ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำได้กลับมาให้รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แก้ไขปัญหาซ้ำอีกครั้งหนึ่งแล้วโดยเฉพาะราคาผลผลิตในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ปาล์มน้ำมัน และผลไม้หลายชนิด ที่เกิดสภาวะที่เรียกว่า ผลผลิตล้นความต้องการของตลาดทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งเป็นตามหลักอุปสงค์และอุปทานตามหลักเศรษฐศาสตร์จุลภาค หรือ Micro Economics ไม่ใช่เรื่องที่จะแปลกอะไรเพราะผลผลิตล้นตลาดราคามันก็ตก
ปัจจุบันต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่าการที่ยางพาราไม่ว่าจะเป็นน้ำยาง, ยางแผ่นรมควัน และยางเพื่อการส่งออก ที่เป็นราคาเอฟโอบีเหลือไม่ถึง กก.ละ 53 บาทราคาต่ำเกินไปทำให้เกษตรกรผู้ปลูกยางในภาคใต้เดือดร้อนเพราะการกรีดยางในภาคใต้นั้นอยู่ในระบบแบ่งผลผลิตระหว่างเจ้าของสวนยางกับผู้รับจ้างกรีดยางถ้าราคาตกมันหมายถึงความเป็นความตายของเกษตรกรรายนั้นๆ เช่นเดียวกับราคาปาล์มน้ำมันที่ตกต่ำเหลือไม่ถึง กก.ละ 4 บาท
สาเหตุที่ราคายางและปาล์มตกก็มาจากตลาดโลกมีผลผลิตล้นตลาดทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซีย มีผลผลิตในปี 2560 มากขึ้นแถมประเทศจีนที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ในอดีตก็ปลูกยางเองได้มากไม่จำเป็นต้องซื้อยางจากไทยอีกแถมน้ำมันดิบราคาตกเหลือบาร์เรลละ 60 เหรียญสหรัฐอย่างไรก็ตาม ราคายางก็ไม่ขึ้นเพราะการผลิตยางรถยนต์ใช้ผสมกันระหว่างยางธรรมชาติกับน้ำมันเป็นหลักความจริงของธรรมชาติใครๆ ก็รู้เรื่องนี้ดี
ถึงเวลาที่คนไทยใน14จังหวัดภาคใต้ ต้องเปลี่ยนวิธีทำมาหากินกันใหม่นั่นคือต้องเลิกปลูกพืชเชิงเดี่ยว ต้องทำไร่นาสวนผสมคือปลูกข้าว ยาง ปาล์ม ผัก ผลไม้ ประมงน้ำจืด เลี้ยงสัตว์คละกันหมดจึงจะอยู่รอดอีกประการก็คือรัฐบาลเองก็ต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การทำมาหากินของประชาชนชาวภาคใต้ด้วย
นั่นคือการสร้างให้ภาคใต้ของไทยให้เป็นสวรรค์ของภาคอุตสาหกรรมการบริการ การท่องเที่ยว การพาณิชย์นาวี หมายถึงการขุดคลองไทยที่มีความยาว 130 กิโลเมตรจากอ.สิเกา จ.ตรัง มาที่อ.ระโนด จ.สงขลา เพื่อเชื่อม 2 ฝั่งมหาสมุทร ให้เป็นคลองยักษ์ในการคมนาคมของกลุ่มอาเซียน ซึ่งผลการศึกษาความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจแล้วไทยเจ้าของคลองได้รับผลประโยชน์ตอบแทนสูงและรวยมหาศาลอย่างแน่นอน
เงินทุนประมาณ 8 แสนล้านบาท ถึง 1 ล้านล้านบาทไม่มากนักมีอนาคตดีกว่าโครงการอีอีซีที่ภาคตะวันออกด้วยซ้ำไป เพราะประชาชนชาวใต้ 14 จังหวัด ส่วนมากเห็นดีเห็นชอบกับการขุดคลองเมื่อมีคลอง 14 จังหวัดภาคใต้ก็จะเป็นแหล่งอุตสาหกรรมและการค้าที่สำคัญตั้งแต่ชุมพรลงไปถึงนราธิวาส จะเป็นทำเลทองของไทยและเพื่อนบ้านอาเซียน
พื้นที่ภาคใต้เป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญอยู่แล้วทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย ที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาถึงปีละ 36 ล้านคน ต่อๆ ไป หากมีคลองมีท่าเรือส่งสินค้าการคมนาคมขนส่งก็จะมีความมั่นคงแข็งแรงเป็นเส้นทางสายไหม ประเทศจะร่ำรวยรายได้ประชาชาติของประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายใน 5 ปีนี่คือหนทางสู่ฉิมพลีที่รัฐบาลชุดนี้น่าจะรีบนำเอานโยบายขุดคลองไปปฏิบัติโดยเร่งด่วนคนไทยจะได้พ้นจากความยากจนกันเสียที
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี