ไม่เปลี่ยนแนวทาง-ไทยก็ไม่มีทางดีขึ้น
เรียน คุณวิภาวดีฯ ที่นับถือ
ไม่เปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ–ไม่เปลี่ยนความคิดเรื่องการเมือง-ไม่ยกเครื่องระบบราชการ : ประเทศไทยก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า “เลือกตั้งมาก่อนการปฏิรูป” ไม่แตกต่างกับสถานการณ์ปี’57 ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยืนยันจะจัดเลือกตั้งใหญ่ก่อนมีการปฏิรูป ส่งผลให้มวลมหาประชาชนรวมกำลังขับไล่ จนต้องเกิดรัฐประหาร จากวันนั้นถึงวันนี้ ประเทศไทยก็ยังเหมือนเดิม ตั้งแต่หวยแพงจนถึงทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะยังไม่มีการปฏิรูปใดๆ เกิดขึ้น แม้แต่ปฏิรูป สตช.ที่จะต้องเสร็จสิ้นก่อน 6 เมษายน 2561 เพราะเมื่อประเมินผลงานที่ผ่านมา ก็คงจะได้คำตอบแล้วว่า เอนพอยท์ก็คือ “ปาหี่” เท่านั้น
ระบบเศรษฐกิจที่ระบอบทรราชนำมาใช้บริหารประเทศคือ “ประชานิยม” ที่วันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “ประชารัฐ” แบบเดียวกับ “อี กลอย” มีผัวนายร้อยก็เปลี่ยนเป็น “แรมจันทร์” ทั้งที่ประชานิยมนั้นหวังผลทางการเมืองมากกว่าแก้ไขปัญหาและสร้างความรุ่งเรืองมั่นคงแก่ประเทศไทย แต่เมื่อคุณสมชายเลือกหัวหน้าทีมเศรษฐกิจมาจากระบอบทรราชและดูเหมือนเป็นต้นคิดเรื่องประชานิยมด้วย ทำให้นาวาสามแป๊ะเลือกใช้วิธี “โปรยทาน” แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เมื่อเงินฝืดก็แก้ด้วยการทุ่มเงินลงมาหนึ่งก้อน ซึ่งจะไหลกลับไปยังที่มาหรือแหล่งเงินทุนหรือธนาคารที่รัฐกู้มา ดังนั้น
การแก้ไขแบบนี้จึงเป็นการช่วยคนรวยมากกว่าแก้ปัญหาความยากจน โดยเฉพาะเมื่อยังมีเจตนาไม่ตรงไปตรงมา เพราะการแจกแท็บเลตหรือซิม ก็ไม่แตกต่างกันเลย ดังนั้นต้องยอมรับว่านโยบายนี้บกพร่องโดยสุจริตเหมือนกัน
ศาสตร์พระราชาที่คุณสมชายนำมาถ่ายทอดให้ประชาชนปฏิบัติตามนั้น ดูเหมือนนาวาสามแป๊ะมิได้ทำตามเลย และดูเหมือนจะถือเข็มทิศในทิศตรงข้ามด้วยซ้ำ เพราะวิธีแก้ไขที่ทีมเศรษฐกิจนำมาใช้ทุกครั้งคือ “ประชานิยม” มิใช่ความพอเพียงหรือพอดี แบบทางสายกลาง แต่เป็นสายสุดโต่งที่สร้างความขัดแย้งมากกว่าปรองดอง ทำให้ความปรารถนาของคุณสมชายที่เรียกร้องการปรองดองเพราะตั้งโจทย์ว่า “คนไทยทะเลาะกัน” จึงไม่สมปรารถนา ความจริงที่ได้รับการพิสูจน์และยอมรับมานับพันปีคือ “ทางสายกลาง” หรือความพอดีที่มาจากความรู้จักพอ อิ่มแล้วต้องหยุดกิน เพราะกินต่อก็ต้องอ้วก ดังนั้นเมื่อกินจนล้นกระเพาะแล้ว จะกระตุ้นด้วยเมนูเลิศรสก็ไม่มี “แอพพิตุ๊ด” เช่นกันสภาวะทุพโภชนาการของทารกในทวีปแอฟริกาที่ประสบปัญหาขาดแคลนอาหารเพราะสงคราม เมื่อได้รับความช่วยเหลือก็ไม่สามารถแก้ทุพโภชนาการได้ เพราะร่างกายปฏิเสธอาหาร ด้วยขาดแคลนจนต้องปรับตัวทำให้หยุดการเจริญเติบโต ขณะที่คนจนยังกินไม่อิ่มท้อง แต่รัฐแจกแท็บเลตแจกซิมจะช่วยให้หายหิวอย่างไร ถ้านาวาสามแป๊ะยังดันทุรังเดินหน้าประชานิยม ในไม่ช้านาวาสามแป๊ะต้องเกยหินโสโครกใต้น้ำแน่
ความคิดเรื่องการเมืองที่ยังตั้งโจทย์ว่า “ทำอย่างไรให้ชนะการเลือกตั้ง” ตามมาด้วยระบบโควตาและทำอย่างไร ไม่ให้อดอยากปากแห้งเพราะต้องเป็นฝ่ายค้านนั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพราะความคิดเช่นนี้ แสดงว่า “การเมืองยังมิใช่จิตอาสา” แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของพรรคและนักการเมือง ไม่ว่าปู่จะเป็นหุ่นกระบอกของ “ทรูฟ” หรือไม่ แต่รัฐธรรมนูญที่ไร้การถ่วงดุล มอบอำนาจให้ฝ่ายบริหารมากเกินจำเป็นนั้น มิใช่วิธีพัฒนาการเมืองไทยให้เป็นเรื่องจิตอาสาได้แน่นอน โดยเฉพาะยังมีระบบอุปถัมภ์เป็นเสาหลักการเมือง เกณฑ์สูงลิบลิ่วที่ปู่กำหนดสำหรับกรรมการองค์กรอิสระ ก็มิใช่หลักประกันว่าจะทำให้องค์กรนั้นเที่ยงตรง เพราะสเปกสูงลิ่วเกินยอดตาล ก็มิใช่หลักประกันว่า คนผู้นั้นจะเป็นคนซื่อตรง เพราะแม้แต่นายกรัฐมนตรี,เจ้าคุณฯก็ยังโกง แล้วทำไมประธานองค์การอิสระจะไม่โกง แท้ที่จริงแล้ว เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า เป็นเจตนาแต่งตั้งคนที่สามารถสั่งการได้ ก็เพื่อให้ตัดสินว่าผิดเป็นถูก หรือเป็นการเตรียมผงฟอกขาวไว้ใช้ในอนาคตเท่านั้น
เช่นเดียวกับการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรทางการเมืองล่วงหน้า ไม่ว่านาวาสามแป๊ะเวอร์ชั่น 5.0 จะมีรมต.ร่วมคณะที่เคยร่วมคณะกับทรราชมาแล้วหรือไม่ก็ตาม แต่เรื่องบ่อนสายตะกูและลิขสิทธิ์โมโตจีพีที่รัฐออกให้เอกชนนั้น บ่งบอกว่ามีการเตรียมจัดตั้งพันธมิตรทางการเมืองจริง ซึ่งไม่แตกต่างอะไรกับกลุ่มพันธมิตรการเมืองหลังเลือกตั้งหลังปลดล็อกของบิ๊กบัง เพียงแต่ครั้งนี้พรรคนาวาสามแป๊ะไม่ยอมมอบอำนาจให้ ปชป.เท่านั้น แสดงว่าความคิดเรื่องการเมืองยังมิได้มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นประเทศไทยก็ยังต้องพบกับเรื่องระบบโควตา การถอนทุนอย่างแน่นอน
ถ้าระบบราชการไม่ถูกยกเครื่องก็หมายความว่า ข้าราชการยังต้องเป็นขี้ข้านักการเมืองต่อไป การแก้ปัญหาของปู่ที่เพิ่มโทษทัณฑ์ข้าราชการที่ร่วมขบวนการการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่นนั้น มิใช่วิธีการแก้ไขที่ถูกต้อง เพราะถ้ารมต.ขี้ฉ้อ สั่งด้วยวาจาให้ทุจริต ถ้าข้าราชการปฏิเสธ ก็มีโอกาสจะหลุดออกจากระบบราชการสูงมาก แต่ถ้าตอบสนองความต้องการ รมต.อย่างน้อยก็สามารถอยู่ในระบบได้ต่อไป แล้วยังสามารถ “อีท ฟอลโล่ วอเตอร์” และถ้าการเมืองสามานย์ยังมีอำนาจ โอกาสเติบใหญ่ในระบบราชการก็มีสูง อ้างอิงการเลี้ยงต้อยของนักการเมืองพรรคมังกือสุพันที่เลือกคุมกระทรวงเดียวตลอดเมื่อมีอำนาจวาสนา ดังนั้น “วัวเคยค้าม้าเคยขี่” จึงได้ดิบได้ดี แม้เมื่อพรรคมังกือสุพันไม่ได้ครอบครองอำนาจ จะถูกดองหรือโยกย้ายไปที่อื่น แต่เมื่อพรรคมังกือสุพันได้กลับมาครองอำนาจในกระทรวงอีก ก็จะได้รับปูนบำเหน็จ ทำให้ข้าราชการตกเป็นสัตว์เลี้ยงของนักการเมืองโดยตลอด
ทุกๆ เรื่องที่เป็นปัญหาจำเป็นต้องแก้ไข และการถ่วงดุลอำนาจที่ประชาชนมีส่วนร่วม จะทำให้การใช้อำนาจในทางที่ผิด เกิดขึ้นได้ยาก แต่เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 นี้ เทอำนาจให้ฝ่ายบริหารที่เคยสร้างความเสียหายแก่ประเทศไทย และยังกำลังจะมีส่วนร่วมอำนาจบริหารในอนาคต ก็หมายความว่า “ประเทศไทยยังไม่พ้นวังวนการเมืองอุบาทว์”
นายกำจร
ตอบ นายกำจร
3 ปีกว่าภายใต้รัฐนาวาสามแป๊ะ จะว่าประเทศไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างเลย ก็ออกจะมองโลกแง่ลบเกินไป แต่ถ้ามองกันที่ความเป็นจริงไม่ “โลกสวย” หรือหลงใหลคุณสมชายแบบไม่ลืมหูลืมตา ก็ต้องยอมรับอีกเหมือนกันว่า รัฐนาวาสามแป๊ะยังบริหารประเทศได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะกับความคาดหวังสูงของมวลมหาประชาชนที่ต้องการให้ “ปฏิรูปประเทศชาติ” อย่างแท้จริง ส่วนเรื่องปฏิรูปก่อนเลือกตั้งนั้น โดยส่วนตัวผมไม่เคยคิดว่าจะทำได้เต็มร้อย เพราะการปฏิรูปอย่างไรเสียก็ต้องใช้เวลานาน เพียงแต่ขอให้เน้น “แนวทางปฏิรูป” ที่มันชัดเจน และมุ่งมั่นเดินหน้าตามนั้นอย่างจริงจัง ซึ่งจุดนี้คุณสมชายยังไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ นับเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง ทำให้เมื่อจะต้องมีการเลือกตั้งตามโรดแมปแล้ว สิ่งที่เป็นวงจรอุบาทว์เดิมๆ จึงอาจจะย้อนกลับมาอย่างที่คุณและใครหลายๆ คนกลัว ก็เป็นไปได้
วิภาวดี หลักสี่
ครม.+เฉยไว้น่า อย่ากวนโอ๊ย
เรียน คุณวิภาวดี หลักสี่ครับ
ครม.
ค.ใครนะสะดุดหลุดจากโผ มีใครโผล่มาแทนขึ้นแท่นหนา
เราคนดูอยู่ยั้งยังพารา ต้องตั้งตาคราถึงซึ่งวันนั้น
ร.รวมหมู่สู้ตายชายหรือหญิง เข้ามาอิงพิงพักปักสร้างสรรค์
ต้องตั้งตาคราถึงซึ่งพบพลัน คงเป็นวันฉันเห็น เย็นฉ่ำทรวง
ม.ม่วนไหมในคณะคุณคะขา มวลเสนาฯมาสู่ ชูโชติช่วง
จริงหรือเปล่าเหล่าประชากล้าเดินควง สุขหรือทุกข์ บุกตวงไทยปวงชน
ครม.ย่อไว้ ใครร่วมม่วน สร้างเสสรวลชวนชื่น รื่นท่วมท้น
จักได้รับสรรเสริญ เอิ่นน่ายล แต่ถ้าพ้นฅนร่วมม่วน ถูกรวนเอย
รัตน์ ทะเลแก้ว
เฉยไว้น่า อย่ากวนโอ๊ย
คนทำดีมีน้ำใจกลับไม่ชอบ เลยโต้ตอบมอบหมิ่น ยินแล้วหม่น
ช่างต่างจิตต่างใจในบางคน ดีไม่พ้น บ่นนินทา แหมน่าชัง
มือไม่พายอย่าส่ายเท้าราน้ำ ของมิต่ำ ดำมิใช่ ใยไขพลั้ง
ดูตนเอง เฮงหรือซวย น่าขวยจัง ทำอะไรมั่ง นั่งแต่โม้ โชว์เรี่ยดิน
อยู่เฉยเฉยดีกว่ามาสาธก อย่ามาถก ทำยุ่ง ปรุงหมองหมิ่น
อย่ามาทำอ้าเอ่ยเปรยราคิน อย่าทำดิ้นอย่างไส้เดือนเหมือนเถ้าทา
จะไม่ข้องไม่เกี่ยว เหนี่ยวนะนี่ แต่ได้คิดอีกที บี้ดีกว่า
จงหยุดยั้งคลั่งดำริผลิวาจา เฉยไว้น่า อย่ากวนโอ๊ย เดี๋ยวโบยนะ
“ตูน”อย่าสนคนที่เขาที่เห่าหอน “ตูน”จงป้อนแต่พลังขลังสมถะ
“ตูน”จงก้าวต่อไปไม่ลดละ พวกกักขฬะนะเรา จะเผาเอง
ชิชะ ชัด
wvvipawadee1@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี