เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2560 พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงข้อเสนอของนักการเมืองเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว โดยเสนอให้รัฐออกมาตรการประกันรายได้ จ่ายสมทบเงินส่วนต่าง และเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางชะลอการขาย จ่ายดอกเบี้ยให้ชาวนาทดแทนว่า
การเสนอความเห็นในช่วงนี้เป็นการฉวยโอกาสสร้างพื้นที่ข่าวให้กับตนเอง โดยอาจมีเจตนาทำให้สังคมมองว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยมองเห็นปัญหาและอนุมัติแผนงานในเรื่องนี้ไว้แล้ว
พลโทสรรเสริญกล่าวว่า ครม.ได้มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2560/2561 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2560 ประกอบด้วย 3 โครงการ คือ
1. โครงการสินเชื่อชะลอขายข้าว มอบสินเชื่อแก่ชาวนาสัดส่วนร้อยละ 90 ของราคาตลาด ผ่าน ธ.ก.ส. ระยะเวลาดำเนินการ 1 พ.ย.2560-30 ธ.ค.2561 และยังจ่ายค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว 1,200 บาทต่อไร่ ไม่เกิน 10 ไร่ และค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉาง 1,500 บาทต่อตัน
2.โครงการให้สินเชื่อกลุ่มสหกรณ์ กลุ่มสถาบันเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน เพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้าวจากชาวนาและนำไปแปรรูป ในอัตรา 12,000 บาทต่อตัน และรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ส่วนหนึ่ง ระยะเวลาดำเนินการ 1 ต.ค.2560-30 ก.ย.2561
และ 3.โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับโรงสีข้าวในอัตราร้อยละ 3 เพื่อรวบรวมข้าวจากเกษตรกรเก็บไว้ในสต๊อก 2-6 เดือน
พลโทสรรเสริญกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เป็นห่วงการให้ข่าวที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่า รัฐบาลนิ่งเฉย หรือไม่ได้ดำเนินการใดๆ โดยกำชับให้ทุกหน่วยงานติดตามข่าวที่เกี่ยวข้องกับงานของตน และชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์
พร้อมกับย้ำว่า การแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าวและยางพารานั้น รัฐบาลไม่ต้องการทำแค่ระยะสั้นเท่านั้น โดยจะต้องมองไปถึงการแก้ไขทั้งระบบเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว เช่น ปฏิรูปข้อมูลที่ดินเพื่อการเกษตร ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมแปรรูปผลผลิต ลดต้นทุนเพิ่มผลผลิตด้วยเกษตรกรแปลงใหญ่ ดูแลสวัสดิการชาวนา ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุน พัฒนาช่องทางตลาดอย่างทั่วถึง ฯลฯ
สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวดังกล่าวข้างต้น รัฐบาลได้เห็นชอบวงเงินช่วยเหลือทั้งสิ้น 87,216.17 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายรักษาเสถียรภาพราคาข้าวและดูดซับข้าวออกจากระบบได้ราว 12.5 ล้านตัน จากปริมาณข้าวที่จะออกสู่ตลาด 26 - 27 ล้านตัน
อ่านข่าวนี้แล้ว ยอมรับว่างงในตอนแรก จนต้องเสิร์ชหาว่าใครออกมาเสนอ คุณไก่อูแกถึงออกมา “จิก” ซะขนาดนี้ จนเจอข่าวนี้ครับ
28 พ.ย.2560 เมื่อเวลา 10.30 น. นายกรณ์ จาติกวณิช ประธานกรรมการนโยบาย พรรคประชาธิปัตย์และคณะทํางาน แถลงข่าว เนื่องจากขณะนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวชาวนาในภาคอีสานและในหลายพื้นที่ทั่วประเทศกําลังอยู่ในฤดูเก็บเกี่ยวข้าว เมื่อข้าวออกสู่ตลาดพร้อมกันในจํานวนมาก อาจส่งผลให้ราคาข้าวที่ต่ำอยู่แล้ว มีราคาตกต่ำลงไปอีก ประกอบกับรัฐบาลได้มีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ที่เกี่ยวข้องกับราคาข้าวโดยตรง
นอกจากกรณีปัญหาราคายางพาราที่ตัวแทนของพรรคได้แถลงไปแล้วเมื่อวานนี้ วันนี้ คณะทํางานด้านนโยบายเกษตร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ศึกษาเพื่อแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอดและได้ใช้ช่วงเวลาที่ผ่านมา รับฟังปัญหาจากเกษตรกรทั่วประเทศ จึงขอเป็นตัวแทนเกษตรกรนําเสนอแนวความคิดทางนโยบายเพื่อให้รัฐบาลได้นําไปแก้ปัญหา ดังต่อไปนี้
1.ขอให้รัฐบาลนําโครงการ “ประกันรายได้เกษตรกร” มาใช้ในฤดูการผลิต 2560/2561 ที่จะถึงนี้ โดยให้จ่ายสมทบ “เงินส่วนต่าง” แก่เกษตรกรโดยตรงเข้าบัญชี กส.
- ชาวนาจะมีรายได้เพิ่มเป็น 12,000 บาท/ตัน สําหรับข้าวเปลือกเจ้า
- ชาวนาจะมีรายได้เพิ่มเป็น 16,000 บาท/ตัน สําหรับข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว
2.ขอให้รัฐบาลสนับสนุนต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวและค่าปรับปรุงคุณภาพข้าวไร่ละ 1,200 บาท โดยเพิ่มจากครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่หรือ 12,000 บาท เป็นไม่เกิน 20 ไร่ หรือ 24,000 บาท
3. ขอให้รัฐบาลส่งเสริมให้ชาวนา เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตนเองหรือชุมชน ด้วยการสนับสนุนมาตรการสินเชื่อชะลอการขายข้าว มอบสินเชื่อในสัดส่วนร้อยละ 90 ของราคาประกันฯ โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ชาวนาทดแทน
คณะทํางานทีมนโยบายด้านเกษตร เชื่อมั่นว่า หากนํามาตรการเหล่านี้ไปใช้ในฤดูการผลิตที่กําลังจะมาถึง จะเป็นการช่วยเหลือพี่น้องชาวนาได้ตรงจุด และทันเวลามากที่สุด เนื่องจากจะทําให้เงินถึงมือชาวนาได้โดยตรงทุกครัวเรือนผ่านบัญชีธนาคารของตัวเองไม่รั่วไหล และไม่ผ่านตัวกลางราชการอื่น
นโยบาย “ประกันรายได้เกษตรกร” จะช่วยให้พี่น้องชาวนาทั่วประเทศ ที่กำลังประสบปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่งผลต่อการเพิ่มกําลังซื้อภาคครัวเรือน และเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้กลับมาเข้มแข็งได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ทางคณะทํางานนโยบายด้านเกษตรมีความหวังร่วมกับชาวนา เมื่อได้เห็นรายชื่อของรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ เป็นอย่างมาก จึงคาดหวังที่จะเห็นแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาสินค้าเกษตรของไทยเป็นสินค้าเกษตรพรีเมียม โดยกระทรวงเกษตรฯ และแผนยุทธศาสตร์ในการสนับสนุนแหล่งตลาดสําหรับสินค้าเกษตรพรีเมียม โดยกระทรวงพาณิชย์ คณะทํางาน เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ายุทธศาสตร์ดังกล่าวจะเป็นการสร้างความยั่งยืนด้านรายได้แก่พี่น้องเกษตรกรไทยอย่างแท้จริง
อ่านจบแล้วทั้งสองข่าว ก็ให้เกิดความเห็นว่า
1) นายกรณ์ จาติกวณิช และคณะ ก็มิได้ “โจมตี” อะไรรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เลยสักคำ ยังย้ำในตอนต้นว่า ที่ออกมาเสนอเพราะเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยว และเห็นว่ามีการเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี ทั้งยังย้ำอย่างดีว่า รู้สึก “มีความหวัง” กับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของกระทรวงเกษตรฯ แล้วคุณไก่อูจะต้อง “ฉุนเฉียว” อะไร ทำไมกัน งง!
2) ผมคิดว่า พลเอกประยุทธ์ ต้องทบทวน “มนุษยสัมพันธ์” ของหัวหน้าทีมโฆษกของท่านได้แล้ว ว่าเฮ้ย! ไก่อู ช่วงนี้ “จิก” ถี่ไปว่ะ ระวังจากไก่อูจะกลายเป็น “ปลาหมอ” ลำพังฉันกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็มีปากที่ลากพาเรื่องมาหาแทบไม่เว้นแต่ละวันอยู่แล้ว เธอช่วยเป็นโฆษกที่ต่างไปจากฉันสองคนได้ไหม คือ สร้างการรับรู้เชิงบวก คลี่คลายความเข้าใจผิด แยกมิตร แยกศัตรู และรู้วิธีที่จะทำให้ประชาชนและคนที่มาช่วยกันเสนอทางแก้ไขปัญหาทั้งหลาย เขารู้สึกดีๆ และมีศรัทธากับเราต่อไป ไม่รู้สึกว่าเราเป็นเผด็จการ ที่ใครแตะต้องไม่ได้ เสนออะไรไม่ได้ เป็นพลทหารที่ต้องอยู่ในแถว สั่งอย่างไร ค่อยทำไปตามสั่งก็พอ อย่ามาเสนอหน้า เสนอความคิดเห็น
3) พลโทสรรเสริญครับ อย่าทำทุกเรื่องให้เป็นเรื่อง “การเมือง” ไปเสียหมด ในขณะที่ท่านและคณะมักจะสื่อสารทั้งทางตรงและทางอ้อม ว่านักการเมืองเลวอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ สร้างปัญหาอย่างโน้น ท่าน“วางตัวให้ดีกว่า” พวกเขาได้ไหม อย่างกรณีนี้ คณะของนายกรณ์เขาไม่ได้มาจิกด่าโจมตีอะไร แต่เพราะเขาทำงานในพื้นที่ เขามีข้อเสนอแนะ ก็เปิดใจ ยิ้มรับ รู้จักมารยาทพื้นฐาน คือ ขอบคุณ บ้างได้ไหม แล้วใช้เป็นโอกาสอันดีที่จะบอกว่า รัฐบาลนี้ยินดีมาก ที่เห็นนักการเมืองทำงานอย่างสร้างสรรค์ เอาประสบการณ์ที่เคยทำงานพื้นที่ ทำงานเชิงนโยบาย มาช่วยเตือนให้เราไม่ลืมทำมาตรการที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชน จึงขอใช้โอกาสนี้ บอกแก่คณะของคุณกรณ์และพี่น้องเกษตรกรเสียเลยว่า รัฐได้ออกมาตรการหลายอย่าง ดังต่อไปนี้ บลาๆๆๆ
4) สิ่งที่อยากขอให้มีอยู่ในท่าทีและจิตสำนึกของ พลโทสรรเสริญ และรัฐบาลชุดนี้คือ “เมตตา” อย่าเหลิงในอำนาจจนทำให้หน้าเชิดคอชู ไม่รู้หรอกหรือว่างานที่ท่านทำอยู่ตอนนี้ คือ การเป็นนักการเมือง เพียงแต่ต่างจากนักการเมืองที่ท่าน “จิก” ตรงที่ ท่านไม่มีสำนึกของความเป็น ผู้แทนราษฎร ท่านขาดการ “เชื่อมต่อ” กับราษฎร ซึ่งไม่อยากจะย้อนกลับไปพูดหรอกว่า นักการเมืองเขาไม่กล้า “ขึ้นเสียง” หรือ “ตวาด” ประชาชนแน่ แต่ท่านทำกันได้ ซึ่งเรื่องมันจบไปแล้วไม่เป็นไร
แต่ผมอยากให้ พลโทสรรเสริญ เป็นตัวอย่างของ โฆษกที่มีวุฒิภาวะ เพราะในแง่สติปัญญาท่านมีแล้ว
บอกตรงๆ ผมเบื่อโฆษกโง่ๆ บ้าน้ำลาย โต้วาที ผมดีใจที่ พลเอกประยุทธ์ เลือกท่านเป็นโฆษก แถมยกตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ให้ท่านอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
แต่ท่านจะสื่อสารและประชาสัมพันธ์อะไรกับใครได้ ถ้าท่านมีจิตมองคนในแง่ร้ายโดยไม่จำแนกแยกแยะ ดูท่าที ฟังน้ำเสียง อ่านข้อเสนอให้ครบถ้วน แล้วแยกได้ด้วยคุณวุฒิ วัยวุฒิว่า นี่มิตรหรือศัตรู นี่ผู้ปรารถนาดีหรือผู้บ่อนทำลาย
จะมองว่าเขาหาเสียงก็ได้ แต่มันเป็นการหาเสียงที่เกิดประโยชน์ทั้งกับรัฐบาลของท่านและประชาชนหรือเปล่า
และพูดตรงๆ เลยนะ เขาจะหาเสียงไปทำไม ในเมื่อการเลือกตั้งยังไม่มีความแน่ชัดใดๆ ออกมาเลย กะอีแค่จะปลดล็อกเพื่อให้พรรคการเมืองได้ปฏิบัติตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว พวกท่านยังไม่อนุญาตกันเลย ทั้งๆ ที่กฎหมายนั้น โรดแมปนั้น ก็เป็นพวกท่านทั้งนั้นที่กำหนดขึ้นเอง และมันไปบังคับเขาให้ต้องปฏิบัติ ท่านก็บังคับซ้อนบังคับว่า ถึงกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองจะสั่งให้ท่านปฏิบัติ แต่ฉันขอใช้ประกาศ คสช. สั่งให้ท่านยังไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เอ๊ะ มันดูพิลึกพิลั่นยังไง ท่านพอจะมองเห็นบ้างหรือเปล่า
ทบทวนท่าทีของตัวเองดีๆ นะครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี