กรณีที่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มเครือข่ายคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอำเภอเทพา จังหวัดสงขลากับฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะที่กลุ่มเครือข่ายประชาชนกำลังเดินขบวนเพื่อไปยื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัญจรที่จังหวัดสงขลา และนำไปสู่การจับกุมเครือข่ายภาคประชาชนกว่า 10 คนจนลุกลามบานปลายเมื่อองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ตลอดจนกลุ่มพลังประชาชนหลายกลุ่มเรียกร้องให้รัฐปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมทั้งหมดอย่างไม่มีเงื่อนไข
เครือข่ายคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินถูกดำเนินคดีส่งฟ้องต่อศาล ซึ่งศาลอนุญาตให้ประกันตัวเป็นอิสระ ซึ่งแม้การรวมตัวของเครือข่ายคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินครั้งนี้จะทำผิดกฎหมายเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะและปะทะจนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ แต่รัฐควรรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวเพราะรู้กันอยู่ว่าเครือข่ายคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกลุ่มนี้ไม่ใช่กลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีเป้าหมายแอบแฝงและเพียงต้องการยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากผู้นำรัฐบาลยอมสละเวลาสักเล็กน้อยรับข้อเรียกร้องของเครือข่ายคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินก็น่าจะเกิดผลดีกับทุกฝ่าย โดยหากเครือข่ายคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินยื่นข้อเรียกร้องแล้วยังไม่ยุติการเคลื่อนไหวนั่นแสดงว่าส่อเจตนาตีรวน ซึ่งรัฐย่อมมีความชอบธรรมที่จะดำเนินการตามกฎหมายได้อย่างเต็มที่
สถานการณ์ที่ส่อเค้าบานปลายอยู่แล้วยิ่งรุนแรงมากขึ้นเมื่อ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีออกมาแถลงในทำนองว่า ฝ่ายเครือข่ายประชาชนคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นฝ่ายเข้าปะทะและทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บ และยิ่งไปกว่านั้นโฆษกรัฐบาลยังอ้างเชิงเปรียบเทียบว่าในอดีตเคยมีแกนนำกลุ่มที่เคลื่อนไหวบางคนหายตัวไปแล้วมีการอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่จับตัวไป แต่ภายหลังพบว่าแอบหนีไปมีความสุขอยู่กับเพื่อนสาวซึ่งไม่ใช่ภรรยาตัวเอง ซึ่งคำแถลงดังกล่าวยิ่งทำให้สถานการณ์บานปลายและเกิดกระแสตอบโต้อย่างรุนแรงทางโซเชียลมีเดีย
ทั้งนี้จากเหตุการณ์ซึ่งความจริงไม่ควรเกิดขึ้นดังกล่าวถือเป็นบทเรียนที่รัฐต้องแยกแยะระหว่างกลุ่มพลังประชาชนที่เคลื่อนไหวโดยบริสุทธิ์ใจกับกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวโดยมีเป้าหมายทางการเมืองแอบแฝง และควรใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่ไปกับหลักนิติศาสตร์และรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวหากการเคลื่อนไหวไม่ได้ทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง อีกทั้งคณะรัฐมนตรีก็เพิ่งเห็นชอบคำประกาศวาระแห่งชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี