สารพัดสื่อได้รายงานถึงโครงการ “ก้าวคนละก้าว”ที่ริเริ่มโดย “พี่ตูน บอดี้สแลม” ร็อกเกอร์ชื่อดังขวัญใจชาวไทย ทำกิจกรรมเพื่อชักชวนให้คนไทย ตระหนักถึงปัญหาด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะการขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย ในการวินิจฉัยโรคให้ผู้ป่วยทราบอย่างถูกต้องและทันท่วงที ซึ่งถือเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานนับสิบๆ ปี
ดังนั้น เมื่อผมมีโอกาสเรียบเรียงเขียนถึงเรื่องนี้ จึงต้องเสนอมุมมองที่อาจไม่เหมือนคนอื่นเพราะโครงการ “ก้าวคนละก้าว” นอกจากจะสร้าง ปรากฏการณ์ ให้คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพตัวเอง ด้วยการวิ่งแล้ว ตลอด 9 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่จุดสตาร์ทเริ่มต้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา จนมาถึงที่ จ.สงขลา ป่านนี้คงเข้าจ.นครศรีธรรมราช ไปแล้ว โครงการดังกล่าวก็ได้สร้าง “ปรากฏการณ์” ให้คนไทยได้เห็น อย่างน้อย 3 เรื่อง
1) 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ “สีชมพู”
ตลอด 13-14 ปีที่ผ่านมา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เผชิญกับความไม่สงบ ทำให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของชาวบ้าน ส่วนในความรู้สึกของคนไทยทั่วๆ ไป ถือเป็นดินแดนต้องห้าม ไม่ค่อยมีใครอยากไปเที่ยว
แต่เมื่อ “พี่ตูน” ออกวิ่งจากจุดเริ่มต้นที่ “ป้ายใต้สุดแดนสยาม” ที่ อ.เบตง จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจากหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 43 จำนวนกว่า 300 นาย มาวิ่งส่ง “พี่ตูน” เข้าเขต จ.สงขลา ตั้งแต่วันที่ 1-5 พฤศจิกายนนั้น ปรากฏว่า “พี่ตูนและคณะ” ได้ทำกิจกรรมเพื่อนำชาวบ้านในพื้นที่ที่มีความเป็นอัตลักษณ์สูง ให้เข้ามามีความรู้สึกร่วมกับคนไทยทั่วทุกภาคของประเทศอย่างเท่าเทียมและเสมอภาคกัน และสามารถลบล้างความเชื่อเดิมๆ จนหมดสิ้น เพราะสิ่งที่ได้รับทั้ง “พี่ตูน” และ“ชาวบ้าน” ก็คือ “รอยยิ้ม-เสียงหัวเราะ” และน้ำใจไมตรีที่หยิบยื่นให้ตลอด 2 ข้างทาง ที่ “พี่ตูน” และคณะวิ่งผ่านไป
จนกระทั่ง เมื่อผู้สื่อข่าวได้ถามถึง ความรู้สึกหลังจากที่วิ่งผ่านใน “พื้นที่สีแดง” ว่า “ก่อนหน้านี้ เราเห็นพื้นที่ภาคใต้เป็นสีแดง แต่วันนี้มาสัมผัสด้วยตัวเอง เห็นอะไรบ้าง” ซึ่ง “พี่ตูน” ก็ตอบคำถามไปตามความรู้สึกที่ตัวเองได้รับว่า“สีชมพูครับตลอดทางที่ผ่านมามีแต่ความรักให้ผม มีแต่รอยยิ้มให้กัน เป็นสีชมพูสำหรับผมครับ”
2) ปรากฏการณ์ “เศรษฐีใจบุญเมืองคอน” ชื่อ “จิมมี่ ชวาลา”
นอกจาก “พี่ตูน” จะโด่งดังทั่วฟ้าเมืองไทยอยู่แล้ว ปรากฏว่า มีเศรษฐีรายหนึ่ง ที่ขอเป็นตัวแทนของคนทั้งจังหวัด บริจาคเงินตามคำที่ “พี่ตูน” ร้องขอว่า “ผมอยากได้เงิน 10 บาท จากคนไทยทุกคน 10 บาท อาจจะซื้ออะไรไม่ได้มาก แต่ถ้าเอามากองรวมกัน เงิน 10 บาท จะสามารถช่วยได้ เป็นพันเป็นหมื่นชีวิต” นั่นก็คือ “จิมมี่ ชวาลา” เศรษฐีเจ้าของร้าน “จิมมี่ คลังผ้า” ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ที่ประกาศกลางงานแต่งว่า “ในวันที่ “ตูน บอดี้สแลม” วิ่งผ่านพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ตนจะบริจาคเงินในนามชาวจ.นครศรีธรรมราช ทั้งหมด จำนวน 1.6 ล้านคน คนละ 10 บาท เป็นยอดเงินบริจาค 16 ล้านบาท เพื่อทำบุญตามโครงการ “ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ” ในนามชาวนครศรีธรรมราช” จนชื่อของเขาได้รับการแซ่ซ้องจากคนไทยเป็นจำนวนมาก
“จิมมี่ ชวาลา” อายุ 60 ปี สัญชาติอินเดีย โดยพ่อและปู่เดินทางมาจากประเทศอินเดีย เข้ามาปักหลักทำมาหากินในเมืองนครศรีธรรมราช ด้วยการค้าขายผ้า จนมีฐานะร่ำรวยเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเมืองคอน ซึ่งเขาเองก็ได้ดำเนินการมอบตั๋วแลกเงินซึ่งสั่งจ่ายให้แก่ มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ(โครงการก้าวคนละก้าว) ไปให้ถึงมือ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผวจ.นครศรีธรรมราช เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมเชิญชวนทุกฝ่าย ไปมอบเงินให้ ทันทีที่ “พี่ตูนและคณะ” ก้าวเท้าเข้าสู่เขตพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช
3) บทบาท “พี่ตูน” ในฐานะพลเมืองดีของประเทศไทย
การทำกิจกรรม “ก้าวคนละก้าว” ของ “พี่ตูนและคณะนั้น” ถือได้ว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึง บทบาทในการ “อุทิศตน”ผลักดันให้คนไทย มีความตระหนักในหน้าที่ของพลเมืองดี ในการช่วยเหลือสังคมด้านต่างๆ เพราะทุกวันนี้ต้องยอมรับว่า พลเมืองของไทย รู้จักแต่สิทธิ แต่ไม่รู้จักว่าหน้าที่ จนทำให้เกิดปัญหาที่ “นักฉวยโอกาส” บิดเบือนหลักการจนทำให้บ้านเมืองเสียหาย
ซึ่งโครงการนี้ที่จะนำเงินที่ได้รับบริจาคนำไปมอบให้กับโรงพยาบาลศูนย์ 11 แห่งทั่วประเทศ เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ในการตรวจรักษาโรคนั้น ถือว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญ ที่ช่วยให้สิทธิในการรักษาพยาบาลของประชาชน มีประสิทธิภาพในการดูแลมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามมาตรา 47 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่ระบุว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ”
ดังนั้น การจุดประกายจาก “พี่ตูน” ผ่านโครงการนี้ นับเป็นอีกจุดหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทของ “พลเมืองดี” ที่น่ายกย่องสรรเสริญ
จากที่ยกตัวอย่างมานี้ ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า สิ่งที่ “พี่ตูนและคณะ” ได้ทำลงไปนั้น นอกจากก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงต่อวงการสาธารณสุขของไทยแล้ว ยังสร้างความรู้สึกสมัครสมานสามัคคี ให้กับคนไทยทั่วทุกภาคของประเทศ อีกทั้งยังสะท้อนจิตใจของคนไทยที่มีความเมตตากรุณาและปรารถนาดีต่อกันด้วย
ส่วนที่ตั้งเป้าเอาไว้ 700 ล้านบาทนั้นก็น่าจะเป็นที่แน่นอนว่า จะถึงหลักนั้นก่อนสิ้นสุดโครงการแน่นอน แต่จะถึงเป้าหมายที่จังหวัดใด หรือ อยากจะให้ยอดบริจาคทะลุไปถึงหลักพันล้านจนจบโครงการนั้น ก็สามารถบริจาคกันได้หลากหลายช่องทาง เช่น การโอนเงินผ่านธนาคาร กดเอสเอ็มเอสผ่านเครือข่ายมือถือ ระบบพร้อมเพย์ เคาน์เตอร์เซอร์วิส ฯลฯ
เพราะน้ำใจของคนไทย ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้ชาวโลกยกย่องประเทศเราอยู่เสมอ
เรียบเรียงข้อมูลโดย นฤนาท ยอดอาจ ผู้สื่อข่าวแนวหน้า ประจำรัฐสภา แฟนพันธุ์แท้ของพี่ตูน บอดี้สแลม ร็อกเกอร์ชื่อดังเมืองไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี