สนามบินเกาะสมุย ดำเนินการโดยบริษัทเอกชน
เป็นลักษณะของการเช่าที่ดินหลวง ทำกิจการสนามบินเอกชน
1.ที่ดินอันเกี่ยวข้องกับกิจการสนามบินเกาะสมุยนั้น มีประเด็นตรวจสอบค้างคามาก่อนหน้านี้
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคยมีมติตั้งแต่ปี 2555 ลงโทษเจ้าพนักงานที่ดิน กรณีออกโฉนดทับที่สาธารณะในละแวกนั้น พร้อมให้เรียกค่าเสียหายจากผู้ที่เกี่ยวข้องและให้เพิกถอน
โดยมีการส่งเรื่องให้เทศบาลเมืองเกาะสมุย และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ดำเนินการกับที่ดินและผู้บุกรุกที่ดินของรัฐ ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ 15267 ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
และแจ้งให้อธิบดีกรมที่ดินเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเพิกถอนโฉนดที่ดิน เลขที่ 15267 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ซึ่งออกไปโดยคลาดเคลื่อนทับที่สาธารณประโยชน์ พรุบางรักษ์และคลองบางทด
กรณีดังกล่าว ทางบริษัทเอกชนยืนยันตนเองไม่มีส่วนรู้เห็นอะไรด้วย
2) ต่อมา คณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน ตรวจสอบพบว่า ที่ราชพัสดุ ที่กรมธนารักษ์ อนุญาตให้เอกชนเช่าที่ดินนั้น บางส่วนอาจมีปัญหา มีลักษณะเป็นป่าพรุ ที่รองรับนํ้าก่อนระบายลงสู่ทะเล ไม่สามารถขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุได้ กมธ.จึงส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
3. มีข่าวมาโดยตลอดว่า ชาวบ้านในอำเภอเกาะสมุย เรียกร้องให้ทางอำเภอ เทศบาล และเจ้าหน้าที่ ที่ดินเกาะสมุย ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาโดยเห็นว่ากรณีที่กรมธนารักษ์นำพื้นที่สาธารณะขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุและให้บริษัทเอกชนเช่านั้น อาจถือว่าเป็นการบุกรุกที่สาธารณะ ทำให้คูคลองเดิมหายไป กรมธนารักษ์ไม่มีอำนาจให้เช่าพื้นที่ดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้มีการเยียวยาผลกระทบผู้อยู่อาศัยโดยรอบ
ประเด็นเรียกร้องของชาวบ้าน ยังขยายไปถึงปัญหาจากการเพิ่มจำนวนการบิน การคิดค่าโดยสารเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปสมุย ว่ามีราคาแพง ไม่มีการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม
4. ล่าสุด สื่อมวลชนรายงานข่าวตรงกันว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 7 ได้พิจารณาวินิจฉัย ประเด็นกรมธนารักษ์นำที่ดินนำที่ดินใน
ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ดิน 16 ไร่ 1 งาน 53 ตารางวา ตั้งอยู่ปลายรันเวย์ท่าอากาศยานนานาชาติเกาะสมุย ให้บริษัทการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เช่า
มีความเห็นว่า ที่ดินแปลงดังกล่าว ไม่ใช่เป็นที่ราชพัสดุ แต่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพราะที่ดินแปลงนี้ยังไม่ได้ถูกถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่พลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน
ส่วนสัญญาที่กรมธนารักษ์ ทำกับ บริษัท การบินกรุงเทพฯ จะตกเป็นโมฆะหรือไม่นั้น เป็นเรื่องข้อกำหนดในสัญญา ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมายที่คณะกรรมการกฤษฎีกาจะพิจารณาให้ความเห็นได้
5. พูดง่ายๆ คือ กฤษฎีกามิได้วินิจฉัยว่าสัญญาระหว่างกรมธนารักษ์ กับเอกชน ถูกหรือผิด โฆฆะหรือไม่?
นั่นเพราะเอกชนไม่ใช่คู่กรณีในประเด็นวินิจฉัยนี้
แต่น่าสนใจว่า กรมธนารักษ์ เอาที่ดินที่ไม่ใช่ที่ราชพัสดุดังกล่าว ไปให้เอกชนเช่า ได้อย่างไร?
กระทำผิดกฎหมายหรือไม่?
มีใครร่วมกระทำการ หรือสนับสนุนการกระทำ หรือไม่?
6. ล่าสุด บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า
“ตามที่มีปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชน กรณีความเห็นของกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับสถานะที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ.๙๕๘ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งตั้งอยู่ติดกับสนามบินสมุย ที่ทางกรมธนารักษ์ได้อนุญาตให้ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ดำเนินกิจการสนามบินสมุย ทำสัญญาเช่าเพื่อใช้เป็นเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ ว่าอาจจะมีลักษณะเป็นป่าพรุทำให้ไม่สามารถขึ้นทะเบียนเป็นที่ดินราชพัสดุได้นั้น
ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้การเปลี่ยนแปลงสถานะของที่ดินราชพัสดุแปลงดังกล่าว กระทบกับกิจการเดินอากาศซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของชุมชน ทางหน่วยงานราชการจึงได้เรียกผู้เกี่ยวข้องประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยมีอธิบดีกรมธนารักษ์ ตัวแทนจากกรมที่ดิน ตัวแทนจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และตัวแทนจากบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
โดยให้ความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงสถานะของที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ.๙๕๘ นั้นไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการปฏิบัติการบินและการดำเนินกิจการของสนามบินสมุย รวมทั้งไม่กระทบกับขนาดของอากาศยานและจำนวนเที่ยวบินที่ให้บริการ ณ สนามบินสมุยในปัจจุบัน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวได้รับความคุ้มครองตามประกาศกระทรวงคมนาคม พ.ศ.2535 อยู่แล้ว โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ.2479 ว่าด้วยการกำหนดเขตบริเวณใกล้เคียงสนามบิน หรือสถานที่ตั้งเครื่องอำนวยความสะดวกในการเดินอากาศให้เป็นเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ และห้ามมิให้ทำการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับที่บริษัทฯ ได้ขอเช่าพื้นที่ดังกล่าวเพื่อใช้เป็นเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ โดยมิได้มีการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์หรือมีสิ่งปลูกสร้างใดๆ ในบริเวณดังกล่าว
บริษัทฯ ขอยืนยันว่าทางบริษัทฯ ได้ทำการขอเช่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการที่ทางราชการกำหนดไว้ทุกประการ โดยทางสนามบินสมุยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสารเป็นสำคัญ และยังคงให้บริการทุกสายการบินที่มีเที่ยวบินขาเข้าและขาออกจากเกาะสมุยตามปกติทุกวัน”
7. น่าคิดว่า ประเด็นความรับผิดชอบทางกฎหมายของผู้เกี่ยวข้อง สามารถจะยุติได้เพียงเท่านี้ จริงหรือ?
จะเป็นบรรทัดฐานแก่กรณีอื่นๆ ต่อไปหรือไม่ อย่างไร?
น่าสนใจติดตามต่อไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี