(ต่อจากสัปดาห์ก่อน)
เดนิส เกรย์ บรรยายต่อไปว่า พระราชกรณียกิจในการทรงนำกองทัพธรรมแห่งราชวงศ์จักรี ทำสงครามกับความยากจนทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย ด้วยความเพียรขัตติยะมานะทุ่มเทพระวรกายของพระองค์ ทำให้คนไทยรักเทิดทูนบูชาระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อย่างหาที่สิ้นสุดมิได้ ชัยชนะสงครามความยากจนคือ ชัยชนะเหนือคอมมิวนิสต์อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
“ผมรักพระเจ้าอยู่หัว เพราะท่านเสด็จฯมาพร้อมกับน้ำ” จา พู ชาวนาวัย 40 ปี กับครอบครัวสิบคนของเขาทุกข์ยากลำบากเพราะแห้งแล้งไม่มีน้ำทำนา จนกระทั่งปลายปี 2517 ที่โครงการพระราชดำริสร้างเขื่อนเก็บน้ำความจุ 75,000 ลูกบาศก์เมตร เหนือตำบลบ้านเขา ทำให้จา พู มีน้ำทำนาเพาะปลูกพืชผักอุดมสมบูรณ์
“ในหลวงทำให้อาตมาได้มองเห็นอีกครั้ง” พระเสาร์ แก้วประเสริฐ วัย 63 ปี ในจังหวัดภาคอีสานเพิ่งเดินออกมาจากห้องผ่าตัด ที่ทีมหมอโครงการหลวงตามเสด็จผ่าตัดลอกต้อหินตาขวาให้เขาฟรี
เดนิส เกรย์ เล่าพระอารมณ์ขันของพระเจ้าอยู่หัว ว่า ทรงงานเพื่อแก้ปัญหาดับทุกข์ของพสกนิกรพระองค์ตั้งแต่ชาวนาที่ขาดน้ำ พระสงฆ์ตาพิการบ้าง ต้องแก้ปัญหารักสามเส้าให้ครอบครัวชาวเขาด้วยเขาเล่าว่า ครั้งหนึ่งชายชาวเขาถวายฎีกากับพระองค์ว่า เมียเขาหนีตามชายชู้ไป ทั้งๆ ที่ให้หมูสองตัวเป็นสินสอดซื้อเธอไปแล้ว ทั้งฝ่ายหญิงกับฝ่ายชาย น้องสาวพี่สาวเถียงกันไม่ลดราวาศอกในที่สุดพระองค์ได้ทรงตัดสินว่า ฝ่ายสามีควรได้รับเงินชดเชยค่าหมูคืน ซึ่งเท่ากับให้ปล่อยผู้หญิงเป็นอิสระ เพื่อให้ปัญหาจบไป พระองค์ทรงออกเงินค่าเสียหายแทนให้ และองค์ทรงเล่าต่ออย่างมีพระอารมณ์ขัน ว่า “แต่ปัญหาคือ ฉันเป็นคนจ่ายเงิน ดังนั้นผู้หญิงคนนั้น ต้องเป็นของฉัน”
พระราชกรณียกิจที่มีความเสี่ยงและใช้พลังงานน้อยกว่าการเสด็จพระราชดำเนินขึ้นดอย เข้าป่าลงเขา หรือเสด็จพระราชดำเนินไปในหมู่บ้านชนบทพื้นที่สีแดงที่สหายป่าของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเคลื่อนไหวอยู่ คือ ทรงงานพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของรัฐ ปีละหลายๆ หมื่นรายที่พระองค์ต้องสู้กับความเหนื่อยล้า เป็นเหน็บชาอยู่ครั้งละหลายชั่วโมง
ในบางมหาวิทยาลัยต้องใช้เวลาพระราชทานปริญญาบัตรแบ่งเป็นช่วงๆนานถึง 28 ชั่วโมง พระเจ้าอยู่หัว จะอยู่มีความผูกพันและพันธกิจพระราชทานขวัญกำลังใจให้แก่คนหนุ่มสาว อนาคตของชาติเหล่านี้ทุกคน แต่หลายปีหลังๆ นี้ พระเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระราชบุตรและพระราชธิดาเป็นผู้แทนพระองค์ทรงงานพระราชทานปริญญาบัตร นอกจากพระราชทานปริญญาบัตรแล้วยังได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทรงพระราชกรณียกิจนานัปการแทนพระองค์ท่าน
พระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสบอกพวกเราว่า พระองค์กับพระราชินีมิได้สอนลูกตามตำราแต่สอนด้วยการทรงงานให้เห็นเป็นแบบอย่างจำแนกงานให้ตามความถนัดแต่ละพระองค์
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล่าให้พวกเราฟังว่า “ตอนเด็กพวกเราต้องรดน้ำต้นไม้เพื่อให้ได้เงินค่าขนม พระเจ้าอยู่หัวมักพาพวกเราดูแหล่งสลัม ไปพบกับคนยากจนเพื่อให้พวกเราได้เห็นและสำนึกว่า จะต้องช่วยเหลือพวกเขาอย่างไร เราเองไม่ชอบเรียนภาษาอังกฤษ แต่เสด็จพ่อบอกว่า ถ้ามีชาวต่างชาติมาที่หมู่บ้านคนยากจน และประสงค์จะให้การช่วยเหลือ เราต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ถ้าไม่รู้ภาษาอังกฤษ เราจะสื่อสารกับเขาอย่างไรให้ช่วยคนจนได้...”
พระเจ้าอยู่หัวกับพระราชินีทรงให้ความสำคัญกับการศึกษามาก ครั้งหนึ่งพระเจ้าอยู่หัวเคยแสดงให้เห็นว่า ในไตรมาสที่สามของศตวรรษที่ 20 ความสำเร็จของสถาบันกษัตริย์ ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้นั่งบนบัลลังก์ มากกว่าองค์บัลลังก์ คนหนุ่มสาวทั้งไทยและต่างชาติประทับใจในความรุ่งโรจน์ของปราสาทราชวังและสถาบันกษัตริย์ในขณะนี้ คงประหลาดใจ เพราะพวกเขาได้ลืมประวัติศาสตร์ไปแล้วว่า ครั้งหนึ่งสถาบันเคยตกยากลำบากมาแล้ว แต่พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ไม่เคยลืม
“ตอนที่เราเป็นเด็ก ที่นี้ไม่มีอะไรเลย พรมปูพื้นและหนังบุเฟอร์นิเจอร์ในวังมีรูพรุนไปหมด พื้นเป็นรอยแยกแตก ทุกอย่างเก่าเสียหายใช้งานไม่ได้ กรมศิลปากรถวายเปียโนให้หลังหนึ่ง แต่ก็ทรุดโทรมเสียหายใช้การไม่ได้ “ไม่มีสิ่งเหล่านี้” พระองค์ชี้พระหัตถ์ ที่เฟอร์นิเจอร์บุหนังสวยงามประณีต ตู้โชว์ที่บุผ้าไหมล้อมกรอบรูปภาพของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ต่างประเทศที่พระองค์เคยต้อนรับ เคยได้รับการถวายต้อนรับ
ห่างจากที่เรานั่งออกไปสามสี่ฟุต มีเปียโนหลังใหม่ขึ้นมันเงาวาววับตั้งอยู่หลังหนึ่ง มหาดเล็กของพระองค์บอกเราว่า เปียโนหลังนี้สมบูรณ์ทุกประการ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี