้แล้ว เราจะผลักดันให้องค์กรที่เราทำงานอยู่มีธรรมาภิบาลได้อย่างไรบ้างล่ะครับ
ต่อตระกูล: ถ้าจะให้ตอบอย่างกว้างๆก็คือผลักดันให้เกิดหลักการทั้ง 6 หลัก ตามที่สำนักงาน ก.พ. ได้กำหนดไว้ หรือให้ชัดขึ้นก็ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของ CAC ที่มีอธิบายไว้อย่างละเอียดเป็นขั้นตอนชัดเจน แต่เข้าใจว่า บางองค์กรยังไม่เข้าใจเรื่องธรรมาภิบาลเท่าใดนัก ทำให้ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน จึงขอแนะนำว่า จุดเริ่มต้นหนึ่งที่ง่ายมาก สามารถทำได้ทันทีคือ การสร้างความมีส่วนร่วม ทั้งจากภายในและภายนอก อย่างมีระบบ โดยการรับฟังความคิดเห็นและประมวลผลข้อมูลที่ได้รับมา ไม่ว่าจะเป็นความเห็นจากคนภายในองค์กร หรือ เสียงตอบรับจากคนภายนอกองค์กร เช่น ลูกค้า หรือ คู่ค้า และต้องทำอย่างรอบคอบ เป็นระบบ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้วย ไม่ใช่เพียงตั้งกล่องรับความคิดเห็นไว้กลางสำนักงานแบบเดิมๆ แบบนี้นอกจากคนจะไม่กล้าไปหยอดความเห็นเพราะกลัวคนอื่นๆ รู้แล้ว การประมวลผลข้อมูลที่เขียนในกระดาษก็ทำได้ช้าและผิดพลาดได้ง่ายอีกด้วย
ต่อภัสสร์: ฟังแล้วนึกถึงโครงการ สังคมดี๊ดี 2 นาทีง่ายๆ ที่ CAC ร่วมกับ สมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย ACT สำนักงาน ก.พ. และ แฮนด์ วิสาหกิจเพื่อสังคม ที่จัดให้ประชาชนผู้รับบริการจากหน่วยงานภาครัฐได้ให้ความเห็นต่อการบริการผ่านระบบที่สะดวก รวดเร็ว และไม่เปิดเผยตัวตนผู้ให้ความเห็น ด้วยการใช้ QR Code ที่ติดไว้ตรงทางออก เมื่อกดให้ความคิดเห็นแล้ว ระบบจะประมวลผลในทันที และส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์และนำเสนอสู่สาธารณะในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เพื่อผลักดันให้หน่วยงานรัฐนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงการให้บริการของตนเอง หรือ เพื่อชมเชยหน่วยงานที่สามารถทำได้ดีอยู่แล้ว
ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีมีการพัฒนาไปมาก ทำให้การรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายและมีปริมาณมากสำหรับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งขนาดเล็กและใหญ่ทำได้โดยง่าย และเมื่อมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์เรื่องการพัฒนาธรรมาภิบาลเป็นคนกลางที่เชื่อถือได้มาจัดระบบเพื่อนำข้อมูลมาประมวลผลและวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมาก็จะได้ข้อเสนอแนะการพัฒนาองค์กรที่เหมาะสมอย่างเป็นรูปธรรมเช่นนี้แล้วการจะเริ่มต้นสร้างธรรมาภิบาลเพื่อการพัฒนาทั้งธุรกิจและสังคมก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ที่ปรึกษาด้านธรรมาภิบาลอย่าง แฮนด์ วิสาหกิจเพื่อสังคม ผลักดันให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอยู่ในขณะนี้
เมื่อเข้าใจแล้วว่า ธรรมาภิบาลคืออะไร มีประโยชน์มหาศาลแค่ไหน และสร้างได้ง่ายเพียงใด ก็ได้เวลาผลักดันให้เกิดขึ้นในองค์กรกันแล้ว เพื่อประโยชน์ของทั้งองค์กรนั้นเองและสังคมโดยกว้างด้วยครับ
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี