ระยะหลัง การจับยาบ้านับวันจะทำลายยอดมโหฬาร
เมื่อวานนี้ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำแถลงจับผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ 2 ราย ยึดของกลาง ทั้งยาบ้าและไอซ์ จำนวนมาก
ระบุว่า ยาบ้าจำนวนกว่า 10 ล้านเม็ด บรรจุในกระสอบปุ๋ย ถุงละ 2 แสนเม็ด
จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวได้รับยามาจากประเทศเพื่อนบ้านทางภาคเหนือ ก่อนจะลำเลียงยามาพักไว้ในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าวันละ 2 ล้านเม็ด โดยลูกค้าส่วนใหญ่ภาคใต้ รูปแบบพัสดุบรรจุเป็นแบบเดิมๆ
1. น่าคิดว่า กำไรจากธุรกิจยาบ้าคงจะมหาศาล
ต้นทุนการผลิตต่อเม็ด เมื่อเทียบกับราคาขาย เทียบกับต้นทุนความเสี่ยง จึงคุ้มที่ขบวนการนี้จะทำธุรกิจครึกโครมขึ้นทุกวัน แม้จะมีการจับกุมได้บ่อยครั้ง แต่ยังพร้อมเสี่ยง แล้วแต่ละลอตที่จับได้ก็ดูเหมือนจะมียาบ้าลอตใหญ่เพิ่มขึ้นทุกวันๆ
ทำนองว่า จับได้ก็ซวยไป แต่ถ้ารอดได้ก็รวยไม่รู้เรื่อง
2. การปราบปรามในช่วงหลัง เป็นที่น่าชื่นชมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ในการขยายผล จับเครือข่ายเงินของพ่อค้ายาเสพติดด้วย เพราะนั่นคือท่อน้ำเลี้ยงสำคัญที่สุดของขบวนการนี้
ควรเอาจริง เด็ดขาด และเดินหน้าต่อเนื่อง ไม่หยุดหย่อน
3. ขณะเดียวกัน น่าจะ “ปฏิรูปการแก้ปัญหายาเสพติด” ด้วย
จำได้ว่า ปีที่แล้ว เคยมีแนวคิดที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงสถานะของยาบ้า ว่าด้วยการนำเอายาบ้าออกจากบัญชียาเสพติดร้ายแรง เพื่อให้สามารถใช้ในทางการรักษาได้ เพื่อประโยชน์ในการจัดการด้านดีมานด์ของยาบ้า
มีการพูดถึงแนวทางของหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะสวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ ที่มุ่งจัดการด้านดีมานด์ยาเสพติด หันไปให้ความสำคัญว่า ควรจะให้คนเสพใช้ยาอย่างไร โดยให้คนสามารถใช้ยาเสพติดเพื่อการบำบัด แต่ต้องอยู่ในระบบควบคุม ซึ่งแตกต่างกับการจับคนเข้าคุกเหมือนบ้านเรา
แนวคิดนี้ ไม่ใช่ว่า เปิดเสรียาบ้าให้กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย หรือให้หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป
4. ในยุครัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา กระทรวงยุติธรรม เคยจัดการประชุม “ทิศทางของนโยบายยาเสพติดโลกภายหลังการประชุม UNGASS (2016) กับการพิจารณาทบทวนกฎหมายและการตีความของไทยเกี่ยวกับยาเสพติด”
ผศ.ดร.นพ.อภินันท์ อร่ามรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิชาการสารเสพติดภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ข้อมูลและมุมมองกับสื่อมวลชนน่าสนใจว่า กฎบัตรสหประชาชาติเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดจัดเมทแอมเฟตามีนเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทในกลุ่มที่สอง (schedule 2) ซึ่งหมายถึงมีประโยชน์ทางการแพทย์มากกว่าและมีโทษน้อยกว่ายาในกลุ่มที่หนึ่ง
ในต่างประเทศ มีการใช้เมทแอมเฟตามีนเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ในเด็กที่มีอาการของโรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Disorder หรือ ADD) แต่การซื้อนั้นก็เป็นการซื้อตามใบสั่งยาของแพทย์ ไม่ใช่การไปซื้อหาได้เองตามสะดวก พูดง่ายๆ ว่า เมทแอมเฟตามีนมีสถานะเป็นยา ที่สามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย
แต่ในบ้านเรา ภาครัฐได้ยกระดับขึ้นมาเป็นยาเสพติดประเภทที่หนึ่ง ในสมัยที่นายเสนาะ เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข การใช้ยาบ้าเป็นเรื่องผิดกฎหมายร้ายแรง แต่ยอดผู้เสพและผู้ค้าก็ไม่ได้ลดลงแถมในคุกก็ยังเต็มไปด้วยนักโทษคดียาบ้า
5. มีข้อเขียนน่าสนใจ กล่าวถึงกรณีของประเทศโปรตุเกส โดยเฮเลน เรดมอนด์ เรื่อง “การทำให้ยาเสพติดไม่ผิดกฎหมายเป็นนโยบายที่ประสบความสำเร็จในโปรตุเกส แต่มาตรการรัดเข็มขัดอาจเป็นอุปสรรคต่อการรักษาผู้ติดยา” เนื้อหาบางส่วนสะท้อนแนวทางที่น่าสนใจในการจัดการกับยาบ้า อาทิ
- การโหมทำสงครามต่อต้านยาเสพติด โดยสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ทำให้การขายและใช้ยาเสพติดดูมีอันตรายมากกว่าธุรกิจการค้าอาวุธ ซึ่งรวมถึงอาวุธที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงซึ่งถูกกฎหมาย มีกำไรงามเช่นกัน แต่ฆ่าคนมากกว่า
- สงครามต่อต้านยาเสพติด ทำให้คนทั่วโลกเสียชีวิตไปหลายแสนคน ตั้งแต่เฟลิเป กัล เดรอน รับตำแหน่งเมื่อปี 2549 คนเม็กซิโกเสียชีวิตไปมากกว่า 50,000 คน เนื่องด้วยความรุนแรงของสงครามต่อต้านยาเสพติด คนที่ถูกฆ่าร้อยละ 75 มีอายุน้อยกว่า 25 ปี
- ประเทศโปรตุเกส เลือกยุติสงครามต่อต้านยาเสพติด ในปี 2543 รัฐบาลโปรตุเกสทำให้การใช้ยาทั้งหมดไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย อาทิ เฮโรอีน เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า และโคเคนสำหรับสูบ การทำให้ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ใช่การออกกฎหมายใหม่ และตำรวจยังคงสามารถจับคนใช้ยา
และขายยาได้
- การดำเนินการด้านกฎหมาย มีผลให้การใช้หรือครอบครองยาเสพติดไม่ใช่การทำผิดกฎหมายอาญา แต่เป็นการทำผิดกฎทางการปกครองแทน ประชาชนได้รับอนุญาตให้มียาเสพติดสำหรับเสพได้ในขอบเขตจำกัด ผู้เสพยาไม่ล้นศาลอาญาของโปรตุเกสอีกต่อไป ประชาชนที่ถูกจับเพราะอาชญากรรมอันเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมีจำนวนลดลงมากจากปีละ 14,000 คน เหลือ 5,000-5,500 คน โดยเฉลี่ย
- มีการเปลี่ยนทัศนคติขั้นพื้นฐานที่มีต่อคนที่ใช้ยาเสพติด ประชาชนเชื่อว่ารักษาดีกว่าลงโทษ ผู้ใช้ยาเสพติดไม่ใช่อาชญากรปิศาจที่ต้องถูกจำคุก แต่เป็นคนธรรมดาที่ใช้ยาเสพติดเพื่อเหตุผลและความจำเป็น ควรได้รับการกำกับดูแลและช่วยเหลือ
- มีการให้ทางเลือกหลายทางเพื่อรักษาการติดยา เช่น รถแจกเมทาโดนและการรักษาการติดยาแบบที่เหมาะกับสภาพของแต่ละบุคคล เป็นต้น
- มีการเน้นบทบาทของคณะกรรมการรณรงค์ให้เลิกยา มองว่าการใช้ยาเสพติดเป็นปัญหาสุขภาพอย่างหนึ่ง ไม่ใช่อาชญากรรม ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ยาเสพติด คณะกรรมการอาจแนะนำให้ละเว้นความผิดทางปกครองสักระยะหนึ่ง เสนอการรักษา การบำเพ็ญประโยชน์ให้ชุมชน และการเข้าศูนย์สุขภาพสัปดาห์ละครั้ง หรือบทลงโทษ ด้วยการจำกัดการเดินทาง ห้ามไปสถานที่บางแห่ง หรือปรับ
- การทำให้การใช้ยาเสพติดไม่ผิดกฎหมายนั้น ต้องเพิ่มบริการรักษาการติดยาให้มากขึ้นด้วย คนที่ติดยาอยากได้เข็มฉีดยาที่สะอาด การบำบัดด้วยยาที่มีฝิ่นเจือปนในระยะยาว เช่น เมทาโดนและบิวพรีนอร์ฟีน จะอยากพบแพทย์เพื่อจะได้ยารักษาทางจิตเวช เพื่อบรรเทาความวิตกกังวลและความหดหู่ และอยากพบที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิตเพื่อบำบัดด้วยการสนทนา คนที่ติดยาอยากได้สิ่งเหล่านี้ บริการสะดวก และไม่เสียค่าใช้จ่าย ฯลฯ
นี่คือภาพสะท้อนบางส่วน จากกรณีของโปรตุเกส
6. น่าคิดว่า การจัดการกับปัญหายาบ้า ยาเสพติดในบ้านเรา จะปฏิรูปอย่างไรบ้างไหม?
หรือจะวนอยู่กับวิธีการและวิธีคิดแบบเดิมๆ ที่ทำให้กำไรของธุรกิจค้ายาบ้าสูงขึ้นทุกวัน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี