พี่น้องประชาชนทั้งหลายครับ เมื่อนายกรัฐมนตรีท่านถามคำถามเรา 6 ข้อ ก็มาช่วยกันตอบเถิดนะครับ
เวลานี้มีคนออกมาตอบหลายคน ส่วนมากก็ถูกด่าว่าเป็นนักการเมืองบ้าง เป็นสื่อที่ออกมาดิ้นบ้าง ทำไมล่ะครับ นักการเมืองและสื่อ ไม่ใช่ “ประชาชน” เสียแล้วหรือครับ ไม่อยากให้เขาตอบ ทีหลังก็อย่าถามสิครับ แต่เมื่อถาม ก็ต้องพร้อมรับคำตอบจากทุกคนในประเทศนี้ให้ได้ อย่ามัวแต่แบ่งข้างแบ่งฝ่าย แต่จงหันไปเจริญปัญญากับคำตอบที่เขาตอบมากันดีกว่า
ผมเองก็ขอร่วมตอบ ในฐานะ “ประชาชน” คนหนึ่ง ดังต่อไปนี้
คำถามที่ 1. วันนี้เราจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองใหม่หรือนักการเมืองหน้าใหม่ที่มีคุณภาพ ให้ประชาชนได้พิจารณาในการเลือกตั้งครั้งต่อไปบ้างหรือไม่ และการที่มีแต่พรรคการเมืองเดิมและนักการเมืองหน้าเดิม แล้วได้เป็นรัฐบาล จะทำให้ประเทศชาติเกิดการปฏิรูปและทำงานต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติหรือไม่
ตอบ : 1) คำถามของท่าน อาศัยความเข็ดกลัว “การเมืองเดิมๆ” เป็นข้อชี้นำ และต้อนให้ตอบไปในทางที่กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านเองไม่ใช่หรือครับ ที่เรียกร้องให้เราปรองดองกัน เลิกทะเลาะกัน ลดอคติต่อกัน แต่คำถามของท่านกำลังสร้างอคติแบบจงใจอยู่นะครับ และในความเป็นจริง มันไม่มีหลักประกันอะไร ที่จะบอกได้ว่า นักการเมืองหน้าใหม่ หรือพรรคการเมืองใหม่ จะดีกว่าเดิม? (ยกตัวอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สิ ใหม่หมาดทางการเมืองมาก แล้วเป็นไงครับ?)
2) แล้วในกฎหมายใหม่ ไม่ว่าจะเป็น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง, การเลือกตั้ง, สส. และ สว. ท่านวางระบบอะไรเอาไว้ เพื่อช่วยให้เรามี “นักการเมืองที่ดีกว่าเดิม” เอาไว้บ้างล่ะครับ และถ้าคนที่เรานึกว่าดี เราเลือก แต่พอไปมีอำนาจ มันเกิดไม่ดีขึ้นมา ท่านสร้างกลไกอะไรเอาไว้ ในการตรวจสอบ ถ่วงดุล คานอำนาจ และเอาเขาออกจากอำนาจไว้บ้างล่ะครับ เราจะได้ใช้เป็นเครื่องมือจัดการกับคนชั่วในอนาคตได้ด้วยตัวเราเอง
3) กฎหมายพวกนั้น ทำให้เกิดพรรคการเมืองใหม่ๆ นักการเมืองใหม่ๆ ได้ยากหรือง่ายกว่าเดิมล่ะครับ รวมทั้งไอ้ระบบไพรมารี่โหวตนั่นด้วย ท่านคิดว่า มันช่วยให้คนเก่าหรือคนใหม่ มีโอกาสได้เป็นผู้สมัครของแต่ละพรรคมากกว่ากันล่ะครับ มันแทบจะปิดทางคนใหม่ๆ อย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งกฎหมายที่บกพร่องตรงนั้น เราจะโทษใครดีครับ และที่ถามนี่ ไม่ใช่โยนหินถามทางเพื่อจะตั้งพรรคทหาร หรือพรรค คสช. หรือนอมินีในอนาคตใช่ไหมครับ
4) เรื่องการปฏิรูป-ในเมื่อโอกาสปฏิรูปอยู่ในมือท่าน ท่านทำหรือยังล่ะครับ ท่านห่วงเรื่องไหน งานใด ว่ารัฐบาลใหม่จะไม่ปฏิรูป ท่านก็ปฏิรูปเสียสิครับ รออะไรอยู่ล่ะ? ทำไมไม่ทำเสียให้เสร็จ ประชาชนจะได้สบายใจ ไม่ต้องมาเจอคำถามชี้นำให้หวาดกลัวกับอนาคต เอาอนาคตมาหลอกหลอนประชาชนให้กลัวคนพวกหนึ่ง เพื่อจะ “ติด” ท่านมากขึ้น แบบที่ท่านทำอยู่นี้ ซึ่งมันไม่ดีเอาเลยจริงๆ ที่สำคัญคือ คนของท่านเขียนบังคับไว้แล้วไม่ใช่หรือครับว่า หากรัฐบาลหน้า ไม่ว่าจะหน้าเดิมหรือหน้าใหม่ (ซึ่งอาจเป็นตัวท่านเอง) ไม่ปฏิรูป ไม่ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ก็มีความผิดไม่ใช่หรือครับ
คำถามที่ 2. การที่ คสช. จะสนับสนุนพรรคการเมืองใดก็เป็นสิทธิของ คสช.ใช่หรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยอยู่แล้ว
ตอบ : ใช่ครับ เป็นสิทธิโดยชอบ ก็เหมือนที่ประชาชนเขาก็มีสิทธิสนับสนุนพรรคการเมืองที่เขารัก นักการเมืองที่เขาชอบนั่นแหละครับ เพียงแต่ประชาชนเขาสนับสนุนใครมันไม่น่าเกลียด แต่ คสช. ซึ่งเป็นคนควบคุมการเขียนกติกา ว่าต้องมีคุณสมบัติอย่างนั้น มีขั้นตอนอย่างนั้น มีบทลงโทษอย่างนั้น ที่สำคัญคือ “มีบทเฉพาะกาล” อย่างนั้นอย่างนี้ แล้วขืนไปสนับสนุนใครออกหน้าออกตา ก็ให้นึกถึงคำว่า “น่าเกลียด” เอาไว้บ้างก็พอ ท่านควรเป็น “องค์กรกลาง” วางตัวดีๆเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชนมากกว่าไหม? คนชั่วๆ จะได้ไม่กล่าวหาว่าท่าน “ล็อกสเปก” เขียนกติกาเอื้อให้ใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ใช่ ท่านลงสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ เพราะท่านไม่ได้ลาออกจากการดำรงตำแหน่งตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่ท่านเป็นนายกฯ ได้นะครับ ถ้ามีพรรคที่สนับสนุนท่านและท่านสนับสนุนให้ใส่ชื่อท่านไว้ตามกติกาการเลือกตั้ง ซึ่งก็เป็นสิทธิ ผมไม่ถือว่าน่าเกลียดอะไร ทำได้ ตามกติกาทุกอย่าง และเชื่อว่ามีประชาชนส่วนหนึ่งต้องการเช่นนั้นด้วยซ้ำไป
เพียงแต่ สว. ที่ คสช. จะเป็น “ผู้เลือกในท้ายที่สุดทั้งสิ้น” นั้น จะไม่มาร่วมมือกับพรรคที่ คสช. สนับสนุน กดดัน ก้าวล่วง แทรกแซง ต่อรอง การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียตั้งแต่ต้น เพื่อดันท่านเข้ามาเป็นนายกฯ ใช่ไหมครับ? เราจะให้สิทธิเขาเลือกกันเองก่อนใช่ไหมครับ
คำถามที่ 3. สิ่งที่ คสช. และรัฐบาลนี้ ดำเนินการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมองเห็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติบ้างหรือไม่ เห็นด้วยกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมาเป็นเวลานานด้วยการรื้อใหม่ ทำใหม่, การวางแผนงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเป็นระยะสั้น-กลาง-ยาว อาทิ การแก้ไขปัญหา IUU, ICAO ฯลฯ หรือไม่? เห็นด้วยกับการมียุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศ เพื่อให้การเมืองไทยในอนาคตมีประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาล เกิดความต่อเนื่องในการพัฒนาประเทศหรือไม่?
ตอบ : 1) สิ่งที่รัฐบาลของท่านทำมาและทำอยู่ เป็นปัจจุบันที่สงบเรียบร้อย น่าพึงพอใจ น่าชื่นชมในหลายๆ เรื่อง แต่ก็เห็นปัญหาเศรษฐกิจด้วย ปัญหาการทำงานที่ไม่มีระบบตรวจสอบ ไม่มีการดุลและคานอำนาจด้วย จึงเหมือนกับรัฐบาลอื่นๆ นั่นแหละครับ ที่มีทั้งจุดดีและจุดที่ต้องแก้ไข
2) แต่ท่านถามถึงอนาคตที่ดี ก็ต้องตอบว่า มันมีหลายปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขและบางปัญหา มันเกินที่ท่านจะแก้ไขได้ ซึ่งเราก็ไม่โทษท่านเลย เช่น ความแตกแยกของผู้คน มันเป็นเรื่องที่แต่ละคนจะลดการถือสาลงเอง มีเหตุผลขึ้น ใช้สติปัญญาไตร่ตรองให้มากขึ้น เลิกสนับสนุนคนชั่วที่ให้ประโยชน์ ซึ่งท่านไปบังคับพวกเขาไม่ได้ ส่วนอะไรที่ควรจะเป็น “รากฐาน” ท่านก็วางเอาไว้เลย จะได้ไม่มีอะไรต้องห่วงกับคำว่า “อนาคต”
3) แต่ตอนนี้ห่วงครับ เช่น รัฐธรรมนูญเขียนไปในทางที่จะทำให้เกิดรัฐบาลผสม ซึ่งเริ่มต้นด้วยการ “ต่อรอง” กัน ขอโควตารัฐมนตรีกัน พรรคขนาดใหญ่ที่ประชาชนอุตส่าห์เลือกให้คะแนนเยอะๆ กลับไม่ใช่ผู้นำ เพราะตัวชี้ขาดว่าใครจะตั้งรัฐบาลได้ ต้องไปอิงอาศัยพรรคขนาดกลาง ให้พรรคขนาดกลางเป็นใหญ่ ท่านคิดว่าในสภาพดังกล่าวนั้น อนาคตจะสดใสดีไหมครับ
4) บางเรื่องที่ควรทำให้เสร็จโดยไม่ต้องรออนาคต เช่น การปฏิรูปตำรวจ ก็ไม่รู้ว่าในยุคท่านจะทำให้เสร็จไหม เพราะรัฐบาลเลือกตั้ง คงไม่ง่ายที่จะปฏิรูปตำรวจ ท่านจึงอย่าเอาแต่ถามประชาชนเลย สร้างหลักประกันให้ประชาชนมั่นใจถึงอนาคตที่สดใสจะดีกว่า
5) ส่วนผลงานที่ท่านยกตัวอย่างมา เช่น ไอยูยู ไอเคโอ อันนั้นดีเลิศเลยครับ แต่ก็ไม่มีใครจะยกผลงานห่วยๆ ขึ้นมาอวดใช่ไหมครับ มันจึงไม่ต่างอะไรที่รัฐบาลคุณชวนทำให้คนไทยมีเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เข้าสู่ระบบเรียนฟรีขั้นต้น รัฐบาลทักษิณ มี 30 บาทรักษาทุกโรค รัฐบาลอภิสิทธิ์มีระบบประกันรายได้เกษตรกร เหล่านี้เป็นต้น ทำไมไม่ยกราคาพืชผลทางการเกษตร อัตราการจ้างงาน รายได้ครัวเรือน หนี้ครัวเรือน ฯลฯ มาประกอบบ้างล่ะครับ เราจะได้ช่วยกันคิดช่วยกันสะท้อนปัญหา เพื่อนำไปสู่การแก้ไข ไม่งั้นพูดกันแต่เรื่องที่ดี จนนึกว่าบ้านเมืองของเราดีแล้ว ประชาชนอยู่ดีกินดีกันถ้วนหน้าแล้ว มันก็จะทำให้เรามองข้ามปัญหา จนลืมใช้เวลาที่มีอยู่ในปัจจุบันไปเร่งรีบปรับปรุงแก้ไข
7) ประเทศควรมีทิศทางแน่นอนครับ แต่ทิศทางที่เรียกว่า “ยุทธศาสตร์ชาติ” นั้น ไม่ควรมีแค่คุณปู่รู้ดีนั่งเขียนกันตามลำพัง ให้ประชาชนสาขาอาชีพต่างๆ คนหลากเพศหลายวัย ที่ต้องอยู่ในแผน “20ปี” ของยุทธศาสตร์ชาตินี้ ได้ร่วมคิดร่วมทำบ้าง ดีไหมครับ การที่เขาได้ร่วมคิดร่วมทำ มันจะทำให้เขารู้สึกเป็นเจ้าของ ในอนาคต หากรัฐบาลไม่ยอมขับเคลื่อน เขาจะได้ตามจี้ตามทวง นอกเหนือจากกลไกคณะกรรมการที่ท่านออกแบบไว้ให้กำกับดูแลนั้นด้วย นโยบายที่เขาหาเสียงไว้ ก็ต้องให้เขาทำ มันเป็นเรื่องสำคัญ เป็นสัญญา เป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนเลือกเขาเข้ามา อย่าไปรังเกียจรังงอนเลยครับ
หากท่านทำให้ยุทธศาสตร์ศาเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ประชาชนก็จะยึดเอายุทธศาสตร์สำคัญกว่านโยบายพรรคแน่นอน พรรคคงละเลยยุทธศาสตร์ชาติไม่ได้ และต้องออกนโยบายให้สอดคล้องเพื่อเรียกการสนับสนุนจากประชาชน ผู้ซึ่งอยากให้บ้านเมืองเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติของ “พวกเขา” เว้นเสียแต่ท่าน ไม่ได้ทำให้คำว่า “ของพวกเขา” เกิดขึ้น เขาก็จะบ่ายหน้าไปหา “พรรคการเมืองของพวกเขา” และยึดเอานโยบายเหล่านั้นเป็นเรื่องสำคัญกว่าโดยอัตโนมัติ
ส่วนไอ้พวกที่เอาแต่พัฒนาพื้นที่ตัวเอง ตายไปแล้วครับ ถ้าหมายถึงสุพรรณบุรี ที่เหลือ หากใครจะทำอีก ท่านเขียนมาตรการป้องกันและลงโทษไว้ในกฎหมายใดบ้างไหมล่ะครับ หรือได้แต่บ่นในตอนนี้
คำถามที่ 4.การเอาแนวทางจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีตมาเปรียบเทียบกับการจัดตั้งรัฐบาลวันนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองก่อนที่ คสช.และรัฐบาลเข้ามา มีความขัดแย้ง ความรุนแรงและการแบ่งแยกประชาชนเป็นกลุ่มๆ เพื่อมาสนับสนุนทางการเมืองใช่หรือไม่
รัฐบาลของท่านไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มาเพราะความจำเป็นตามสถานการณ์ รัฐบาลของท่านมีที่มาที่อธิบายได้ ไม่ต้องกังวลครับ คนที่มีเหตุผล เขาไม่วอแววุ่นวายกับเรื่องที่มาของท่าน ส่วนคนที่มันไม่เอาเหตุเอาผล มันก็มองแต่เปลือกว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้นที่ถูกต้อง ก็ช่างหัวมันเถอะครับ
เพียงแต่ท่าน ต้องสร้างมาตรฐานและบรรทัดฐานที่ดี ให้ประชาชนได้ใช้ในการเรียกร้องกดดันรัฐบาลในอนาคต เช่น การเลือกรัฐมนตรี ไม่เลือกจากโควตา ไม่เลือกจากพวกพ้อง ไม่เลือกด้วยความเกรงใจ แต่เลือกที่ความสามารถที่อธิบายกับสังคมได้ ว่ามีความสามารถใด ตรงกับกระทรวงนั้นๆ ฝากท่านดำเนินการปรับ ครม. ขณะนี้ให้เป็นตัวอย่างด้วยเถิด นั่นรวมถึงความโปร่งใสในการใช้งบประมาณ ธรรมาภิบาล และการตรวจสอบต้องทำได้ ทำให้เห็นอยู่เสมอ
คำถามที่ 5.รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาลและมีการพัฒนาประเทศที่มีความต่อเนื่องชัดเจนเพียงพอหรือไม่
ตอบ : คือ-ถ้ารัฐบาลก่อนหน้านั้นเป็นอย่างที่ท่านถามมา ท่านจะได้ยึดอำนาจหรือครับ (ฮา...) ก็เพราะมีปัญหา ประชาชนจึงตั้งตารอและฝากความหวังที่รัฐบาลของท่าน จะมีธรรมาภิบาลให้เห็นเป็นตัวอย่าง และสร้างกลไกป้องกัน ตรวจสอบ และลงโทษรัฐบาลไร้ธรรมาภิบาลในอนาคต ได้ดีแค่ไหนไงล่ะครับ ประเด็นก็คือ รัฐบาลของท่านเอง มีธรรมาภิบาลที่ดีแล้วหรือยัง?
ส่วนการต่อเนื่องในการพัฒนาประเทศนั้นก็อย่างที่เห็นกันอยู่ ว่ามันไม่ต่อเนื่อง แต่รัฐบาลของท่านนี่แหละ ได้บริหารประเทศต่อเนื่องนานกว่ารัฐบาลเลือกตั้งหลายต่อหลายรัฐบาลอีก มาตอบประชาชนก่อนดีไหม ว่าผลงานดีกว่าหรือไม่ อย่างไร จริงๆ ไม่อยากจะพูดอย่างนี้หรอกนะ แต่เพราะท่านเอง ชอบเอารัฐบาลเลวๆ มาเทียบ จะเพื่อให้ตัวเองดีกว่าหรือเพื่ออะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่มันทำให้เราต้องตั้งคำถามว่า 3 ปีต่อเนื่อง เข้าปีที่สี่ และคงจะมีปีที่ห้าด้วย รัฐบาลของท่านได้ใช้ความต่อเนื่องนั้นเป็นแบบอย่าง สร้างความอยู่ดีมีสุขให้ประชาชนแล้วหรือยัง?
คำถามที่ 6.เหตุใดพรรคการเมืองและนักการเมือง จึงออกมาเคลื่อนไหวคอยด่า คสช. รัฐบาล และนายกฯบิดเบือนข้อเท็จจริงในการทำงานในช่วงนี้อย่างมากผิดปกติ จึงขอฝากถามประชาชนว่าเพราะอะไร เนื่องจากอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ จึงอยากให้ทุกคนที่เป็นคนไทยช่วยพิจารณาตัดสิน
ตอบ : มี 2 ส่วน ที่ท่านต้องพิจารณาตัวท่านเองและคณะทำงานของท่าน คือ บางกลุ่มการเมืองก็เหมือนหมา สักแต่เห่าแต่ด่าไปตามชาติเชื้อของมัน แต่บางกลุ่มเขาก็ท้วงติงอย่างมีเหตุผล ทวงถามแทนประชาชน และเสนอแนะทางออกด้วย ในส่วนนี้ท่านต้องฟัง และอย่าตั้งข้อรังเกียจ อย่าปลุกระดมประชาชนขึ้นมาเป็น “เกราะ” เพราะมันจะไม่ต่างอะไรจากแกนนำกลุ่มต่างๆ ที่ผ่านมา รังแต่จะตอกย้ำความเกลียดชัง แตกแยก โดยไม่จำเป็น พวกที่บิดเบือน เอาความเท็จมากล่าว ก็เอาอำนาจ เอากฎหมายไปจัดการกับมันสิครับ อำนาจท่านล้นพ้น ใช้ให้ถูก ใช้ให้เป็น ใช้ให้เด็ดขาดสิครับ งอแงทำไม
แต่บางเรื่อง ที่เขาถามแทนประชาชน เช่น ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ท่านจะทำอย่างไร อันนี้ท่านก็ต้องยอมรับว่า ในแม่น้ำทุกสายของท่าน ไม่มีสายใดเลยทำหน้าที่ “ผู้แทนราษฎร” ที่เป็นห่วงทุกข์ร้อนของประชาชนจนนำไปสู่การตั้งกระทู้ถามสด หารือ อภิปราย ไม่มี!! มีแต่จ้องจะเลียท่าน เอาตำแหน่งอื่นๆ ในวันข้างหน้า ประชาชนจึงเคว้งคว้าง ในยามที่เจอปัญหา ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ก็อาศัยนักการเมืองที่เขาคุ้นเคยเป็นปากเป็นเสียงให้ ท่านก็ไม่ควรรังเกียจ
เช่น เขาถามว่า พูดมากี่ปีแล้ว เรื่องจะใช้น้ำยางดิบในประเทศให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเอาไปทำถนน สนามฟุตซอล ถุงมือ ถุงยาง หมอนกับที่นอนของทหาร ฯลฯ ถึงวันนี้ ได้ทำสักอย่างไหม ลมปากเหมือนลมตด นายกฯ สั่งอะไรไป มันก็ไม่ทำกัน แทนที่จะโกรธคนของท่าน ดันมาโกรธคนที่เขาแบกความทุกข์ของประชาชนมาหา ท่านต้องเปลี่ยนมุมมองของท่าน ให้มันอ่อนโยนขึ้นบ้างว่า ดีโว้ย ไอ้พวกนี้มาช่วยเราทำงาน เพราะเราเข้าไม่ถึงประชาชนเท่าเขา เออๆ ขอบคุณนะ เดี๋ยวจะเอาเข้าที่ประชุมวันนี้เลย จะสั่งการเลย ใครไม่ทำ จะลงโทษมันให้เป็นแบบอย่าง
ถ้าท่านสร้างมาตรฐานแบบนี้ ความดีจะเป็น “เกราะ” ของท่านเอง โดยไม่ต้องปลุก “ความเกลียดชังนักการเมือง” มาเป็นยันต์ป้องกันตัวเองเลยสักนิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี