อยู่ๆ มีรายงานข่าวว่า พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาติบัญชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.)ปฏิบัติราชการแทนผบ.ตร.มีหนังสือด่วนมากถึงทุกหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ติดตามพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลหลังมีข้อมูลว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ทำการปลุกระดมมวลชนเตรียมเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล
หนังสือด่วนมากของสตช.ดังกล่าวมีขึ้นหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่อยู่ระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศโดย พล.อ.ประวิตร ได้แจ้งรายงานด้านข่าวกรองเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่พยายามบิดเบือนเพื่อสร้างสถานการณ์นำไปสู่การลุกฮือของกลุ่มมวลชนหวังล้มอำนาจรัฐ
ตามหนังสือด่วนมากของผู้ปฏิบัติราชการแทนผบ.ตร.ระบุว่า สถานการณ์ความเคลื่อนไหวปัจจุบันพบว่ามีบุคคลและกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหว ชี้นำ ปลุกปั่นโดยพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้มวลชน เครือข่ายและประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดหลงเชื่อตามสถานที่ชุมชน ตำบล หมู่บ้าน และช่องทางสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์โดยมีเป้าหมายล่วงละเมิดสถาบันและทำลายเสถียรภาพรัฐบาล รวมทั้งมีความตั้งใจให้การเคลื่อนไหวขยายตัวเป็นวงกว้างเพื่อรอโอกาสยกระดับเป็นการชุมนุมขับไล่รัฐบาล โดยกลุ่มบุคคลเหล่านี้ทำการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกประเทศ
ทั้งนี้ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สืบสวนติตตามพฤติการณ์เชิงลึกเกี่ยวกับข้อมูลแกนนำ พร้อมเครือข่ายผู้ให้การสนับสนุนทางความคิด งบประมาณ รูปแบบการเคลื่อนไหวและจุดประสงค์ที่แท้จริงในการออกมาเคลื่อนไหวของแต่ละกลุ่ม
นอกจากนี้ให้บูรณาการด้านต่างๆ กับฝ่ายปกครองและหน่วยงานในพื้นที่เพื่อให้ทุกหน่วยงานรับทราบข้อมูลและร่วมทำการสืบสวน พร้อมร่วมกันแก้ไขปัญหาไม่ให้กลุ่มดังกล่าวทำการเคลื่อนไหวต่อไป โดยระหว่างสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหว หากมีบุคคลใด แกนนำ หรือผู้ให้การสนับสนุนมีพฤติการณ์เข้าข่ายอาจกระทำผิดกฎหมายหรือจะยกระดับสู่ความวุ่นวายรุนแรง ให้ดำเนินการพร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นทราบทุก 15 วันและให้เริ่มรายงานผลครั้งแรกวันที่ 30 พ.ย.2560
ตามหนังสือด่วนมากของสตช.ที่ระบุว่าพฤติการณ์ความเคลื่อนไหวของขบวนการที่จ้องล้มอำนาจรัฐคสช.โดยมีเป้าหมายบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงและเคลื่อนไหวทั้งในและนอกประเทศเป็นกลุ่มไหนคิดว่าสาธารณชนน่าจะพอรู้ๆ กันอยู่
ก่อนหน้าที่จะมีพระราชพิธีสำคัญช่วงเดือนต.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ก็เคยออกมาเปิดเผยว่ามีขบวนการที่วางแผนก่อเหตุร้ายในช่วงวันพระราชพิธีสำคัญ โดยมีข่าวว่าแผนร้ายดังกล่าวมาจากกลุ่มแดงฮาร์ดคอร์แนวคิดล้มเจ้าที่หนีหมายจับข้อหาหมิ่นเบื้องสูงไปเคลื่อนไหวอยู่ในลาว
ช่วงพระราชพิธีสำคัญ หน่วยตรวจคัดกรองประชาชนของฝ่ายตำรวจควบคุมตัวชายต้องสงสัยไว้ได้ 42 คนโดยในจำนวนนี้บางคนพกพาอาวุธ หลายคนมีชื่ออยู่ในบัญชีประวัติอาชญากรและบางคนถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
นอกจากนี้ในช่วงพระราชพิธีสำคัญยังมีการก่อกวนของกลุ่มแดงล้มเจ้าในสหรัฐอเมริกาด้วยการแต่งกายไม่เหมาะสมเข้าไปสร้างความปั่นป่วนในงานถวายความเคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ณ วัดไทยแห่งหนึ่งในนครลอสแองเจลิส ขณะที่สื่อตะวันตกบางสำนัก ซึ่งที่ผ่านมามักมีพฤติการณ์มุ่งร้ายต่อสถาบันเบื้องสูงของไทยพยายามเผยแพร่ข้อมูลเชิงตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลไทยใช้งบประมาณมหาศาลไปกับพระราชพิธีสำคัญแทนที่จะนำไปช่วยคนจนซึ่งส่อเจตนาบ่อนทำลายทั้งสถาบันเบื้องสูงและความมั่นคงของชาติไทย
สำหรับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงแนวคิดล้มเจ้าและมุ่งล้มอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่เคลื่อนไหวอยู่นอกประเทศก่อนหน้านี้ อาทิ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ยุคพรรคไทยรักไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและอดีตรมว.มหาดไทย นายชูชีพ ชีวะสุทธิ์ และนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ อดีตแกนนำแดงฮาร์ดคอร์
อย่างไรก็ตามยิ่งขบวนการบ่อนทำลายเบื้องสูงเคลื่อนไหวรุนแรงหวังแตกหักมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งเข้าทางคสช.ที่จะมีความชอบธรรมในการยืดเวลาปลดล็อกการเมืองและดีไม่ดีหากสถานการณ์เลวร้ายอาจถึงขั้นเป็นเหตุให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้ง
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี