มีบางคนพูดว่า สังคมไทยเป็นสังคมลิเก สิ่งดีและสำคัญก็ไม่สนใจ สนใจแต่ความมันส์ ให้ความสำคัญมากๆ และไม่มองในแง่ดี มองแต่แง่ลบ เช่น เรื่องคำถาม 6 ข้อของลุงตู่
ตั้งแต่สอนที่ธรรมศาสตร์ช่วงแรกๆ เปิดโอกาสให้ลูกศิษย์ถามคำถามในห้องเรียนตลอด ซึ่งในช่วงแรกๆ ลูกศิษย์มีคำถามมากมาย ซึ่งบางครั้งผมคาดไม่ถึง กลับเป็นการเรียนรู้ไปด้วย ไม่อาย
ที่เป็นอาจารย์ที่มีลูกศิษย์เก่งกว่า เพราะคำถามที่ไม่มีคำตอบแน่นอน ช่วยให้เราคิดและเรียนรู้ไปด้วย
หรือการออกข้อสอบ ผมไม่เคยออกข้อสอบจากท่องจำ เช่น วันนี้ ใครเรียนกับผม จำ 8K’s 5K’s ได้ อาจจะสอบตกเพราะลอกอย่างเดียวไม่พอ ต้องวิเคราะห์ นำไปประยุกต์เป็นกับความจริงหรือต่อยอดได้ จะพอใจมาก จึงเป็นที่มาของแนวคิดทฤษฎีการเรียนรู้ของผมชื่อว่า 4L’s
1.Learning Methodology มีวิธีการเรียนรู้ที่ดี
2.Learning Environment สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้
3.Learning Opportunities สร้าง/เกิดโอกาสจากการเรียนรู้
4.Learning Communities Learning Communities
สร้าง/เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้
หลายคนพยายามเปรียบเทียบกับ Peter Senge
1.Personal Mastery รู้อะไร รู้ให้จริง
2.Mental Models มีแบบอย่างทางความคิด
3.Shared Vision มีเป้าหมายร่วมกัน
4.Team Learning เรียนรู้เป็นทีมช่วยเหลือกัน
5.System Thinking มีระบบการคิดมีเหตุมีผล
ซึ่งอาจมีเรื่องคล้ายกัน เช่น Team Learning หรือ Shared Vision ของ Senge
สื่อในปัจจุบันบางกลุ่มไม่สนใจการเรียนรู้ จับประเด็นไม่ถูก และนักเลือกตั้งก็มาด่านายกฯประยุทธ์ในหลายๆ เรื่องที่ไม่ถูกต้อง คิดว่า คสช.เป็นขาลง เลยถล่มกันใหญ่ ไม่ดูตัวเอง อย่างในปัจจุบัน
ผู้อ่านทราบไหมว่า ทีมของผม เวลาไปสอน บางครั้งผมก็นำทีมไปหลายคน เพื่อช่วยให้การทำ Workshop มีคุณค่า ที่เรียกว่า ปะทะกันทางปัญญา เพราะผมออกข้อสอบถามแบบช่วยให้ทุกคนคิด
จากประสบการณ์ จึงมีกฎ 12 ข้อที่ผมเขียนไว้ในการทำ Workshop ให้ประสบความสำเร็จ
Learning-Share-Care
กฎ 12 ข้อของกระบวน WORKSHOP แบบ Chira Way
1.เลือกประธานกลุ่มที่เหมาะสมเป็นผู้นำ
2.เลือกเลขานุการกลุ่มที่สามารถสรุปประเด็นและจดบันทึกได้ดี
3.ประธานอธิบายหัวข้อว่าคืออะไร คาดหวังอะไร ต้องทำอะไร?
4.บริหารเวลา-มีน้อยหรือมีมาก
5.สนใจสมาชิกทุกๆ คนในกลุ่มว่าเขาเก่งและมีศักยภาพเรื่องอะไร
6.กระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วม
7.สร้างบรรยากาศให้ทุกคนมีเกียรติ
8.สร้างบรรยากาศปลอดภัย ให้ทุกคนไม่กลัวและอยากพูด แต่สุภาพเรียบร้อย
9.ถ้าขาดอะไร... ประธานกลุ่มช่วยเสริม กระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจ (Inspiration) เป็นหลัก
10.เลขาฯ สรุป และเตรียมการนำเสนอ
11.การนำเสนอ-เลือกคนที่มีภาวะผู้นำ อาจเป็นประธานหรือคนอื่นๆ ก็ได้
12.มีคนนำเสนออย่างน้อย 3 คน ช่วยให้เกิด “Value Diversity”
มีอีก 2 กรณีที่ผมอยากแบ่งปัน เรื่องคุณค่าของการตั้งคำถาม
เรื่องแรกคือ ก่อนที่ Peter Drucker จะเสียชีวิตเมื่ออายุ 95 ปี James Collins ซึ่งเป็นลูกศิษย์ถามคุณ Drucker ว่า ตลอดชีวิตที่ได้ทำงานมา คิดว่า 2 เรื่องสำคัญคืออะไร Peter Drucker บอกว่า
(1) คำถามที่น่าสนใจแต่ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง
(2) เรียนรู้จากลูกศิษย์
ผมโชคดีที่คำตอบของ Drucker ผมได้ทำอยู่แล้ว เช่น คำถามที่น่าสนใจ ผมชอบทั้งลูกศิษย์ถามหรือผมถามลูกศิษย์ ข้อสอบของผมจะให้ลูกศิษย์ไปศึกษากันก่อน เช่น ให้ไปดู 20 ข้อ
แต่ทำจริงๆ 5 หรือ 4 ข้อ แต่ต้องเอาคำตอบจากสมอง ไม่ให้ลอกมา ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ดีมาก เพราะลูกศิษย์ได้ปะทะกันทางปัญญาทุกวัน ให้เวลาเขาเตรียมตัวประมาณ 2 อาทิตย์ คำตอบไม่มีผิดหรือถูก แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการวิเคราะห์ อาจจะผิดจากความคิดของผม แต่มีข้อเสนอที่ดีกว่า และมีการวิเคราะห์จากข้อสมมุติฐานที่แตกต่างกันก็ได้
เห็นได้ว่า วิธีการคิดของ Drucker เขาจะเน้น Reality และ Relevance ไม่เน้นทฤษฎีก่อน ในที่สุด ทฤษฎีที่สำคัญจะถูกนำมาเปรียบเทียบ
อีกกรณีคือ คุณ Maxwell ซึ่งเป็นกูรูระดับโลกอีกคนหนึ่ง เขียนหนังสือชื่อว่า Good Leaders Ask Great Questions
ในหนังสือ Maxwell สารภาพว่า การตั้งคำถามที่ดีทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนอย่างมาก ลูกศิษย์ตั้งคำถามที่ยากให้เขา ทำให้ได้ความรู้อย่างมาก จากหนังสือเล่มนี้ การตั้งคำถามที่ดี เขาได้ประโยชน์ 4-5 เรื่อง
(1) ได้เรียนรู้และเติบโตอย่างมีคุณภาพ
(2) ได้เชื่อมโยง (Connect) กับผู้คนเป็นจำนวนมากจากคำถามดังกล่าว
(3) ทำให้พัฒนาความคิดใหม่ๆ (New Ideas) เสมอ
(4) เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาเอง
จำได้ว่าสอนเด็กมัธยมเทพศิรินทร์ทุกๆ ปี จากการเข้า Knowledge Camp มีทั้งเด็กกิจกรรม เด็กบ้าเรียน เด็กเล่นกีฬา
คำถามที่ทำให้เด็กเทพศิรินทร์คิดได้มากที่สุด คือ ถามว่า เมื่ออายุ 40 ปี เขาจะเป็นอะไรและทำอะไร บางคนคิดไม่ถึง เพราะเด็กมัธยมคิดแค่สอบเข้ามหาวิทยาลัย คิดแค่เรียนพิเศษ ถ้าคิดไปไกลจะช่วยให้เขาเข้าใจตัวเองมากขึ้น เพื่อปรับตัวเอง เช่น พ่อแม่อยากให้เข้าหมอ แต่รู้ว่าตัวเองไม่ชอบ อายุ 40 ปรับตัวไม่ทัน เด็กเรียนดีไม่ถามว่า ฟิสิกส์หรือภาษาอังกฤษจะได้คะแนนช่วงเท่าไร กลับถามว่า เรียนไปทำไม (Why?) มีคุณค่าหรือนำมาใช้ได้อย่างไร เด็กบางคนตอบไม่ได้
เมื่อเร็วๆ นี้ ลูกศิษย์ Ph.D. รุ่น 15 ของผม พิเศษเพราะสอนมาต่อเนื่อง ผมถามเขาว่า เรียนกับอาจารย์ได้อะไร 2 เรื่อง แทนที่จะบอกว่าได้ความรู้ช่วยวิทยานิพนธ์ซึ่งจำเป็นอยู่แล้ว บอกว่า กลับไปดูลูกน้องตนเอง ให้เกียรติและศักดิ์ศรีเขามากกว่าเดิม เพราะได้เรียน HRDS ได้ดูแลลูกมากขึ้น คนที่ไม่มีลูกก็เป็นห่วงครอบครัวที่ล้มเหลว เพราะผมบอกว่า ถ้าวัยเด็ก 0-10 ขวบ ศีลธรรม จริยธรรมอ่อนแอ อายุ 25-60 ล้มเหลวแน่ๆ เป็น Thailand 4.0 แต่ขี้โกงทั้งชาติ
สรุปคือ ถ้าจะปรับทัศนคติหรือปรับคำถาม ท่านนายกประยุทธ์มีหลายเรื่อง เรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับผมคือ อย่ามองนักการเมืองเลือกตั้งเหมาเข่ง แยกแยะให้ออก นักการเมืองที่ดีที่ผ่านระบอบการเลือกตั้งก็ยังมี และคนเหล่านี้บางครั้งก็ช่วยจรรโลงประเทศของเราให้อยู่ได้ ผมขอยกตัวอย่างบางคนเท่านั้นคือ ชวน หลีกภัย
และขอเตือนนักการเมืองบางกลุ่มว่า การแสดงอะไรเกรงใจคนไทยบ้าง ไม่ใช่นายกฯประยุทธ์ขาลง ก็ซัดกัน โดยไม่มองถึงความดีที่คสช.สร้างไว้ ซึ่งช่วยให้ชาติรอดมาถึงวันนี้
และในอดีต อย่าลืมว่า มีนายกฯที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งที่มีคุณค่ามากมาย เช่น จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ศาสตราจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ และนายอานันท์ ปันยารชุน พลเอกเปรม
ติณสูลานนท์ แต่ก็ทำงานได้ดีหรือดีกว่านักเลือกตั้งด้วยซ้ำไป
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี