ในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติทางการเมืองการปกครอง เพราะผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารปกครองเป็น “คนไม่ดี” ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกันไปทั่วหน้า ท่ามกลางความสุขความเปรมปรีดิ์ของผู้ปกครองนั้น ถ้ารู้จักคิดและปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งให้ไว้เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ.2511 ที่ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ในงานพิธีเปิดชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 6 ซึ่งมีความดังต่อไปนี้ว่า
“...ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดีหากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...”
เป็นพระบรมราโชวาทที่ได้ยินได้รับฟังกันมาบ่อยครั้งโดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติทางการเมืองการปกครอง เพราะผู้มีอำนาจในการบริหารปกครองบ้านเมืองเป็นคนไม่ดี ประชาชนได้รับความเดือดร้อนไปทั่วหน้า ท่ามกลางความสุขอิ่มหนำสำราญของผู้ปกครอง ที่ได้อำนาจมาใช้เพื่อประโยชน์ตนและพวกพ้อง ทุจริตคดโกงอย่างไม่ละอายใจตนเองด้วยวิธีการต่างๆเพราะคิดว่ามีอำนาจและจะทำอย่างไรก็ได้ อย่างเหตุการณ์ที่ผ่านมาในบ้านเราหลายครั้งหลายหน คนไม่ดีที่มีอำนาจอย่างนี้เป็นคนที่ต้องมีการควบคุม ไม่ให้มีอำนาจในการบริหารปกครองบ้านเมือง ดังพระบรมราโชวาทดังกล่าว
รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารต้องสำนึกในเรื่องนี้
จะจัดหาคนมาแต่งตั้งต้องรู้จักว่าเป็นคนดีหรือไม่ดี
โดยเฉพาะในการแต่งตั้ง โยกย้าย สับเปลี่ยนหน้าที่ หรือการปรับคณะรัฐมนตรี ในการบริหารปกครองบ้านเมืองในแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะฝ่ายไหน
เพราะการได้อำนาจไปใช้นั้น ไม่ว่าจะอยู่ในฝ่ายบริหารหรือในฝ่ายนิติบัญญัติ ถ้าได้คนดี บ้านเมืองก็จะดีตาม แต่ถ้าผู้ใช้เป็นคนไม่ดี บ้านเมืองก็จะไม่ดีตาม และอาจเกิดเรื่องวุ่นวาย หรือเกิดความเสียหายขึ้นมาอีกได้ ไม่รู้จักจบจักสิ้น
เพราะฉะนั้น พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ดังที่อัญเชิญมาให้ได้รับรู้หรือรับฟังกันอีกครั้งหนึ่งในวันนี้ จึงเป็นข้อเตือนใจที่ดีที่สุดในขณะนี้
ของรัฐบาลที่ได้อำนาจรัฐมาจากการรัฐประหาร ครั้งนี้
โดยเฉพาะในการปรับปรุงรัฐบาล เปลี่ยนแปลงตัวบุคคลในตำแหน่งหน้าที่ต่างๆที่เกิดขึ้น
มาตรฐานสำคัญยิ่งประการหนึ่งขอดูว่าใครเป็นคนดี ใครเป็นคนไม่ดีนั้น ให้ดูเรื่อง “คุณธรรมและจริยธรรม” ของคนผู้นั้นว่าเป็นอย่างไรในการประพฤติและปฏิบัติ และต้องดูอย่างต่อเนื่องจากอดีตที่ผ่านมาด้วยว่าเป็นอย่างไร ไม่ใช่ดูเฉพาะปัจจุบันอย่างเดียว เพราะผู้คนสมัยนี้แปรรูปเปลี่ยนร่างได้ตามยุคสมัย
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ให้ความหมายของคำว่า “คุณธรรม” ไว้ว่าหมายถึง “สภาพคุณงามความดี” ของอุปนิสัยและการประพฤติตนว่าเป็นอย่างไร ดำรงตนอยู่ในกรอบของกฎหมายและศีลธรรมเพียงใด เป็นผู้รับผิดชอบต่อหน้าที่การงานและต่อสังคมอย่างไร และเป็นผู้ที่ยึดมั่นในความถูกต้องเพียงใด
และพจนานุกรมฉบับเดียวกันนี้ก็ได้ให้ความหมายคำว่า “จริยธรรม” ไว้ด้วยว่าเป็น “ธรรมที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติ” ซึ่งก็คือกฎต่างๆทางศีลธรรมนั่นเองที่กำหนดไว้ให้ยืดถือ
คุณธรรมและจริยธรรมจึงเป็นความดีประการหนึ่งในการวัดคนว่าเป็นคนดีหรือคนไม่ดี หากผู้มีหน้าที่ในการทำงานให้บ้านเมืองปฏิบัติหน้าที่โดยละอายต่อการกระทำบาปและเกรงกลัวต่อความชั่ว ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ก็ย่อมส่งผลดีต่อบ้านเมืองและประชาชน สมควรได้รับการยกย่อง ไปไหนมาไหนมีคนยกมือไหว้
การพิจารณา สรรหา กลั่นกรองหรือแต่งตั้งบุคคลใดเข้าสู่ตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจรัฐ รวมทั้งการโยกย้าย การเลื่อนตำแหน่ง การเลื่อนเงินเดือน และการลงโทษต้องเป็นไปตามระบบคุณธรรม และคำนึงถึงพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลดังกล่าวด้วย
ไม่ใช่เอาแต่เรื่องของรุ่นมากำหนด หรือเอาความเกรงอกเกรงใจในเรื่องเพื่อนพ้องน้องพี่ หรือสถาบันการศึกษาเดียวกันมาช่วยเหลือสนับสนุนกัน อย่างที่ทำกันอยู่และเห็นกันอยู่อย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่คำนึงถึงความไม่ดีในสิ่งที่เคยประพฤติปฏิบัติมาก่อนของบุคคลผู้นั้น ไม่ว่าจะในที่ลับไม่มีใครทราบหรือในที่เปิดเผยที่ผู้คนลืมไปแล้ว ซึ่งสิ่งต่างๆดังกล่าวนี้จะนำมาซึ่งความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจของสังคมตามมาแน่นอน
ใครบ้างที่เคยทำเรื่องไม่ดีไว้ในทางที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมมาก่อนในอดีต โดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตนในขณะนั้นกระทำการในทางที่ตนได้ประโยชน์ เฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเงินๆทองๆอย่างไม่สุจริตนั้น อย่าคิดว่าสังคมไม่รู้
หมู่คณะจะตก “หลุมดำ” โดยไม่รู้ตัว
โดยเฉพาะ “หลุมดำทางการเมือง” ที่ผู้บริหารปกครองบ้านเมืองในยุคก่อนๆที่ผ่านมาหลายต่อหลายคณะได้เคยตก “หลุมดำ” อย่างว่านี้มานักต่อนักแล้ว ยังนอนเลียแผลอยู่ในขณะนี้ก็มี
เนื้อที่หมดพอดี ไปว่ากันคราวหน้าก็แล้วกัน
(อ่านต่อวันอังคาร)
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี