ในการพบปะกับชาวต่างชาติทั้งในและนอกประเทศจากหลากหลายวงการ มักจะได้รับคำถามว่าเมื่อไรเมืองไทยเราจะกลับไปมีการเลือกตั้ง(ในระบอบเสรีประชาธิปไตย) เพราะชาวโลกเขาต่างคิดว่า ผู้คนชาวไทยคงกระตือรือร้นในการที่จะไปใช้สิทธิพลเมืองอย่างเร่งรีบแข็งขันกระมัง
ซึ่งผมก็ให้คำตอบไปว่า สังคมไทยโดยทั่วๆ ไปไม่ได้รู้สึกจะรีบเร่งไปกับการกลับมาของการเลือกตั้งในระบอบเสรีประชาธิปไตย โดยชนชั้นกลางไปจนถึงชนชั้นสูงรวมประมาณ 4-5 ล้านคน ที่เป็นผู้เสียภาษีรายได้ (personal income tax) ต่างก็ดูเฉยๆ กับการเลือกตั้ง และกลับจะดูพึงพอใจกับความสงบของบ้านเมืองเสียมากกว่า โดยเฉพาะบนท้องถนนที่ปราศจากการประท้วงใดๆ หรือนัยหนึ่งพึงพอใจหรือรับได้กับสภาวะของฝ่ายทหารปกครองบ้านเมืองแบบเผด็จการ เนื่องจากส่งผลให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพมีความสงบเรียบร้อย
อีกทั้งเมื่อเทียบกันระหว่างผู้นำประเทศในเครือแบบทหารกับผู้นำประเทศที่เป็นนักการเมืองมาจากการเลือกตั้งแล้ว ผู้นำทหารการเมืองดูดีกว่าเยอะ โดยเฉพาะคนที่ชื่อว่า พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ดูตรงไปตรงมา ไม่มีนอกมีใน เป็นกันเอง ฉุนง่ายหายเร็ว คละระคนกับการพูดจาโผงผาง ระคนกับลูกเล่นโปกฮา ดูไม่มีพิษมีภัย ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มีชั้นเชิงแล้วยังดูสดกว่าบรรดานักการเมืองเก๋ากึ๊กทั้งหมดทุกคนอีกต่างหาก
อีกทั้งชาวไทยยังรู้สึกเจ็บปวด ผิดหวัง กับบรรดานักการเมืองอาชีพว่า พวกนี้มัวแต่ “เล่นการเมือง” มิได้ทำงานการเมืองเพื่อบ้านเมืองอย่างจริงจัง แถมยังคล้อยตามไปกับคำป่าวประกาศของผู้นำทหารการเมือง และบรรดาลิ่วล้อและกองเชียร์ในวงการต่างๆ ว่า ประเด็นปัญหาของบ้านเมืองทั้งหมดนั้นต้นเหตุและมูลเหตุมาจากพวกพรรคและนักการเมืองนี่เอง
นั่นก็เลยทำให้ผู้คนยังทำใจไม่ได้ที่จะได้เห็นหน้าเห็นตาพวกนักการเมืองกลับมาในสนามการเมืองในเร็ววันนี้อีก
นอกจากนั้น บรรดาชนชั้นนักการเมืองทั้งหลายของไทย (The Political Class) ก็ยังมิได้ปรับปรุงตนให้เป็นที่น่าเชื่อถือ ยังไม่คิดตีคืนภาพลักษณ์ภาพพจน์ที่สูญเสียไป และยังไม่มีการปฏิวัติปฏิรูปภายในองค์กรของตนเองแต่อย่างใด โดยเฉพาะการทำพรรคของตนเองให้เป็นประชาธิปไตยและทันสมัย โดยจะมีข้อบังคับจากกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่ ก็ไม่สำคัญ เพราะพรรคต้องเป็นของประชาชน และสมาชิกต้องมีซุ่มมีเสียงอยู่แล้วเป็นสากล
นอกจากนั้น แรงกดดันจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกาให้ฝ่ายกองทัพคืนประชาธิปไตยก็ไม่มี เพราะประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศว่า ประเทศใดๆ ก็ต้องจัดการบ้านช่องของตนเอง มิใช่หน้าที่ของสหรัฐ และในวันนี้ สหรัฐฯสนใจแต่เรื่องการร่วมมือกัน ในเรื่องที่สหรัฐเห็นว่าสำคัญต่อสหรัฐฯ ส่วนยุโรปโดยเฉพาะสหภาพยุโรปก็มีปัญหาภายในมากมาย ก็ไม่มีใจจะมากดดันในเรื่องประชาธิปไตยของไทยอย่างเช่นในอดีต
ผู้นำฝ่ายกองทัพทางการเมืองไทยก็เลยอยู่ในสถานะสบายอกสบายใจ เนื่องจากไม่มีแรงกดดันทั้งจากภายในและจากภายนอก แถมยังมีจีนคอยสนับสนุนและเป่าหูว่า ระบบพรรคเดียวเผด็จการนั้นแสนดีสำหรับประเทศ ฝ่ายผู้นำไทยก็ได้ใจและมีกำลังใจว่า ฉะนั้นก็จะอยู่ในอำนาจต่อไป หรือมีอิทธิพลทางการเมืองต่อไป จะไม่ได้ด้วยเลห์ ก็เอาด้วยกลไปตามเรื่อง
ผู้ที่มีอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตยของไทย ก็เลยตกอยู่ในสถานะน้ำท่วมปาก ค่อนข้างจะโดดเดี่ยว หงอยเหงา เพราะสังคมชนชั้นกลางและสูง รวมทั้งปัญญาชนและข้าราชการ ต่างยังพึงพอใจกับสถาบันอภิสิทธิ์ชน และการได้เป็นส่วนหนึ่งของอำนาจฝ่ายเสรีประชาธิปไตยพูดอะไรเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพไปก็ไม่มีใครฟัง ไม่มีคนสนใจ เพราะผู้นำชนชั้นและชาวบ้านทั่วไปต้องการความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองนั้น จะเกิดได้เพราะมีรัฐบาลทหารเท่านั้น ขืนปล่อยให้นักการเมืองกลับมา ก็คงเกิดการสู้รบตบมือกันจนวุ่นวายเช่นที่เคย ก็เลยไม่ตื่นตัวไม่รีบร้อนอยากจะให้เกิดการเลือกตั้งอย่างที่ชาวต่างชาติเขาสงสัยกันอยู่
การณ์ก็ดูว่า ฝ่ายกองทัพก็จะคงอำนาจบริหารประเทศไปเรื่อยๆ การปฏิรูปการเมืองสู่สังคมเสรีประชาธิปไตยก็คงไม่เกิดขึ้นจริงจัง แต่ก็ขอสะกิดเตือนกันนิดว่า ในอดีต ในประวัติศาสต์การเมืองที่ผ่านๆ มาของประเทศทั้งหลาย ได้พิสูจน์แล้วว่าอำนาจนิยมนั้นไม่ได้ยั่งยืน
ดังนั้นที่รับปากอะไรไว้กับประชาชน จะปฏิรูปอะไร จะทำสิ่งใด ที่ทำให้ประชาชนเขามีความสุขความสงบแบบยั่งยืน ก็รีบๆ ลงมือทำให้สำเร็จเสร็จสิ้นเข้าเถิด อย่ามัวชะล่าใจ ปล่อยให้วันเวลาผ่านไปเปล่าๆ ปลี้ๆ เพราะเวลามันไม่คอยท่า และแม้ในวันนี้ ประชาชนเขาไม่รีบจะไปเลือกตั้งก็จริง แต่เขาก็ยังอยากได้ผลการปฏิรูปประเทศที่สัญญาเอาไว้แต่ครั้งที่อาสาเข้ามาใหม่ๆ และมูลค่าความคาดหวังของประชาชนนั้น มักเป็นสิ่งคาดการณ์ไม่ได้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี