หัวข้อนี้เป็นผลจากการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯที่ไปราชการต่างประเทศ
แล้ว พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาแถลงว่า พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการในที่ประชุมครม.ว่า ปัจจุบันพบว่ามีสถานการณ์เข้าสู่โหมดการเมือง เราจะเห็นได้จากปรากฏการณ์หลายเรื่อง มีการใส่ร้าย บิดเบือน การปล่อยข้อมูลข่าวสารเพื่อเป็นเท็จ หรือการพยายามลดความน่าเชื่อถือของตัวบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในรูปแบบต่างๆ ต้องยอมรับความจริงว่า บางเรื่องก็มีมูล บางเรื่องก็ไม่มีมูล เพราะฉะนั้นพล.อ.ประวิตร จึงสั่งการให้รัฐมนตรีทุกคนทำงานเชิงรุก
พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า ทั้งนี้ถ้าแปลความหมายความคือ ให้ทุกคนทำงานตามที่นายกฯได้เคยสั่งการไว้แล้วว่า ต้องดำเนินการไปตามตารางเวลาที่มีอยู่และบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่นายกฯสั่งการ และเรื่องที่เคยกำหนดเป็นแนวทางปฏิบัติของกระทรวง ตามที่ได้เคยสัญญาไว้กับครม.และกับนายกฯ ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนั้น
ด้าน พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อสั่งการพล.อ.ประวิตร ที่ได้สั่งการในที่ประชุมครม.ขอให้หน่วยงานรัฐประชาสัมพันธ์เข้มข้นขึ้น เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดให้หันมาทำงานเชิงรุกมากขึ้นนั้น เป็นเรื่องที่ขณะนี้พบว่ามีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารเป็นจำนวนมาก สร้างความเข้าใจผิด
คำสัมภาษณ์ทั้งสองท่าน สอดคล้องกับเอกสารของทางราชการบางฉบับที่โผล่มาตามสื่อต่างๆ
ถามว่ารัฐบาลคุมได้หรือไม่
ผมฟันธงเรื่องแบบนี้ ว่ารัฐบาลคุมได้ เพราะกฎหมายเข้มแข็งส่งเข้าคุกพวกที่ลองของไปหลายคนแล้ว
แต่ที่จะทำให้รัฐบาลสั่นคลอน ในขณะนี้เห็นจะมีเรื่องสินค้าภาคการเกษตรต่างๆ ที่กำลังดิ่งเหว ทั้ง ยางพารา มันสำปะหลัง ลำไยนอกฤดูกาล ฯลฯ
เฉพาะเรื่องยางพารา มีท่านผู้อ่านระดับที่ปรึกษารองนายกฯ ฝากข้อความให้กุนซือของนายกรัฐมนตรี เก็บไปคิดว่า
“บิ๊กตู่ตกหลุมบ่อนำยางพาราเสียแล้ว น่าเห็นใจที่อาสาปฏิวัติเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง แต่มาเกยตื้นในเรื่องนี้”
ส่วนพรรคการเมืองพรรคเล็กพรรคใหญ่ (ความจริงเขาเอ่ยชื่อพรรคด้วย) ก็ชอบใจที่ราคายางพาราตกต่ำ นิ่งเฉยไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้ชาวสวนยาง เล่นงานรัฐบาลทหารไปตามสะดวก
เป็นยุทธวิธีทางการเมืองที่สุขุมนุ่มลึก
อย่าลืมชาวสวนยางทั้งประเทศมีมากกว่าหนึ่งล้านครอบครัวและมีผู้ที่ได้รับผลดีจากราคายางขึ้นมากกว่า 10 ล้านคนเลือกครั้งหน้าชาวสวนยางเลือกพรรคไหนพรรคนั้นก็มีโอกาสชนะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล (55555)
ทั้งยังบอกว่าประเทศไทยผลิตยางพาราปีละ 4 ล้านตัน ถ้าราคายางพาราขยับขึ้นมา 1 บาท/กก. เงินเข้ากระเป๋าชาวสวนยางทันที 4 พันล้านบาทต่อปี ถ้าปรับราคา 10 บาท/เข้ากระเป๋าชาวสวนยาง 4 หมื่นล้านบาทต่อปี ถ้าปรับราคาอีกกก.ละ 100 บาท ลองคำนวณดู ไม่จำเป็นต้องไปจัดโปรแกรมช็อปช่วยชาติ เพราะอำนาจการใช้จับจ่ายใช้สอยของชาวสวนยาง มีมากกว่าเกษตรกรประเภทอื่นๆ
ส่วนชาวนา และชาวประมง ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะหอบดอกกุหลาบ เข้าให้กำลังใจ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ สบายตัวไปแล้ว
แต่ที่บักโกรกอีกส่วนหนึ่ง คือมันสำปะหลัง ปลูกกันมากในพื้นที่ภาคอีสาน เหลือแค่ราคา กก.ละ 1.50 บาท แต่ราคาคงไม่ต่ำกว่านี้แล้วละครับ ทั้งที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 2.5 บาท/กก. สำหรับลำไยนอกฤดูกาลในภาคเหนือ ก็ตกต่ำเหลือแค่ กก.ละ 15 บาท ล้งจีนเข้มงวดในการรับซื้อ เกษตรกรบางรายต้องเอาลำไยไปให้วัวกินแทนหญ้า
นี่ละครับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่กระทบรัฐบาล เป็นของแท้ของจริงมากกว่าที่ถกกันใน ครม.
และแม้ว่าเกษตรกรเหล่านั้นจะหมดเรี่ยวหมดแรงที่จะเข้ากทม.มาเรียกร้องต่อรัฐบาลด้วยใจบริสุทธิ์ แต่รัฐบาลรีบแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรนะครับเพราะคนไทยด้วยกันทั้งนั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี