เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ได้ทำการปฏิวัติยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ประชาชนส่วนใหญ่ต่างยินดีต้อนรับเพราะสังคมไทยในขณะนั้นกำลังแตกแยกจนเกือบจะเป็นรัฐที่ล้มละลาย
คณะรักษาความสงบแห่งชาติภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้ความสงบเกิดขึ้นในสังคม มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาล และ
โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ ดำเนินการ ได้รับการยอมรับจากประชาชนส่วนใหญ่ตลอดมา แต่สถานการณ์ในปัจจุบันได้เปลี่ยนไป
จากผลการสำรวจของโพลล์ต่างๆ ปรากฏว่า แม้ตัวพลเอกประยุทธ์ยังได้รับการยอมรับจากประชาชนอยู่ แต่คะแนนนิยมก็ลดลงจากเดิมบ้าง ส่วนคณะรัฐมนตรีโดยรวมแล้ว ความพึงพอใจของผู้ตอบแบบสำรวจลดลง รัฐมนตรีหลายคนประชาชนต้องการให้เปลี่ยนตัว โดยเฉพาะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ที่นอกจากไม่มีผลงานที่โดนใจประชาชนแล้ว ยังมีผลลบต่อตัวนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะนอกจากไม่สามารถแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจแล้ว ยังก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “รวยกระจุกแต่จนกระจาย” อีกด้วย กล่าวคือ คนรวยรวยยิ่งขึ้นและคนจนยิ่งจนลง
ยกตัวอย่างเช่น มาตรการช่วยผู้มีรายได้น้อย โดยออกบัตรสวัสดิการให้ผู้มีรายได้น้อยได้รับเงินสวัสดิการไปซื้อสินค้าอุปโภคและใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งรัฐต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่ผลประโยชน์กลับไปตกกับผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าที่รัฐบาลกำหนดให้ผู้ถือบัตรไปซื้อได้
วิธีการนี้ในต่างประเทศได้ใช้มากว่า 40 ปีแล้ว แต่วิธีการต่างกัน คือ รัฐบาลของประเทศนั้นๆ แทนที่จะให้ประชาชนไปซื้อสินค้าที่มีขายทั่วไป รัฐบาลจะสั่งผลิตสินค้าชนิดและคุณภาพเดียวกันจากผู้ผลิต แต่ไม่มีการติดตราสินค้าที่ขายทั่วไป ทำให้ราคาต้นทุนสินค้าลดลงเพราะไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง รวมทั้งค่าโฆษณา ค่าการตลาด ซึ่งถ้าคิดแล้วเป็นราคามากกว่าตัวสินค้ามาก ผลก็คือ ต้นทุนถูกกว่าแต่คุณภาพสินค้าเหมือนกัน รัฐบาลไม่จำเป็นต้องมีเครื่องรูดบัตรพิเศษเพียงแต่ควบคุมจากใบเสร็จรับเงินเท่านั้น วิธีการนี้รัฐจะใช้เงินน้อยลงมากและเอาไปช่วยผู้รับสวัสดิการอื่นได้ นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น
ในด้านอื่นๆที่เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจมีอีกที่น่าจะแก้ไขได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ นอกจากนี้ เป็นเวลาที่เหมาะสมก่อนการเปลี่ยนผ่านจากคณะรัฐมนตรีที่เกิดจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกตั้ง ถึงแม้จะไม่ทั้งหมดก็ถือว่าเป็นจุดที่เปลี่ยนผ่านจากการปกครองระบอบเบ็ดเสร็จ เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยแม้จะไม่เต็มใบก็ตาม
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นกับทุกรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่เป็นการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ความมั่นคงของรัฐบาลที่สำคัญจึงขึ้นอยู่กับปากท้องของประชาชน สำหรับรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังดีกว่ารัฐบาลในอดีตเพราะคะแนนนิยมในตัวหัวหน้ายังอยู่ในวิสัยที่ประชาชนยอมรับได้
ถ้ามีการปรับคณะรัฐมนตรีได้ผู้ที่มีความสามารถมาอยู่ในตำแหน่งต่างๆ ผลจากการปรับคณะรัฐมนตรีและสร้างผลงานเป็นที่ยอมรับของประชาชน จะส่งผลให้ตัวพลเอกประยุทธ์ได้รับคะแนนนิยม ไม่ว่าจะดำเนินงานการเมืองต่อไปหรือจะยุติบทบาทก็ตาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี