หากพูดกันก่อนหน้านี้ว่า มนุษย์ถูกทำให้เป็นคนป่วย ก็แทบจะไม่มีใครเชื่อถือ แม้ว่าความจริงจะเห็นอยู่กับตาทนโท่อยู่ทั่วทั้งโลกและทำกันมานานแล้ว แต่มาคราวนี้ทำกันชัดเจนมากขึ้น จนชาวโลกเริ่มรู้สึกว่าถูกพวกบริษัทยาใช้อำนาจทางการเมืองทำให้เป็นคนป่วย
คือจากคนดีๆ ก็จะถูกถือว่าเป็นคนป่วยในทันทีที่ไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลหรือแพทย์ที่รับเอามาตรฐานความเป็นคนป่วยที่ถูกฝรั่งกำหนดขึ้น
นั่นคือการประกาศล่าสุดขององค์กรที่มีอำนาจทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา ที่ประสบความสำเร็จในการล็อบบี้นักการเมืองและผู้มีอำนาจให้ออกประกาศกำหนดมาตรฐานความเป็นคนป่วยโรคความดันโลหิตสูงครั้งใหม่ ซึ่งเพิ่งประกาศกันเมื่อไม่กี่วันมานี้
ที่ประกาศนั้นคือให้ถือว่าใครก็ตามที่มีความดันเกิน 130 ก็ถือว่าเป็นคนป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง แล้วก็จะถูกแนะนำให้กินยารักษาโรคความดันไปตลอดชีวิต โดยจะต้องเข้าตรวจรับการรักษาเป็นระยะๆ คือราว 2 เดือน ก็ต้องไปตรวจกันครั้งหนึ่ง
นี่คือมาตรฐานล่าสุดที่จะถือว่าใครก็ตามที่มีความดันเกิน 130 แล้วก็คือคนป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง และถ้ายอมรับมาตรฐานนี้กันเมื่อใด ชาวโลกถึงครึ่งหนึ่ง รวมทั้งคนไทยครึ่งประเทศ แม้กระทั่งคนอายุ 40 ปีขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงด้วยกันทั้งสิ้น นั่นหมายความว่าชาวโลกครึ่งหนึ่งก็จะป่วยด้วยมาตรฐานที่ถูกกำหนดให้ป่วยนี้
แต่ก่อนร่อนชะไรมาคนไทยเราไม่ได้เห็นว่าความดันโลหิตสูงนั้นเป็นโรค เพราะถือว่าเป็นไปตามวัย อายุ คือเมื่อคนอายุมากขึ้นเส้นเลือดก็ตีบแคบลงโดยลำดับ ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าใดความตีบแคบนี้ก็มีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามธรรมดาธรรมชาติ ยกเว้นบางคนที่กินอาหารที่มีลักษณะป้องกันหรือทำให้เส้นเลือดอยู่ยงคงกระพัน ไม่แคบ ไม่ตีบ ตามเวลาที่ควรเป็นไปตามปกติ
บางคนก็ไปกินพืชผักหรือสมุนไพรบางชนิดที่ทำให้เส้นเลือดไม่ตีบ ไม่ตัน และไม่แคบ ดังเช่นบางคนที่มีอายุ 90 กว่าปีหรือกว่าร้อยปีก็ยังมีความกระชุ่มกระชวยกระฉับกระเฉงอยู่ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าประเทศไทยของเราขาดไร้ซึ่งการค้นคว้าวิจัย และหามีผู้ใดสนใจที่จะศึกษาค้นคว้าว่าทำไมหรืออะไรที่เป็นเหตุทำให้ไม่เกิดเป็นโรคความดันโลหิตสูง อันเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นตามปกติตามวัย ซึ่งถ้าหากศึกษากันจริงจังและได้ข้อสรุปแล้วก็จะเป็นทางที่ทำให้สุขภาพผู้คนดีขึ้นและเป็นการช่วยเหลือ
มวลมนุษยชาติได้อย่างมาก
พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่าความเป็นไปในกายนี้มีสาเหตุแต่อาหาร ดังนั้นการที่คนจำนวนหนึ่งไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง และยังมีความกระชุ่มกระชวยกระฉับกระเฉงจนอายุเกิน 90 ปี หรือเกินร้อยปีย่อมมีสาเหตุมาแต่อาหาร อันควรได้รับการค้นคว้าหาข้อยุติหาความจริงให้ได้ ก็จะเป็นอาณาประโยชน์แก่มวลมนุษย์สืบไป
ครั้นฝรั่งคิดยารักษาโรคความดันโลหิตสูงได้ ก็มีการออกมาตรฐานการป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงในระยะแรกๆว่า ใครก็ตามที่มีความดันเกิน 150 ก็ถือว่าความดันโลหิตสูง ต้องเข้ารับการรักษาเยียวยาไปตลอดชีวิต ทำให้ยาแก้ความดันโลหิตสูงนั้นขายดิบขายดี จนผู้ผลิตร่ำรวยมั่งมีเป็นอัครมหาเศรษฐีและมีบทบาทอำนาจในทางการเมืองมากขึ้นตามระบอบการเมืองประชาธิปไตยแบบเฮงซวยที่ส่งออกกันทั่วโลก และบังคับให้ใครต่อใครนำระบอบนี้มาใช้อยู่ในขณะนี้
หลังจากนั้นไม่นานก็คงเห็นว่าการกำหนดมาตรฐานที่ 150 นี้ยังมีลูกค้าไม่มากพอ ยังรวยกันไม่ถึงใจ ดังนั้นจึงมีการล็อบบี้กันสารพัด จนในที่สุดก็มีการประกาศมาตรฐานการเป็นโรคความดันโลหิตสูงกันใหม่ คือที่ 140 หมายความว่าใครความดันโลหิตเกิน 140 ก็ถือว่าเป็นคนป่วยที่จะต้องได้รับการรักษาไปตลอดชีวิต
ล่าสุดก็คงเห็นว่ามาตรฐานความดันที่ 140 นั้นยังมีลูกค้าไม่ถึงครึ่งโลก จึงมีการขับเคลื่อนล็อบบี้และใช้วิธีการต่างๆ จนมีการประกาศมาตรฐานคนป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงใหม่ที่ 130
คราวนี้คงได้ผลแน่ เพราะถ้าประเทศใดยอมรับนับถือหรือใครยอมรับนับถือก็จะทำให้ประชากรครึ่งหนึ่งของประเทศนั้นคือคนที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปมีโอกาสที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงกันทั้งประเทศ
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศจะต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้ และเตรียมรับมือให้ดีเพราะในที่สุดก็จะมีแรงกดดันมาจากชาติมหาอำนาจและบริษัทผู้ผลิตยาที่มีอำนาจสารพัด รวมทั้งคนไทยที่มีใจเป็นทาสที่จะสมยอมกันยอมรับมาตรฐานนี้ แล้วก็จะชี้หน้าบอกทุกคนว่าใครมีความดันเกิน 130 คือผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง มีโอกาสที่จะตายด้วยเส้นเลือดตีบ เส้นเลือดแตก หัวใจวาย และสารพัดโรค
ดีไม่ดีอาจจะไม่บอกเหตุ แต่มีการจ่ายยา สั่งยา และนัดพบแพทย์เป็นระยะก็เป็นได้
ดังนั้นก็ต้องประกาศกันดังๆ ว่า “กูไม่เอากับมึง” และต้องบอกกล่าวคนไทยทั้งประเทศให้รู้ให้เข้าใจเรื่องนี้ และปฏิเสธมาตรฐานนี้ รวมทั้งช่วยกันชี้หน้าด่าแม่ใครก็ตามที่มาชักชวนให้คนไทยที่มีความดันโลหิตเกิน 130 ว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง
ด่ามันทั้งโคตรนั่นแหละ! เพราะถ้าใครหลงกลก็จะกลายเป็นทาสที่จะต้องจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล 60 วันต่อครั้ง จากนั้นก็จะเกิดโรคหัวใจ โรคไต โรคตับ และ
โรคเบาหวานติดตามมา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี