คนเราทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนแผ่นดินไหน ต่างก็มีดวงตาสองดวง หูสองหู แต่ปากนั้นมีเพียงปากเดียวเหมือนๆ กันหมด ยกเว้นคนพิการเท่านั้นที่ไม่อาจมีสิ่งดังกล่าวเช่นคนปกติทั้งหลาย
ดวงตามีไว้ใช้ดูสิ่งต่างๆที่ต้องการจะดู หูมีไว้ใช้ฟังเสียงต่างๆ ส่วนปากนั้นนอกจากมีไว้ใช้กินอาหารแล้วยังมีไว้สำหรับพูดอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าจะพิจารณาให้ดีถึงธรรมชาติดังกล่าวแล้ว จะเห็นว่าแม้ธรรมชาติเองก็ยังกำหนดหรือจัดสรรมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ให้ดู ให้ฟัง มากกว่าให้กิน ให้พูด
การได้ดูได้เห็น และการได้ยินได้ฟังนั้นล้วนแต่ทำให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งใดจะเกิดขึ้นหรือเหตุการณ์ที่เห็นที่ได้ยินได้ฟังนั้นเป็นอย่างไร เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ใคร และถ้าจะต้องแก้ไขจะแก้ไขอย่างไร
ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวนี้ได้มาจากการดูการฟังทั้งสิ้น โดยเฉพาะผู้มีความรับผิดชอบตามตำแหน่งหน้าที่ที่มีอยู่ ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับเรื่องการ
ดูและการฟัง
จะดูอย่างไรและฟังอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงนั้น ได้กล่าวมาให้ทราบแล้วในตอนที่ผ่านมาของเรื่องนี้ เหลือแต่เรื่องของ “ปาก” เท่านั้นที่ยังไม่ได้กล่าวถึง เฉพาะอย่างยิ่งในการใช้ปากพูดเรื่องต่างๆ
การพูดนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของมนุษย์ เพราะนอกจากมนุษย์จะใช้ปากเพื่อพูดแล้ว มนุษย์ยังใช้ปากหรือลิ้นที่มีอยู่ในปากเป็นอาวุธป้องกันตนเองหรือทำลายอีกฝ่ายหนึ่งได้ สุดแล้วแต่ว่ามนุษย์ผู้นั้นจะเป็นคนอย่างไร
บางคนพูดแล้วเกิดปัญหาบานปลายยิ่งขึ้นก็มี และบางคนพูดแล้วแม้จะพูดเพียงประโยคเดียวก็พลิกสถานการณ์ได้ จะพลิกให้ไปในทางดีก็ได้ หรือจะพลิกไปในทางเลวร้ายก็พลิกสถานการณ์ได้ สุดแล้วแต่จะรู้จักเลือกคำพูดที่นำมาใช้
อย่างเช่นตัวอย่างที่จะยกมาให้ฟังดังนี้
ลูกศิษย์ถามขงจื้อว่า “อาจารย์ครับ คนตายไปแล้วมีความรู้สึกไหม” ถ้า ขงจื้อ ตอบว่า มี ผู้คนก็ต้องสิ้นเปลืองไปกับพิธีศพพิธีเซ่นไหว้กันอย่างหนัก แล้วถ้า ขงจื้อ ตอบว่า ไม่มีผู้คนอาจจะโยนศพพ่อแม่ทิ้งตามชายทุ่งก็ได้
ขงจื้อ ขจัดปัญหาของเรื่องนี้ด้วยการตอบคำถามดังกล่าวว่า “ถ้าเธออยากรู้ว่าคนตายมีความรู้สึกหรือไม่ เธอจงรอให้ตัวเองตายเสียก่อน แล้วค่อยๆค้นคว้าดูก็ได้ ไม่สายไปหรอก”
ขงจื้อเข้าใจพูด ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร ไม่เกิดปัญหาบานปลายใดๆตามมา การรู้จักพูดนั้นแม้ในภาษิตไทยยังบอกไว้เลยว่า “ปากเป็นเอก เลขเป็นโท” หรือ “พูดดีเป็นศรีแก่ปาก”และมีบางสำนวนที่ต่อเติมขึ้นดีกว่า “พูดไม่ดีมีสีที่ปาก” ซึ่งก็คือมีเลือดสีแดงกลบปากเพราะถูกชกถูกต่อยหรือถูกปานั่นเอง
การพูดจึงต้องมีความระมัดระวังในการใช้ถ้อยคำและความหมายที่จะสื่อออกไป โดยเฉพาะต้องคำนึงถึงสถานะของตนซึ่งเป็นคนพูดให้ดีด้วยว่า ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้นตนมีสถานะหรือตำแหน่งหน้าที่อะไร ไม่ใช่นึกอยากจะพูดอะไรพูดด้วยถ้อยคำอะไรก็พูดตามนั้น ใครจะรู้สึกอย่างไรไม่คำนึงถึง
ต้องรู้จักกาลเทศะและจังหวะโอกาสที่จะพูดไม่ใช่จะต้องพูดอะไรทุกครั้งเพื่อให้คนเขารู้ว่าเราพูดเก่ง การพูดจึงต้องมีหลัก ไม่ใช่พูดแบบน้ำไหลไฟดับ ทะเลาะด่าว่ากันไปกันมา ใช้คารมวาจาโฆษณาตัวเองว่าดีกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง โดยไม่มองตัวเองว่าดีจริงอย่างที่พูดหรือไม่
บ้านเราหลายคนพูดเก่ง บางคนพูดมีสาระมีเหตุผล ทำให้คำพูด ของเขามีน้ำหนักเป็นที่น่าเชื่อถือ บางคนพูดเก่งแต่ไม่ค่อยจะมีสาระหรือเหตุผลดีเพียงพอมารองรับ ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ ชาวบ้านเบื่อไม่อยากฟัง
บางคนพูดเก่ง โกหกเก่ง คนฟังที่มีสติปัญญาหมดความเคารพเชื่อถือ นอกจากคนที่ขาดข้อมูลข่าวสาร เช่น ชาวบ้านที่อยู่ห่างไกล หรือคนที่เป็นสมุนรับใช้รับผลประโยชน์ตอบแทนในรูปแบบต่างๆ
การพูดจาและใช้คำพูดจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบบ้านเมืองขณะนี้ ต้องระลึกถึงตลอดเวลาว่าเราไม่ได้เข้าสู่อำนาจตามวิถีทางปกติของการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่เราเข้ามารับตำแหน่งแห่งที่ดังกล่าวจากการรัฐประหาร แม้ปากกระบอกปืนจะส่งเราให้ขึ้นสู่อำนาจได้ก็จริง แต่อำนาจนั้นก็ยังคงเป็นของประชาชนเจ้าของประเทศอยู่นั่นเอง ไม่ใช่อำนาจที่แท้จริงของเราแต่ประการใด การทำอะไรหรือการที่จะพูดอะไรออกมาในแต่ละครั้งต้องไม่ลุแก่อำนาจ อย่าข่มขู่ประชาชน อย่าสักแต่พูดให้คนอื่นปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ตัวเองก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายด้วยเช่นเดียวกัน เฉพาะอย่างยิ่งการจัดการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ติดขัดตรงไหนพูดให้ประชาชนฟังบ้างได้ไหม
“น้ำลอยเรือได้ ก็คว่ำเรือได้” เป็นภาษิตจีน อีกบทหนึ่งที่ขอฝากมาให้ได้รับฟัง เพราะจะมีพลังทางปัญญาตามมา
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี