นับตั้งแต่ วันเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย ความเคลื่อนไหวทางการเมืองของประเทศมีแต่ความสงบ เพราะประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างก็มุ่งสู่ความอาลัย เศร้าโศกเสียใจ ไม่มีกระจิตกระใจจะคิดในเรื่องใดๆ แม้เรื่องการเมืองที่เคยเป็นเรื่องสำคัญก็ตาม
หลังจากพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว ความเศร้าโศกเสียใจยังไม่คลายลงก็ตาม แต่ปัญหาที่เคยมีอยู่โดยเฉพาะเรื่องปากท้องและเรื่องสังคมการเมือง ก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง ปัญหาเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ รวมทั้งเรื่องสังคมที่ยังคงค้างคาอยู่แต่เดิมจนถึงปัจจุบัน และกำลังจะเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ในด้านเศรษฐกิจ โดยภาพรวมรัฐบาลเห็นว่าดีขึ้น ถ้าดูจากตัวเลขการเจริญเติบโตด้านมหภาค แต่ด้านจุลภาคดูจะไม่สอดคล้องกับสถานการณ์โดยทั่วไป ไม่เช่นนั้นรัฐบาลคงไม่ออกมาตรการช่วยผู้มีรายได้น้อยที่เรียกว่า “บัตรคนจน” จึงอาจกล่าวได้ว่า สังคมไทยปัจจุบันเป็นสังคมที่เรียกว่า “รวยกระจุกและจนกระจาย”
อย่างไรก็ดี ในทางการเมืองมีข่าวว่า จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ก่อนจะถึงเวลาที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะคลายอำนาจการบริหารประเทศให้เป็นไปตามที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญ ประจวบกับมีรัฐมนตรีคนหนึ่งลาออก จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปตามที่ได้ประกาศไว้แล้ว
แต่มีนักการเมืองบางกลุ่มเรียกร้องให้รัฐบาลซึ่งมาจากการปฏิวัติให้ “ปลดล็อก” ยอมให้ทำกิจกรรมทางการเมือง เพื่อที่จะได้เตรียมตัวกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญกว่านั้น คือ สภาพสังคมการเมืองภายหลังวันที่ 26 ตุลาคม 2560 คงจะไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน รัฐบาลจึงควรปรับคณะรัฐมนตรีที่ไม่มีผลงานในสายตาของประชาชนออก และนำผู้ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ หรืออีกนัยหนึ่งอาจกล่าวได้ว่าคะแนนนิยมของรัฐบาลขณะนี้กำลังลดลง แม้แต่พลเอกประยุทธ์ซึ่งเคยเป็นขวัญใจของประชาชน คะแนนนิยมก็ลดลงด้วยถึงจะไม่มากนักก็ตาม
ประกอบกับถ้าศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศไทยเป็นบทเรียนที่เกิดกับรัฐบาลที่ไม่ได้เกิดจากการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง เช่น รัฐบาลภายใต้การนำของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่มาจากการรัฐประหารก็ดี รัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ก็ดี ลงจากบัลลังก์อย่างไม่สวยงาม ฯลฯ เป็นต้น
สำหรับรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น ถึงจะได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างท่วมท้นเมื่อทำการปฏิวัติ เนื่องจากความเบื่อหน่ายต่อสถานการณ์ของประเทศก่อนหน้านั้น รวมทั้งความไม่โปร่งใสของรัฐบาลที่เรียกว่า ปกครองระบอบ “ธนาธิปไตย” ด้วย จึงทำให้เมื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกในขณะทำการปฏิวัติ จึงได้รับการยอมรับอย่างท่วมท้นจากเกือบทุกกลุ่มในสังคมไทย
แต่บัดนี้เวลาผ่านไปกว่า 3 ปีแล้ว ความต้องการให้ประเทศกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตยแม้จะไม่เต็มใบก็ตาม แม้ประชาชนที่สนใจการบ้านการเมืองยังฝากความหวังไว้กับพลเอกประยุทธ์ เพราะอย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องมัวหมองดังเช่นรัฐบาลที่มีปัญหาดังกล่าวในอดีต
ฉะนั้น ขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่พลเอกประยุทธ์ ในฐานะองค์อธิปัตย์สมควรที่จะปรับคณะรัฐมนตรีให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน เพื่อเตรียมรับการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง แม้ตัวพลเอกประยุทธ์ จะกลับมาเป็นผู้นำรัฐบาลอีกหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยท่านก็จะได้ชื่อว่า ผู้สร้างระบบการปกครองที่ประชาชนชาวไทยยอมรับได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี