ได้พูดให้ฟังในตอนแรกที่ผ่านมาว่า เป็นเพราะอัตลักษณ์แห่งอำนาจที่กำลังใช้อยู่ในขณะนี้ ซึ่งเป็นผู้บริหารงานที่ประกอบด้วยผู้คนที่มีความรู้และประสบการณ์ไม่ตรงกับตำแหน่งหน้าที่ การแก้ปัญหาต่างๆที่จะทำให้ถูกต้องและดีขึ้น คง “ไม่ต้องด้วยใจคน” นั่นเอง
เพราะการบริหารปกครองบ้านเมืองนั้น แม้ “โอกาสอำนวยให้” แต่ถ้า “ไม่ต้องด้วยใจคน” แล้ว ผู้บริหารปกครองก็ปกครองไม่ได้เพราะผู้คนไม่ยอมให้ปกครอง ไม่ว่าจะมีอำนาจเท่าใด
อำนาจที่ได้มาเพราะโอกาสอำนวยให้อย่างผู้บริหารปกครองชุดนี้ ไม่ใช่คำตอบว่าจะอยู่ได้นานและราบรื่นตามที่ตนคาดหวัง เพราะแท้จริงของอำนาจที่มีอยู่นั้นอยู่ที่ประชาชนจะ “ต้องใจ” ผู้ใช้อำนาจด้วยเป็นสำคัญ
ความย่ามใจในการใช้อำนาจที่กำหนดขึ้นเอง โดยเฉพาะ “มาตรา 44” เช่นที่กำลังใช้อยู่บ่อยๆ ขณะนี้ แม้จะมองในแง่มุมของสถานการณ์ในตอนแรกๆ ของการรัฐประหาร เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการบริหารจัดการปัญหาต่างๆ ซึ่งจะอาศัยกฎหมายธรรมดาที่มีอยู่ที่ไม่เพียงพอ หรือไม่ทันกับการแก้ไขก็ตาม การใช้อำนาจ ม.44 อย่างนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับ “สติ” ของผู้ใช้ด้วย ไม่ใช่ใช้อย่างย่ามใจไปทุกเรื่อง เหมือนบังคับให้ต้องทำตามคำสั่งที่ตัวชอบตะพึดตะพือไป ซึ่งการใช้อำนาจอย่างนี้แหละที่ทำให้ “ไม่ต้องด้วยใจคน” มาเป็นลำดับ
ไม่รู้ใครเป็นคนเขียนกติกาแห่งอำนาจ ม.44 ให้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ประกาศใช้ตอนทำรัฐประหารครั้งนี้ (ปี พ.ศ.2557) ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งว่าไว้ดังนี้
“...ให้หัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีอำนาจ
สั่งการ ระงับยับยั้งหรือกระทำการใดๆ ก็ได้ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะมีผลบังคับทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ ให้ถือว่าคำสั่งหรือการกระทำ รวมทั้งการปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว เป็นคำสั่งหรือการกระทำ หรือการปฏิบัติหน้าที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญและเป็นที่สุด...”
แม้ขณะนี้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว แต่ก็ยังซ่อนอำนาจพิเศษอย่างนี้ไว้ในบทเฉพาะกาลด้วย แล้วอย่างนี้จะ “ต้องด้วยใจคน” อย่างไร
เคยพูดมาให้ฟังแล้วว่า ความรู้สึกที่ดีของประชาชนที่มีต่อการทำรัฐประหารครั้งนี้ในระยะแรกๆนั้น มีทิศทางไปในทางบวกกับคณะรัฐประหาร แต่ขณะนี้ความรู้สึกที่ดีดังกล่าวกำลังตีกลับไปในทางลบ ความอึดอัดใจและความไม่พอใจกำลังสะสมเกิดขึ้นเรื่อยๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตประจำวันของผู้คนส่วนใหญ่ในบ้านเมืองซึ่งยากจน หาเช้ากินค่ำ มีปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนหม้อน้ำที่กำลังเริ่มเดือด
ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารปกครองบ้านเมืองในขณะนี้ ต้องรู้จักสถานภาพแห่งการเป็นรัฐบาลของตนในช่วงนี้ให้ถูกต้องด้วย ว่าตนไม่ใช่เป็น “รัฐบาลตามปกติ” ที่มาตามระบบการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ความเป็นรัฐบาลของตนนั้นเป็น “รัฐบาลเฉพาะกาล” ไม่ใช่ “รัฐบาลปกติ” หรือ “รัฐบาลรักษาการ”
ทั้ง 3 รูปแบบของรัฐบาลดังกล่าวเป็นอย่างนี้
“รัฐบาลปกติ” เป็นรัฐบาลที่เกิดขึ้นตามวิถีทางของระบอบการเมืองการปกครองตามที่กำหนดไว้ คือมาจากการเลือกตั้ง
“รัฐบาลรักษาการ” คือรัฐบาลชั่วคราวที่ทำหน้าที่แทนรัฐบาลปกติที่พ้นอำนาจหน้าที่ไปตามวาระหรือจากการยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะฉะนั้นรัฐบาลรักษาการจึงเป็นเพียงรัฐบาลที่รักษาระบอบที่มีอยู่ให้คงไว้ จนกว่าจะมีรัฐบาลปกติเข้ามาทำงาน
“รัฐบาลเฉพาะกาล” เป็นรัฐบาลที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ไม่ปกติ เช่นเกิดจากการรัฐประหาร ยึดอำนาจคนอื่นมาบริหาร เพราะผู้ถูกยึดอำนาจเป็นผู้บริหารบ้านเมืองไม่ดี สร้างความเสียหายเดือดร้อนมาสู่ประชาชนและบ้านเมือง หน้าที่สำคัญของ “รัฐบาลเฉพาะกาล” จึงมีหน้าที่บริหารจัดการชำระสะสาง “ของเสีย” ทั้งหลายที่เกิดขึ้นจากการบริหารของพวกที่ไปยึดอำนาจเขามาเพื่อให้ “ของเสีย” ทั้งหลายที่เกิดขึ้นหมดไปให้ได้ เพื่อนำบ้านเมืองสู่ภาวะปกติตามระบอบ
นี่คือรูปแบบของรัฐบาลทั้ง 3
ไม่ว่าที่ไหนในโลกนี้เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น
คนที่ยึดอำนาจเขามาก็ต้องเข้าใจให้ดีด้วยว่า ตนเป็น “รัฐบาลเฉพาะกาล” เข้ามาใช้อำนาจเพียงชั่วครู่ชั่วยามเพื่อขจัดความเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้นจากพวกชุดก่อนให้หมดไป ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มิฉะนั้น “ของเสีย” ทั้งหลายก็จะตกค้างอยู่ต่อไปอีกไม่สิ้นสุด แล้วตัวเองก็จะต้องกลายเป็น “ของเสีย” ไปด้วย
เกือบจะ 4 ปีแล้วของ “รัฐบาลเฉพาะกาล” ชุดนี้ที่ผู้คนในบ้านเมืองยังเห็นว่า ทุกอย่างที่คาดหวังว่าจะดีขึ้นกว่าบ้านเมืองที่ถูกปู้ยี่ปู้ยำจากคนเลวๆที่มีอำนาจปกครอง แต่หลายสิ่งหลายอย่างจะเหมือนอีหรอบเดิม ไม่ว่าปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาทางสังคม หรือปัญหาทางการเมือง ปัญหาทางความมั่นคง โดยเฉพาะปัญหาที่ชายแดนใต้ที่ยังแก้ไขให้ดีขึ้นไม่ได้
วนเวียนไปมาอยู่อย่างนี้ไม่สิ้นสุด
เหมือนคำเปรียบเทียบที่ชาวบ้านรู้จักกันดี คือ
“ฝนเอ๋ยทำไมจึงตก ฝนตกเพราะกบมันร้อง
กบเอ๋ยทำไมจึงร้อง กบร้องเพราะท้องมันปวด
ท้องเอ๋ยทำไมจึงปวด ท้องปวดเพราะข้าวมันดิบ
ข้าวเอ๋ยทำไมจึงดิบ ข้าวดิบเพราะฟืนมันเปียก
ฟืนเอ๋ยทำไมจึงเปียก ฟืนเปียกเพราะฝนมันตก”
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี