คำว่า “กะลาแลนด์” เป็นวาทกรรมอย่างหนึ่งที่รู้และเข้าใจกันว่า เป็นวาทกรรมของกลุ่มชังชาติกลุ่มหนึ่งที่มีความเกลียดชัง ดูถูก ดูหมิ่นประเทศชาติของตัวเอง เพราะเอาใจฝักใฝ่กับกลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองในระบบทุนสามานย์ ที่กำลังเผชิญหน้ากับชะตากรรมและสารพัดคดีที่กระทำกรรมไว้กับบ้านเมือง และถูกอำนาจแห่งความยุติธรรมลงโทษตามกฎแห่งกรรม
ก็เป็นธรรมดาและย่อมเข้าใจได้ว่า เมื่อไม่พอใจในสภาพที่เป็นอยู่เพราะสิ่งอันเป็นที่รักไม่ได้ดังหวังดังใจ ก็ย่อมต้องมีการแสดงออก และเมื่อพวกที่ไม่พอใจมีหลายคน ก็ต่างความคิดความอ่าน แล้วช่วยกันคิดอ่านสร้างสรรค์ก่อให้เกิดเป็นวาทกรรมชังชาติขึ้น รวมทั้งวาทกรรมอื่นๆที่แบ่งแยกคนไทยให้เป็นฝักฝ่าย ให้เป็นศัตรูคู่แค้นกัน ทั้งๆ ที่เป็นพี่น้องร่วมชาติเดียวกัน ไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆ ในทางผลประโยชน์หรือสิ่งอื่นใดเลย นอกจากการถือฝักฝ่ายที่ยึดมั่นถือมั่นกันเอาเองทั้งสิ้น
เมื่อกลุ่มชังชาติดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามชาติตนเองว่าเป็นกะลาแลนด์ อีกพวกหนึ่งที่มีความเห็นหรือสนับสนุนในทางตรงกันข้ามกันก็ไม่พอใจ และติเตียนการดูถูกชาติบ้านเมืองเช่นนั้น จนทำให้เกิดความบาดหมางกัน กระทั่งคนในครอบครัวเดียวกันหรือสถาบันการศึกษาเดียวกัน หรืออยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ก็มีความไม่พออกพอใจกันและกัน
ดังนั้นเมื่อนักเรียนสถาบันศึกษาแห่งหนึ่งถือป้ายใช้ถ้อยคำว่ากะลาแลนด์ จึงถูกตำหนิติเตียนจากคนอีกพวกหนึ่ง กว่าจะชี้แจงแถลงกันให้เข้าใจถึงที่มาที่ไป ไม่ได้มีเจตนาจะดูหมิ่นดูแคลนชาติบ้านเมือง ก็เกิดความคิดเห็นที่แตกแยกกันไปพักใหญ่แล้ว แต่ในที่สุดเมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน และความผูกพันฉันพี่น้องร่วมชาติเดียวกันก็คงทำให้คนทั้งหลายกลับมาผูกพันรักใคร่กันเหมือนเดิม
แต่นั่นก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงความคิดเห็นอันเป็นไปในบ้านเมืองปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องแก้ไขความขัดแย้งความแตกแยกเหล่านี้ และวิธีการนั้นก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการมีศูนย์รวมทางความคิดจิตใจอย่างเดียวกัน
ซึ่งทุกวันนี้ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งประเทศ ทรงเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นเงื่อนไขอย่างดียิ่งที่คนไทยทั้งหลายจะได้กลับมาสามัคคีสมานฉันท์กันอีกครั้งหนึ่งภายใต้พระบารมีแห่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ขณะนี้แม้จิตอาสาที่จัดตั้งขึ้นมีจำนวนมากกว่า 4 ล้านคน แต่ในความเป็นจริงนั้นคนไทยก็มีจิตใจเข้าร่วมกว่า 10 ล้านคนไปแล้ว ในหมู่คนที่เป็นจิตอาสา ก็เคยมีอดีตที่ต่างความคิดอ่าน ต่างสี ต่างพวก แต่เมื่อมาอยู่ใต้พระบารมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวกัน ก็มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สามัคคีกันทำคุณประโยชน์ใหญ่หลวงให้เกิดแก่บ้านเมืองและท้องถิ่น ที่อยู่ ที่กิน ที่อาศัยของคนไทยด้วยกัน
แม้ปานนั้นแล้ว วาทกรรมที่ว่ากะลาแลนด์ เมื่อเกิดขึ้นและเป็นปัญหาขึ้นแล้ว แม้จะเกิดความเข้าใจดีกันขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่ควรให้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นผ่านพ้นไป ควรจะนำปัญหาหรือเหตุนั้นมาพินิจพิจารณาเพื่อให้บังเกิดประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองให้สมกับปัญหาที่เกิดมาแล้ว ก็อย่าให้เป็นปัญหาอย่างเดียว ควรที่จะทำการให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองไปพร้อมกันด้วย
ตรองดูแล้วสภาพที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรานั้นก็อาจเข้าเค้าที่จะเป็นกะลาแลนด์ดังที่เขาว่านั่นแหละ แต่ไม่ใช่กะลาแลนด์อันเป็นวาทกรรมชังชาติ แต่เป็นกะลาแลนด์หรือประเทศไทยที่เชื่อมต่อกับใครไม่ได้ ไม่ทัดเทียมกับชาติอื่นๆ
เวลานี้หลายคนต่างคุยโวโอ้อวดว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของอาเซียน เป็นศูนย์กลางการบินของอาเซียน เป็นศูนย์กลางรถไฟของอาเซียน เป็นศูนย์กลางการคมนาคมของอาเซียน เป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาลของอาเซียน รวมความก็คืออะไรที่เกี่ยวข้องกับศูนย์กลางก็มาเหมารวมเอาหมด
ถ้าเป็นความหวังตั้งใจก็ไม่กระไรนัก แต่ถ้าเป็นแค่การคุยโวโอ้อวดโดยไม่มีความจริงรองรับแล้วย่อมไม่ต่างอันใดกับการผายลมที่มีแต่จะถูกดูหมิ่นเหยียดหยามร่ำไป แต่การถูกดูหมิ่นเหยียดหยามนั้นก็ยังไม่ร้ายเท่ากับความเสียหายของบ้านเมืองที่เกิดขึ้นจากการคุยโวโอ้อวดโดยที่ไม่มีมูลความจริง
ปัจจุบันนี้เป็นยุคสมัยแห่งการเชื่อมต่อ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อระบบคมนาคมเพื่อให้ประชาชนได้ไปมาหาสู่ถึงกันโดยรวดเร็วและปลอดภัย เพื่อให้การท่องเที่ยวและการค้าขายระหว่างประเทศเชื่อมต่อถึงกันได้โดยสะดวกรวดเร็วและมีต้นทุนที่ถูกที่สุด ซึ่งเขาทำกันทั้งโลก
เขากำลังเชื่อมต่อการคมนาคมทั้งทางบกและทางทะเลกันทั่วทั้งโลกอย่างคึกคัก ในแต่ละวันจะมีรายงานข่าวความคืบหน้าของการเชื่อมต่อต่างๆของประเทศต่างๆ ทำให้เห็นถึงความเจริญก้าวหน้าและโอกาสของชาติต่างๆ ที่จะได้รับจากการเชื่อมต่อเหล่านั้น
ในกลุ่มอาเซียนซึ่งมี 10 ประเทศนั้น แบ่งออกเป็นอาเซียนตอนบน 5 ประเทศ คือ พม่า ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งมีประชากรรวมกันประมาณ 300 ล้านคน และประเทศอาเซียนตอนล่างซึ่งมีอยู่ 5 ประเทศเช่นเดียวกัน คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีประชากรรวมกันราว 350 ล้านคน โดยฟิลิปปินส์นั้นเป็นเกาะแยกไกลออกไป จะเชื่อมต่อกับการคมนาคมหลักของโลกได้ก็แต่โดยทางเรือและทางเครื่องบินเท่านั้น
ในกลุ่มประเทศอาเซียนตอนบนนั้นเขาเชื่อมโยงกันโดยมีจีนเป็นศูนย์กลาง และมีจุดเชื่อมอยู่ที่คุนหมิง จากย่างกุ้ง ของพม่า ด้านบนก็ไปเชื่อมกับจีนที่คุนหมิง ด้านล่างก็เชื่อมไปทางตะวันตกถึงอินเดีย และมาอีกทางหนึ่งคือทวาย ของพม่า
จากคุนหมิงอีกสายหนึ่งก็เชื่อมกับเวียดนามที่ฮานอย และโยงลงล่างมาที่โฮจิมินห์ซิตี้ แล้วไปเชื่อมกับเขมรที่สีหนุวิลล์ และไปออกท่าเรือน้ำลึกที่อ่าวไทย
จากคุนหมิงอีกเส้นหนึ่งก็มาเชื่อมกับลาวที่เวียงจันทน์ โดยมีแนวเส้นทางเชื่อมจากเวียงจันทน์ มายังหนองคายของประเทศไทย ระยะทางราว 16 กิโลเมตร และจากหนองคายก็เชื่อมมาทางโคราช กรุงเทพฯ และเชื่อมต่อไปยังปาดังเบซาร์ สู่มาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย โดยมีเส้นทางแยกจากสระบุรี ไปยังแหลมฉบังและมาบตาพุดอีกเส้นหนึ่ง
ทั้งสามเส้นทางนี้คือเส้นทางเชื่อมอาเซียนกับโลก โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองคุนหมิง ของจีน ซึ่งประเทศไทยก็ได้เข้าร่วมการเชื่อมต่อเหล่านี้มาตั้งแต่ต้น แต่ถูกทำลายล้างลงไปหมดสิ้นแล้ว และมีท่าทีชัดเจนแล้วว่าไทยจะไม่เชื่อมต่อกับเส้นทางที่จะเชื่อมต่อไปยังหนองคายและเวียงจันทน์ ทั้งจะไม่ใช้ระบบที่เขาเชื่อมต่อกัน ดังนั้นประเทศไทยจึงหมดโอกาสที่จะเชื่อมต่อกับเส้นทางหลักของโลก
นอกจากเส้นทางดังกล่าวแล้วก็ยังมีจุดเชื่อมต่อสำคัญอีกจุดหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อทางน้ำผ่านแม่น้ำโขงเชื่อมโยงกับ 6 ประเทศ ที่มีประชากรรวมกัน 2,000 ล้านคน คือไทย จีน พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม โดยไทยตั้งอยู่ที่กลางน้ำและเป็นศูนย์การคมนาคมของเส้นนี้
ทั้ง 6 ประเทศ ได้ทำความตกลงร่วมกันที่จะพัฒนาเส้นทางเดินเรือทางแม่น้ำโขงให้รองรับเรือท่องเที่ยวขนาดยักษ์และการขนส่งสินค้าทางเรือระวางขับน้ำ 500-1,000 ตัน ได้ ในการนี้จะต้องขุดลอกเกาะแก่งในแม่น้ำโขงซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศลาวเป็นส่วนใหญ่ และจีนจะเป็นเจ้ามือออกทุนและใช้เทคโนโลยีในการขุดลอก
ทุกประเทศเขาร่วมมือดำเนินการอย่างขมีขมัน และเตรียมการด้านท่าเรือที่จะรองรับเรือท่องเที่ยวขนาดยักษ์และเรือขนส่งสินค้าระวางขับน้ำ 500-1,000 ตัน แต่ไทยเราก็ไปเบี้ยวเขาอีก โดยให้กลุ่มสมุนต่างชาติไปคัดค้านขัดขวางจนไม่สามารถขุดลอกเกาะแก่งแม่น้ำโขงที่ติดกับประเทศไทยได้
ทั้ง 5 ประเทศ ที่เหลือเขาจึงตัดสินใจใช้ทางน้ำผ่านทางลาวที่หลวงพระบาง เข้าสู่เวียดนาม และกัมพูชา โดยที่ไม่ต้องผ่านประเทศไทย ดังนั้นประเทศไทยจึงสูญเสียโอกาสในการเชื่อมต่อด้านการท่องเที่ยวและการค้าทางด้านแม่น้ำโขง ซึ่งมีประชากร 2,000 ล้านคน
โดยสภาพดังกล่าวนั้น ประเทศไทยก็เหมือนกับถูกกะลาครอบไว้ คือไม่สามารถเชื่อมต่อกับประเทศอื่นใดได้นอกจากการขนส่งทางอากาศ ซึ่งจะแข่งขันกับชาติอื่นไม่ได้ และอีกทางหนึ่งที่เหลือก็คือรูของกะลาที่ท่าเรือแหลมฉบังและมาบตาพุด
ในขณะที่ชาติอาเซียนอื่นๆ เขาสามารถเชื่อมโยงการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการขนส่งทางบกโดยทางรถไฟถึงกันได้อย่างรวดเร็ว สะดวก แต่ไทยเราจะติดต่อกับใครไม่ได้ เหลืออยู่เพียงรูเล็กๆ เหมือนกับรูของกะลาคือการขนส่งทางเรือ จากท่าเรือแหลมฉบังและมาบตาพุด
สภาพอย่างนี้แหละอาจเรียกว่าเป็นกะลาแลนด์! แล้วใครต้องรับผิดชอบที่ทำให้ประเทศไทยมีสภาพเป็นกะลาแลนด์เช่นนี้?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี